×

“ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เกินไป สำหรับฝันของคนไทย” กับการปั้นฝันนักบิดไทยสู่สนามแข่งระดับโลก MotoGP ในปี 2025 [Advertorial]

โดย THE STANDARD TEAM
10.10.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 MINS READ
  • เอ.พี. ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม (Race to the Dream) สปิริตไทย ท้าทายสู่ฝัน
  • แนวคิดสำคัญในการปั้นนักแข่งไทยไปสู่สนามระดับโลก MotoGP ในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้
  • โปรเจกต์ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ (A.P. Honda Academy Thailand) มีเป้าหมายเตรียมความพร้อมให้นักบิดไทย ก่อนก้าวลงสนามระดับประเทศ ระดับเอเชีย ไปถึงระดับโลก
  • เส้นทางสู่ดาวที่เหล่านักบิดต้องฝ่าฟันกว่าจะไปถึงสนามแห่งชัยชนะระดับโลก MotoGP

หากพูดถึงการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูลาวันที่แข่งขันความเร็วเพียงเท่านั้น แต่ความจริงแล้วกีฬามอเตอร์สปอร์ตยังรวมไปถึงการแข่งขันกีฬาทุกชนิดที่อยู่ภายใต้ยานพาหนะที่มีเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก เครื่องบิน เรือ และยังรวมไปถึงการแข่งขันที่ไม่ได้ใช้ความเร็วเป็นตัววัด เช่น จิมคาน่า (Gymkhana) ดริฟต์ (Drift) และฟรีสไตล์มอเตอร์ครอส (Freestyle Motocross) ที่สำคัญประเทศไทยยังเป็นแลนด์มาร์กใหญ่ของกีฬามอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ก็ยังเป็นสนามแรกและสนามเดียวในเมืองไทยที่ได้มาตรฐานระดับสูงสุด โดยผ่านการรับรองจากสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA เกรด 1 ซึ่งสามารถจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งหรือฟอร์มูลาวัน และมี Race Control ที่ทันสมัยที่สุดในโลกอีกด้วย

และกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่มีกระแสความนิยมจากผู้ชมที่ชื่นชอบความเร็วมากขึ้นในทุกๆ ปี นั่นก็คือการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า โมโตจีพี (MotoGP) นั้น มีนักบิดดาวรุ่งของไทยหลายคนกำลังอยู่ในช่วงเตรียมตัวอย่างเข้มข้น เพื่อก้าวไปถึงเส้นชัยแห่งสนามอันทรงเกียรติแห่งนี้ โดยหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการปั้นฝันให้นักบิดไทยพร้อมก้าวไปสู่สนามแข่งโลกแห่งนี้คือ เอ.พี. ฮอนด้า นั่นเอง


เอ.พี. ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม (Race to the Dream) สปิริตไทย ท้าทายสู่ฝัน
อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่า การแข่งขันประลองความเร็วของรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างรายการแข่งขันโมโตจีพี หรือชื่อเรียกอย่างเป็นทางการคือ โมโตจีพี เวิลด์ แชมเปี้ยนชิป (MotoGP World Championship) การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ภายใต้การบริหารของ Dorna Sports ซึ่งรับรองการแข่งขันโดยสมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ หรือ FIM โดยจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1949 จนถึงปัจจุบัน นับเป็นเวลาร่วม 7 ทศวรรษ และในการแข่งขันแต่ละครั้งก็มีผู้เข้าชมการแข่งขันอันสุดระทึกนี้กว่าหลายหมื่นไปจนถึงร่วมแสนคน และล่าสุดความยิ่งใหญ่ระดับโลกนี้กำลังจะเกิดขึ้นที่บ้านเรา กับการเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2018 ‘พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์’ (MotoGP 2018 ‘PTT Thailand Grand Prix’) ในปี 2018-2020 รวมระยะเวลาถึง 3 ปี



เอ.พี. ฮอนด้า ผู้ผลิตจักรยานยนต์ระดับท็อปของเมืองไทยได้มองเห็นความพร้อมของประเทศไทยที่กำลังจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโมโตจีพี รวมไปถึงการทุ่มเทและมองเห็นถึงศักยภาพของนักบิดเยาวชนไทยที่มีโอกาสก้าวไปถึงการแข่งขันระดับโลก จึงได้ยึดแนวคิด เอ.พี. ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม (Race to the Dream) สปิริตไทย ท้าทายสู่ฝัน โดยโปรเจกต์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการปั้นนักแข่งไทยให้ขึ้นไปอยู่ในสนามการแข่งขันระดับโลกอย่างโมโตจีพี ในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้ และเป็นการตอกย้ำสโลแกนที่ว่า ‘ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เกินไป สำหรับฝันของคนไทย’ และพร้อมผลักดันนักแข่งฝีมือเยี่ยมจากไทยไปสู่การแข่งขันระดับโลกอย่างรายการโมโตจีพีนั่นเอง



ทาง เอ.พี. ฮอนด้า เองก็เรียกว่าเตรียมตัวมาอย่างดีเยี่ยม เพราะได้มีการเตรียมแผนการและวางโรดแมปในการปั้นนักแข่งรุ่นใหม่อย่างไว้อย่างเต็มรูปแบบในระดับสากล เริ่มต้นที่โปรเจกต์ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ (A.P. Honda Academy Thailand) ที่จัดขึ้นสำหรับนักแข่งอายุ 9-14 ปี ที่มีความสนใจในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ให้มีโอกาสได้เข้ามาเรียนรู้และพัฒนาการขับขี่ รวมไปถึงทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย เมื่อทั้งร่างกายและจิตใจเตรียมพร้อมแล้ว ก็จะก้าวเข้าไปสู่การแข่งขันในรายการ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ (Honda Thailand Talent Cup) ที่จัดขึ้นสำหรับเยาวชนอายุระหว่าง 15-20 ปี ซึ่งนักบิดคนไหนที่มีฝีมือและพัฒนาการที่โดดเด่น ก็จะได้รับการคัดเลือกไปแข่งขันต่อในรายการระดับภูมิภาคเอเชีย อย่างรายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ (Asia Talent Cup) ก่อนจะถูกคัดเลือกให้ผ่านเข้าไปสู่การแข่งขันในระดับสูงขึ้นในรายการ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิป (CEV Moto3 Junior World Championship) ซึ่งมีปลายทางที่การแข่งขันระดับโลกเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ในรุ่นโมโตทรี (Moto3) โมโตทู (Moto2) และจุดสูงสุดคือ โมโตจีพี เพื่อประกาศศักดาสปิริตไทยสู่ความฝันที่ยิ่งใหญ่ สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยทั้งชาติ



เตรียมความพร้อมให้นักบิดไทย ก่อนก้าวลงสนามระดับประเทศ ระดับเอเชีย ไปถึงระดับโลก

 

 

หลากหลายโปรเจกต์ที่ เอ.พี. ฮอนด้า มุ่งหวังเพื่อผลิตนักบิดเยาวชนของไทยให้ก้าวไปสู่การแข่งขันระดับโลก โดยเริ่มต้นฝึกฝนและค้นหานักบิดกันตั้งแต่ระดับประเทศ ระดับเอเชีย ไปจนถึงระดับโลก เริ่มต้นที่โปรเจกต์ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ ที่เป็นการปูพื้นฐานให้นักแข่งดาวรุ่งอายุระหว่าง 9-14 ปี จำนวน 15 คน เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาเป็นนักแข่งรถจักรยานยนต์มืออาชีพ สังกัด เอ.พี. ฮอนด้า เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยที่ใช้รถสูตร ฮอนด้า เอ็นเอสเอฟ 100 (Honda NSF100) นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งคัน ซึ่งผลิตและพัฒนาขึ้นมาเพื่อขับขี่ในสนามแข่งขันโดยเฉพาะ โดยมีการควบคุมและฝึกสอนอย่างเข้มข้นโดย มาโกโตะ ทามาดะ อดีตนักแข่งชาวญี่ปุ่นผู้มีประสบการณ์บนเวทีระดับโลกในศึกโมโตจีพี พร้อมด้วย ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดชาวไทยคนแรกที่เคยโลดแล่นในรายการเดียวกันรุ่นโมโตทู เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์ โดยจะทำการแข่งขันกันทั้งสิ้น 10 สนาม ซึ่งนักบิดที่ผ่านเข้ารอบจะได้ก้าวเข้าไปแข่งขันกันต่อในระดับไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ ต่อไป

 

WHAT STOPS YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด… กว่าจะไปถึงเส้นชัยระดับโลก MotoGP เหล่านักบิดต้องฝ่าฟันอะไรกันมาบ้าง

 

 

กว่าจะไปถึงสนามแห่งเส้นชัยระดับโลกอย่าง โมโตจีพี อันเป็นความฝันสูงสุดของเหล่านักแข่งรถนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งหลังจากที่นักบิดเยาวชนได้ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ เอ.พี. ฮอนด้า อะคาเดมี ไทยแลนด์แล้ว ขั้นต่อไปคือการเตรียมพร้อมทั้งกายและใจ เพื่อลงแข่งขันในสนามระดับประเทศกับโครงการ ฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ (Honda Thailand Talent Cup) การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบรายการฮอนด้า ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ โดยมุ่งเน้นไปที่นักบิดฟอร์มดี ฝีมือเยี่ยม ที่มีอายุระหว่าง 15-18 ปี ที่มาประชันความเร็วกันเพื่อก้าวไปสู่ศึกชิงแชมป์เอเชีย หรือเอเชีย ทาเลนต์ คัพ ในฐานะตัวแทนประเทศไทยในปีต่อไป โดยปัจจุบันมีนักแข่งเยาวชนไทยลงทำการแข่งขันจำนวน 13 คน และนักแข่งนานาชาติที่ขอเข้าร่วมการแข่งขันอีก 7 คน โดยตัดสินแชมป์ประจำปีจากการแข่งขันแบบเก็บคะแนนรวมทั้งสิ้นถึง 7 สนาม



จากการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นระดับประเทศ นักบิดที่ผ่านเข้ารอบจะแข่งขันกันต่อด้วยโปรเจกต์ระดับเอเชียกับโปรเจกต์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ซึ่งเป็นการแข่งขันกันของนักบิดเยาวชนทั่วเอเชีย และเป็นการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียรายการเดียวที่ถือกำเนิดขึ้นโดย Dorna (ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขันโมโตจีพีนั่นเอง) โดยให้นักบิดจากทั่วเอเชียที่มีอายุไม่เกิน 19 ปีเข้ามาร่วมแข่งขันได้ แต่มีข้อกำหนดไว้ว่า ทุกคนต้องผ่านการคัดกรองคุณสมบัติก่อนที่จะได้เข้าร่วมการแข่งขันจริง นับว่าเป็นสนามการแข่งขันที่สานฝันเส้นทางสู่โมโตจีพีของเหล่านักบิดจากทั่วเอเชียเลยทีเดียว

และการแข่งขันรายการนี้นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ เอ.พี. ฮอนด้า ให้ความสำคัญ และส่งนักบิดเยาวชนเข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้ง นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ ที่ปัจจุบันโลดแล่นอยู่ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกรุ่นโมโตทรี และ สมเกียรติ จันทรา แชมป์เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ฤดูกาล 2016



โดยในปี 2018 มีนักแข่งจาก เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่ผ่านการคัดเลือกจาก Dorna เพื่อเข้าแข่งขันรายการนี้ถึง 3 คน ได้แก่ ก๊อง-ธัชกร บัวศรี เจ้าของแชมป์ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2017 แชมป์-กอบชัย แซ่หลิว รองแชมป์ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ 2017 และ ไอซ์-นิติพงษ์ แสงสว่าง นักบิดดาวรุ่งมากด้วยฝีมือในรุ่นอายุเพียง 15 ปี

 

 

เมื่อผ่านสนามทดสอบความแข็งแกร่งและความเร็วในระดับเอเชียมาแล้ว รายการต่อไปคือ เอฟไอเอ็ม ซีอีวี เรปโซล อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิป (FIM CEV Repsol International Championship) เป็นรายการแข่งขันเพื่อชิงแชมป์ระดับทวีปยุโรป ที่เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของนักแข่งในการแข่งขันระดับ Premier Class หลากหลายคน ซึ่งมีนักแข่งระดับโลกมากมายที่ผ่านการแข่งขันในรายการนี้ รวมไปถึงแชมป์โลกคนปัจจุบันอย่าง Jorge Lorenzo นักบิดชาวสเปนชื่อดัง



เพื่อให้สมกับดีเอ็นเอของ เอ.พี. ฮอนด้า ที่ว่า ‘WHAT STOPS YOU? มุ่งไป อย่าให้อะไรมาหยุด’ และความท้าทายสูงสุดที่ต้องการคือการส่งนักบิดชาวไทยก้าวไประดับการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกโมโตจีพี เป็นการแข่งขันชิงแชมป์ที่สำคัญที่สุดของจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลกที่นักบิดจากทั่วโลกใฝ่ฝันที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันในรายการนี้



ซึ่งในปัจจุบันมีการแข่ง 3 รุ่นคือ โมโตจีพี โมโตทู และโมโตทรี โดยการแข่งโมโตจีพี จะเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบสูตรหนึ่ง หรือออกมาเพื่อแข่งขันโดยเฉพาะ และไม่มีการวางจําหน่ายในตลาด โดยในแต่ละรุ่นมีรายละเอียดดังนี้

 

  • โมโตจีพี การแข่งขันที่ใช้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 1000cc 4 สูบ
  • โมโตทู การแข่งขันที่ใช้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 600cc 4 สูบ โดยทุกทีมจะต้องใช้เครื่องยนต์ของฮอนด้าลงทำการแข่งขัน ซึ่งทางฮอนด้าจะแจกจ่ายเครื่องยนต์ให้กับทุกทีม และทุกทีมสามารถนำไปปรับแต่งได้ภายในกติกาที่กำหนด ซึ่งมีนักแข่งโมโตทูคนแรกของประเทศไทยคือ ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่เคยลงทำการแข่งขันตั้งแต่ปี 2007-2013 ที่ผ่านมา
  • โมโตทรี การแข่งขันที่ใช้รถจักรยานยนต์เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 250cc เป็นรายการสำหรับนักบิดหน้าใหม่ เป็นรุกกี้ที่เตรียมผลักดันให้ลงทำการแข่งขันต่อไปในระดับที่สูงขึ้น โดยการแข่งขันรุ่นนี้ ชิพ-นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ นักแข่งหนึ่งเดียวของไทยลงทำการแข่งขันแบบเต็มฤดูกาลเป็นปีที่ 2 ภายใต้สังกัด Honda Team Asia โดยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์


ซึ่งการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่กำลังจะจัดขึ้นในปี 2018-2020 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่พิสูจน์ถึงศักยภาพของประเทศไทยที่พร้อมเป็น ‘ประเทศแห่งกีฬามอเตอร์สปอร์ตชั้นนำของโลก’ และยังเป็นการดึงเม็ดเงินในด้านการท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลจากทั่วโลกอีกด้วย

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรเจกต์ เรซ ทู เดอะ ดรีม (Race to the Dream) สปิริตไทย ท้าทายสู่ฝันได้ที่  www.facebook.com/APHondaRacingTH/, www.aphonda.co.th/aphondaracingthailand/?module=news-detail-2438, www.aphonda.co.th/aphondaracingthailand/

FYI
  • ไทยได้รับลิขสิทธิ์ให้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันโมโตจีพีเป็นระยะเวลา 3 ปี (ปี 2018-2020) ทำให้ประเทศไทยก้าวเข้ามาเป็น 1 ใน 19 สนามการแข่งขันโมโตจีพีของโลก และยังเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ผู้ชมชาวไทยได้เข้าถึงการแข่งขันสุดยิ่งใหญ่นี้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
  • การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2018 ‘พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์’ จะจัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2018-2020 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X