×

Morning Brief I 1 ธันวาคม 2563

01.12.2020
  • LOADING...
Morning Brief (1 ธ.ค. 2563)

HIGHLIGHTS

  • กูรูวิเคราะห์ ‘จีน’ อาจกังวล ‘ไบเดน’ มากกว่า ‘ทรัมป์’ 
  • ‘สหรัฐฯ’ จ่อเพิ่ม SMIC เข้าบัญชีดำบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน
  • ‘ญี่ปุ่น’ เผยตัวเลข ‘ค้าปลีก’ เดือนตุลาคมกลับโต 6.4%YoY
  • GDP อินเดียหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว 
  • หุ้นเกาหลีใต้ร่วงหนัก หลังต่างชาติเทขายกว่า 2.17 พันล้านดอลลาร์

กูรูวิเคราะห์ ‘จีน’ อาจกังวล ‘ไบเดน’ มากกว่า ‘ทรัมป์’
จิม โอนีล อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs มีความเห็นว่า โจ ไบเดน จะเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าประธานาธิบดีทรัมป์สำหรับรัฐบาลจีน โดยให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ใช้วิธีกดดันจีนผ่านทวิตเตอร์ของเขา และได้ยกระดับสงครามการค้าผ่านการเพิ่มภาษีการนำเข้า ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ต่างจากยุโรปที่จะใช้วิธีกดดันจีนผ่านพหุภาคีอย่างองค์กรการค้าโลก หรือกลุ่ม G20 ซึ่งเป็นวิธีที่ไบเดนน่าจะใช้ในช่วงต่อจากนี้ ทำให้การเจรจาและกดดันเป็นรูปธรรมและชอบธรรมมากขึ้น

 


‘สหรัฐฯ’ จ่อเพิ่ม SMIC เข้าบัญชีดำบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน โดยเฉพาะดัชนี Dow Jones ที่ปรับตัวลดลง 271 จุด จากแรงกดดันของหุ้นในกลุ่มน้ำมันและสถาบันการเงินที่ปรับตัวลดลงกันค่อนข้างแรง แต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาก็เป็นเดือนที่ Dow Jones ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 11.8% ดีที่สุดนับตั้งแต่มกราคม ปี 1987 จากกระแสข่าวด้านบวกเกี่ยวกับวัคซีนที่เข้ามาในตลาดตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน

 

ส่วนดัชนี Nasdaq 100 ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เพียงดัชนีเดียวจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและเฮลท์แคร์ การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาจากแรงขายทำกำไรของหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีนับตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา

 

ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
1. ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์พร้อมที่จะเพิ่มบริษัท SMIC ผู้ผลิตชิปชั้นนำของจีนและผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งอย่าง CNOOC เข้าสู่บัญชีดำของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพจีน
2. Moderna ได้เผยถึงผลการทดลองวัคซีนล่าสุด พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อที่สูงถึงกว่า 94% และสามารถเก็บที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสได้นานถึง 6 เดือน นอกจากนี้ทางบริษัทได้ขออนุมัติขึ้นทะเบียนฉุกเฉินในวันจันทร์นี้อีกด้วย ซึ่งเป็นการขออนุมัติแบบเดียวกับที่ Pfizer ขอในวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
3. ประกาศตัวเลขยอดขายบ้านที่รอการปิดการขาย หรือ Pending Home Sales ประจำเดือนตุลาคม หดตัว 1.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM) น้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 1.0 %

 


‘ญี่ปุ่น’ เผยตัวเลข ‘ค้าปลีก’ เดือนตุลาคมกลับโต 6.4%YoY
ตลาดหุ้นญี่ปุ่น Nikkei ลดลง 211.09 จุด หรือ 0.79% ดัชนีของตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง หลังจากที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ติดต่อกัน 4 วันในสัปดาห์ก่อน โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงมาจาก
1. ดัชนีตลาดล่วงหน้าของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงกันค่อนข้างแรง โดยเฉพาะ Dow Jones Futures ปรับตัวลดลงมากกว่า 250 จุด จึงฉุดให้ตลาดส่วนใหญ่ในเอเชียปรับตัวลดลง
2. จากการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดล่วงหน้าของสหรัฐฯ จึงเป็นปัจจัยเร่งทำให้นักลงทุนขายทำกำไรลดพอร์ต

3. สถานการณ์การแพร่ระบาดในญี่ปุ่นมีความรุนแรง ตัวเลขผู้ติดเชื้อในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาสูงถึง 2,585 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดใหม่ หุ้นในกลุ่มยานยนต์ สินค้าอุปโภคบริโภค และสถาบันการเงินปรับตัวลดลง ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ค่าเงินเยนแข็งค่าเล็กน้อยมาที่ 103.85 เยน


ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
1. ประกาศตัวเลขภาคการผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ประจำเดือนตุลาคมขยายตัว 3.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MoM)
2. ประกาศตัวเลขยอดค้าปลีก (Retail Sales) ประจำเดือนตุลาคมขยายตัว 6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้มากที่หดตัว 7.7% และขยายตัวจากเดือนก่อนมากที่ 8.7% เป็นการขยายตัวเป็นเดือนแรกในรอบ 8 เดือน

 


GDP อินเดียหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว
จากการประกาศตัวเลขในไตรมาสล่าสุด GDP ของอินเดียหดตัว 7.5% ซี่งเป็นตัวเลขที่ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ค่อนข้างมากที่หดตัว 8.8% และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้ามากที่ 23.9% ส่งสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากที่มีการผ่อนคลายนโยบาย Social Distancing อันเข้มงวด ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์จาก Deloitte India กล่าวว่า “การที่วัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงจะเริ่มมีการกระจายในอนาคตอันใกล้นี้ ทำให้เรามีความหวังว่าการแพร่ระบาดจะจบลงโดยไว และเชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว”

 


หุ้นเกาหลีใต้ร่วงหนัก หลังต่างชาติเทขายกว่า 2.17 พันล้านดอลลาร์
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ KOSPI ลดลง 42.11 จุด หรือ 1.60% ดัชนีของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลดลงแรง ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ตั้งแต่เปิดตลาด แต่ดัชนีก็ต้องเจอกับปัจจัยกดดันจาก
1. ดัชนีตลาดล่วงหน้าของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงแรง โดยเฉพาะ Dow Jones Futures ที่ปรับตัวลดลงมากกว่า 300 จุดในตอนที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการ
2. สถานการณ์การแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ยังคงรุนแรง
3. จากปัจจัยทั้งสองรวมถึงการทำจุดสูงสุดใหม่ของดัชนี KOSPI จึงเป็นปัจจัยเร่งให้นักลงทุนขายทำไรออกมา
4. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาอย่างหนักถึง 2,172 ล้านดอลลาร์ หุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยี ผู้ผลิตแบตเตอรี่ และสถาบันการเงินปรับตัวลดลงทั้งหมด แต่กลุ่มเฮลท์แคร์สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 

 

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์    

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising