นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงผลการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ต่อกรณีเรื่องการฉีดกระตุ้นของ Sinopharm โดยทางรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์มาให้ข้อมูลคณะอนุฯ ว่า ขณะนี้มีคนฉีด Sinopharm 2 เข็มไประยะหนึ่งพอสมควร และแนวโน้มการฉีดกระตุ้นจะเป็นอย่างไร โดยคณะอนุฯ มีความเห็นว่า หลักการพิจารณาคนฉีด Sinopharm ซึ่งเป็นเชื้อตายแบบเดียวกับ Sinovac หลักคิดให้ใช้หลักการเดียวกัน คือ เมื่อฉีด Sinovac ครบ 2 เข็ม ก็จะฉีดเข็ม 3 หลังผ่าน 3-4 เดือนขึ้นไป เช่น เดือนมีนาคมฉีดครบ 2 เข็ม ก็ฉีดกระตุ้นตอนเดือนกันยายน-ตุลาคม
“ดังนั้น Sinopharm ฉีดครบ 2 เข็มช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป จะกำหนดฉีดเข็มกระตุ้นประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคมเป็นต้นไป โดยคณะอนุฯ ขอให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ส่งข้อมูลเอกสารหลักฐานที่มีการศึกษาพบว่าจำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้นเนื่องจากภูมิคุ้มกันลดลง ให้คณะอนุฯ ใช้เป็นข้อมูลประกอบก่อนที่จะมีการประกาศให้ประชาชนได้ฉีดต่อไปในวงกว้าง และทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ส่งข้อมูลครบถ้วนเมื่อไร คณะอนุฯ จะรีบพิจารณาและประกาศฉีดวัคซีนต่อไป” นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า สำหรับเดือนพฤศจิกายนคาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามา 25 ล้านโดส เป็น AstraZeneca 15 ล้านโดส Pfizer 10 ล้านโดส ส่วน Sinovac ที่เป็นตัวปูพื้นฉีดได้ดี เมื่อฉีดเข็ม 2 ต่างชนิดกันภูมิขึ้นสูงมาก ขณะนี้วัคซีนเหลือน้อยแล้ว คาดว่าเดือนนี้จะฉีดหมด ผู้ที่อยากฉีดเพื่อปูพื้นต้องรีบหน่อย เพราะเดือนถัดไปโอกาสวัคซีนหมดและไม่ได้ฉีดมีสูง อย่างไรก็ตาม เรามีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดเข็ม 1, 2 และ 3 ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส ที่จะฉีดให้ครบในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงสูตรไขว้ AstraZeneca+Pfizer จะใช้ทางการเมื่อไร นพ.โอภาสกล่าวว่า คณะอนุฯ อนุญาตฉีดได้ แต่รอการประกาศอีกครั้ง เพราะต้องดูปริมาณวัคซีนที่มี ทั้งนี้ สูตรไขว้ต่างๆ ที่คณะอนุฯ ให้คำแนะนำทุกสูตรมีประสิทธิภาพดีและปลอดภัยใกล้เคียงกัน ไม่ต้องกังวลว่าฉีดสูตรไหนตัวไหนก่อน-หลัง ผู้เชี่ยวชาญและกระทรวงสาธารณสุขพยายามหาสูตรวัคซีนและวัคซีนที่มีมาฉีดประชาชน ส่วนการฉีดบูสเตอร์โดสในปี 2565 ไม่ต้องกังวล นายกรัฐมนตรีเห็นชอบจัดหาไว้ 120 ล้านโดส มีเพียงพอ ขอให้ไปฉีดตามที่กำหนด