The Economist Intelligence Unit (EIU) เผยรายงานการจัดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี 2021 โดยสำรวจและเก็บข้อมูลด้านความมั่นคงทางการเมือง สังคมและเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การเข้าถึงบริการสาธารณสุข รวมถึงระบบการศึกษาและระบบโครงสร้างพื้นฐานใน 140 เมืองทุกทวีปทั่วโลก ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า
โอ๊กแลนด์ เมืองในนิวซีแลนด์ คว้าแชมป์เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปีนี้ไปครองได้สำเร็จ โดยคว้าคะแนนเฉลี่ยรวม 96 จากคะแนนเต็ม 100 ตามมาด้วยโอซาก้า ญี่ปุ่น (94.2 คะแนน) และแอดิเลด ออสเตรเลีย (94 คะแนน) โดยเมืองในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย รั้ง 6 จาก 10 อันดับแรกจากหัวตาราง มีเพียงแค่ 2 เมืองในทวีปยุโรปอย่างซูริกและเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น ที่ยังคงอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ นอกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเมืองในทวีปเอเชียและโอเชียเนียทั้งสิ้น ซึ่งอันดับที่ขยับขึ้นส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการบริหารจัดการวิกฤตและรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีมีประสิทธิภาพ
โดยเมลเบิร์น ออสเตรเลีย อดีตแชมป์เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก 7 ปีซ้อน (ปี 2011-2017) รั้งอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับในครั้งนี้ ขณะที่อดีตแชมป์เก่า 2 สมัย (ปี 2018-2019) อย่างเวียนนา ออสเตรีย หล่นไปอยู่อันดับที่ 12 ขณะที่เมืองที่ทำผลงานได้อย่างก้าวกระโดด เลื่อนขึ้นไปมากที่สุดถึง 46 อันดับคือ โฮโนลูลู สหรัฐอเมริกา ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับที่ 14 ส่วนฮัมบูร์ก เยอรมนี หล่นลงมามากที่สุด 34 อันดับ รั้งอันดับที่ 47 โดยกรุงเทพมหานครของประเทศไทย มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในช่วง 40-60 จาก 100 คะแนนเต็มในปีนี้ หลังจากที่ปี 2018-2019 เคยรั้งอันดับที่ 98 จาก 140 เมือง มีคะแนนรวมเฉลี่ย 66 คะแนน
ขณะที่กรุงดามัสกัส เมืองหลวงของซีเรีย คว้าตำแหน่งเมืองที่น่าอยู่น้อยที่สุดในโลกประจำปี 2021 รั้งอันดับสุดท้ายของการจัดอันดับ EIU ในปีนี้ โดยสงครามและความขัดแย้งในซีเรียส่งผลให้ดามัสกัสคว้าตำแหน่งนี้ติดต่อกัน 8 ปีซ้อน นับตั้งแต่ปี 2013-2019 และ 2021
หมายเหตุ: ปี 2020 ไม่ได้จัดทำรายงาน
ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
