‘YouTube’ แพลตฟอร์มคอนเทนต์แบบเปิดที่อนุญาตให้ทุกคนมาสร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มได้ โดยนักพัฒนาคอนเทนต์เหล่านั้นจะถูกเรียกว่า ‘ยูทูเบอร์’ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาชีพมาแรงที่ใครหลายคนใฝ่ฝันในยุคนี้ เนื่องจากเป็นอาชีพที่ให้อิสระแก่ผู้ประกอบอาชีพ ทั้งในแง่ของผลตอบแทนและเวลาในการทำงาน ซึ่งล่าสุด จิมมี โดนัลด์สัน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นยูทูเบอร์มหาเศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์) คนแรกเป็นที่เรียบร้อย
THE STANDARD WEALTH จึงพามาเปิดประวัติของ ‘ยูทูเบอร์พันล้าน’ เบอร์ต้นของวงการ อย่าง จิมมี โดนัลด์สัน เจ้าของช่อง ‘MrBeast’ ที่เรียกได้ว่าเป็นอาณาจักรโลกออนไลน์ ด้วยยอดผู้ติดตามกว่า 116 ล้านราย ซึ่ง ณ ขณะนี้ เขาได้ขึ้นปกนิตยสาร Forbes ในฐานะ ‘30 Under 30’ ประจำปี 2023
เปิดประวัติ ‘MrBeast’ ยูทูเบอร์พันล้านดอลลาร์
จิมมี โดนัลด์สัน ชายในวัย 24 ปี ที่ได้ขึ้นปกนิตยสาร Forbes ในคอลลัมม์ ‘30 Under 30 ของปี 2023 ผู้เป็นเจ้าของช่อง ‘MrBeast’ ที่มียอดผู้ติดตามในฐานะช่องส่วนตัวกว่า 116 ล้านราย ทั้งยังเป็นเจ้าของธุรกิจอีกหลายอย่าง ได้มีตัวเลขเผยออกมาว่า ในช่วงปี 2021 นั้น เขาสามารถทำรายได้กว่า 54 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.9 พันล้านบาท โดย 32 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.1 พันล้านบาท) มาจากโฆษณาจากช่องต่างๆ ของเขา และ 9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 315 ล้านบาท) มาจากคอนเทนต์ที่ได้รับการสปอนเซอร์ และจากการคาดการณ์รายได้พบว่า ภายในปี 2022 รายได้ของ ‘MrBeast’ จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแตะ 110 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.9 พันล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อยากดูก็จ่ายมา! YouTube เริ่มบังคับให้ผู้ใช้สมัคร ‘YouTube Premium’ หากต้องการดูวิดีโอ 4K ชี้นี่คือขุมทรัพย์รายได้ใหม่
- YouTube เผยยอดสมาชิก ‘พรีเมียม’ และ ‘มิวสิก’ ทะลุ 50 ล้านคน สะท้อนทิศทางผู้บริโภคยินดีจ่ายเพื่อบริการที่ดีกว่า
- มากเกินไปหรือไม่? ผู้ใช้งาน YouTube พบ ‘โฆษณา’ ที่ไม่สามารถกดข้ามได้ 10 รายการในช่วงเวลาเดียวกัน
จิมมี โดนัลด์สัน ได้เริ่มโพสต์คลิปลง YouTube เป็นครั้งแรกในปี 2012 ขณะที่มีอายุเพียง 13 ปี ซึ่งในช่วงต้นของเขาก็จะทำคอนเทนต์แบบหลากหลาย ตั้งแต่การสตรีมเกม (ในรายการ ‘Let’s Play’) โดยเน้นเกมอย่าง Minecraft และ Call of Duty: Black Ops 2 หรือไลฟ์สไตล์ เป็นต้น ซึ่งในตอนนั้นช่องของเขาก็ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไรนัก
ต่อมาในปี 2015 และ 2016 จิมมีเริ่มมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นจากการทำรายการ ‘Worst Intros’ ซึ่งเป็นคอนเทนต์แนววิจารณ์ยูทูเบอร์ช่องอื่น จนทำให้มีผู้ติดตามแตะ 30,000 ราย จากนั้นเขาได้ตัดสินใจดรอปออกจากมหาวิทยาลัยอีสต์แคโรไลนาในช่วงกลางปี 2016 เพื่อลุยกับการทำ YouTube อย่างเต็มที่ แต่ในช่วงนั้น แม่ของเขาก็ไม่เห็นด้วย จิมมีจึงตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเพื่อมาตามความฝัน
จนกระทั่งในปี 2017 เขาได้ทำคลิป ‘Counting to 100,000’ ที่เขาจะนั่งนับตัวเลขไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 100,000 ซึ่งเป็นวิดีโอที่เขาใช้เวลาถ่ายทำกว่า 40 ชั่วโมง และต้องเร่งคลิปเพื่อให้มีความยาวไม่เกิน 24 ชั่วโมง และนั่นเองที่ทำให้ช่องของเขามียอดวิวแตะหลักหมื่นภายในไม่กี่วัน และก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นของช่อง ‘MrBeast’ ต้ังแต่นั้นเป็นต้นมา
ซึ่งในภายหลังช่อง ‘MrBeast’ ก็ได้ขยายคอนเทนต์จากการสตรีมเกมไปยังการทำวิดีโอแจกเงิน หรือแจกของให้กับผู้ติดตามมากขึ้น จนเกิดเป็นช่องย่อยต่างๆ อาทิ Beast Reacts, MrBeast Gaming, MrBeast 2 และ Beast Philanthropy
จิมมีไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ในปี 2019 เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Team Trees องค์กรระดมทุนให้กับมูลนิธิ Arbor Day ในปี 2020 เขายังได้ก่อตั้ง MrBeast Burger ร้านอาหารเสมือนจริงที่สามารถสั่งซื้อเบอร์เกอร์ผ่านออนไลน์เดลิเวอรี ในขณะที่ปี 2021 เขาก็ได้ไปเป็นผู้ร่วมก่อตั้งของ Team Seas องค์กรด้านการระดมทุนแก่มูลนิธิอีกเช่นกัน
และล่าสุด ปี 2022 จิมมีได้ก่อตั้ง Feastables บริษัทขายช็อกโกแลตบาร์ในแบรนด์ของเขาเองที่มีการปล่อย ‘ตั๋วทองคำ’ เป็นจำนวน 10 ใบ ไว้ในช็อกโกแลตบาร์ ที่หากใครค้นพบจะได้ไปโรงงานช็อกโกแลตของเขา ซึ่งได้ออกแบบโรงงานช็อกโกแลตดังเช่นในหนังเรื่อง ‘Chocolate Factory’ เลยทีเดียว
นอกจากนี้ จิมมียังเป็นเจ้าของสตูดิโอแห่งหนึ่งที่เขาตั้งใจจะขายเสี้ยวหนึ่งของกิจการเพื่อนำเงินไปลงทุนต่อ ซึ่งหากเขาขาย 10% ของหุ้นสตูดิโอดังกล่าวที่น่าจะมีมูลค่าราว 150 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5.2 พันล้านบาท นั่นก็จะทำให้มูลค่าของทั้งสตูดิโออยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.25 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจิมมียังถือไว้อีก 90% เขาจะเป็นเจ้าของสินทรัพย์มูลค่า 1.35 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.73 หมื่นล้านบาท) ดันเขาขึ้นเป็น ยูทูเบอร์มหาเศรษฐีพันล้าน (ดอลลาร์) คนแรกเป็นที่เรียบร้อย
หรือแม้แต่ตอนนี้ที่จิมมียังไม่ได้ประเมินธุรกิจของสตูดิโอดังกล่าว ทาง Forbes นิตยสารด้านธุรกิจ ก็ได้ประเมินสินทรัพย์ส่วนตัวของจิมมีไว้ที่ 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว
โดยจิมมีก็ได้กล่าวกับนิตยสาร Forbes ไว้ว่า “โอกาสที่คุณจะเป็นมหาเศรษฐีพันล้านได้จะมีสูงขึ้น หากคุณไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่มัน คุณเพียงแค่ต้องโฟกัสไปที่การสร้างบริษัทที่มันสุดยอดก็เท่านั้น”
ภาพ: Dave Kotinsky / Getty Image
อ้างอิง: