มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ แม้เผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด ขณะที่ประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะเผชิญกับความท้าทายในการผลักดันเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว
แอทซี เชธ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการด้านจัดอันดับเครดิตและฝ่ายวิจัยของมูดี้ส์ เปิดเผยในรายการ ‘Street Signs Asia’ ของสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิดจะมีผลกระทบต่อประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในระดับที่รุนแรงกว่าประเทศในกลุ่มที่พัฒนาแล้ว และภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็มีโอกาสเกิดขึ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่มากกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นกัน
โดยอัตราการฉีดวัคซีนที่ยังคงล่าช้า และการที่โควิดสายพันธุ์โอไมครอนเริ่มแพร่ระบาดทั่วโลก ทำให้อุปสงค์ในหลายประเทศของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินก็ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่เช่นกัน
เชธ์กล่าวว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังคงอยู่ในทิศทางที่แข็งแกร่ง และปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มบรรเทาลง
อย่างไรก็ตาม เอเชียยังมีความเสี่ยงที่น่ากังวลคือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อันเนื่องมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่มูดี้ส์มองว่ารัฐบาลจีนมีเครื่องมือด้านนโยบายที่จำเป็นในการจัดการกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เอเชียยังมีความท้าทายเรื่องปัญหาเงินเฟ้อ และความสามารถในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่อาจได้รับผลกระทบอีกระลอกจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน ทั้งการรับมือของภาครัฐและธนาคารกลาง
“ปัญหาเงินเฟ้อที่เราพบในหลายประเทศของกลุ่มตลาดเกิดใหม่นั้น เกิดจากการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่ส่งผลต่อการเก็บเกี่ยวของภาคเกษตรกร รวมทั้งราคาพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยนโยบายการเงินเพียงอย่างเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมบรรดาธนาคารกลางจึงต้องพึ่งพาข้อมูลต่างๆ ก่อนที่จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินครั้งต่อไป” เชธ์กล่าว
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
