สเตฟาน แบนเซล ซีอีโอของบริษัทยา Moderna ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว Financial Times เตือนประสิทธิภาพของวัคซีนโควิดที่มีอยู่จะลดลงมากในการใช้ต้านทานเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน เมื่อเทียบกับโควิดสายพันธุ์เดลตาหรือสายพันธุ์อื่นๆ
แบนเซลกล่าวว่า การที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากมีความกังวล เนื่องจากการกลายพันธุ์ของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน จำนวน 32 จุด จาก 50 จุด ที่เกิดขึ้นบริเวณโปรตีนหนามของไวรัส ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในเซลล์ร่างกายมนุษย์ ถือเป็นจุดที่วัคซีนทำการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเพื่อต้านทานไวรัส
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เชื่อว่าการกลายพันธุ์ในระดับสูงเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกใน 1 หรือ 2 ปีข้างหน้า โดยเขาคาดการณ์ว่าบริษัทยาต่างๆ จะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน กว่าที่จะสามารถผลิตวัคซีนสำหรับเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ๆ ได้
ขณะที่การแพร่ระบาดที่รวดเร็วของโอไมครอนในแอฟริกาใต้ยังเป็นข้อบ่งชี้ว่า วัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันอาจจำเป็นต้องมีการปรับปรุงเพื่อรับมือไวรัสสายพันธุ์นี้ในปีหน้า
“ผมคิดว่าไม่มีโลกที่ประสิทธิภาพของวัคซีนจะอยู่ในระดับเดิม เหมือนที่เรามีกับสายพันธุ์เดลตา ผมคิดว่าจะมีการลดส่วนประกอบ (วัคซีน) ลง แต่ไม่รู้ว่ามากแค่ไหน เพราะเราจำเป็นต้องรอข้อมูล แต่นักวิทยาศาสตร์ทุกคนที่ผมพูดคุยด้วยนั้นเหมือนกับว่า นี่จะไม่ใช่เรื่องดี” แบนเซลกล่าว
ท่าทีของซีอีโอ Moderna ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังตลาดการเงิน และสร้างความกังวลแก่นักลงทุนในเอเชีย ซึ่งตลาดหุ้นและราคาน้ำมันดิบพากันร่วงลง โดยดัชนีหุ้น Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ร่วงลงกว่า 1.1% หลังปรากฏรายงานข่าวจาก Financial Times ขณะที่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกง ร่วงลง 2.3% ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลงเกือบ 2% อยู่ที่ 72.04 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ภาพ: Photo by Jakub Porzycki/NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: