การที่ตลาดวิตามินและอาหารเสริมมีมูลค่าถึง 6.4 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตปีละ 10% กลายเป็นกลิ่นหอมที่ทำให้ ‘ฤทธิ์ ธีระโกเมน’ ผู้ก่อตั้งอาณาจักรสุกี้หมื่นล้าน ‘MK’ ประกาศขยายธุรกิจสู่ ‘อาหารเสริม’ บ้าง
ธุรกิจดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ บริษัท มาร์ค วัน อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งจำหน่ายภายใต้แบรนด์สินค้า เอ็มเค เวลเนส (MK Wellness) โดยมี นายแพทย์พิฑูรย์ มณีไพโรจน์ ผู้เป็นลูกเขยของฤทธิ์เป็นผู้ดูแลธุรกิจ
“เราอยากให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพดีจากการบริโภคอาหารที่ดี” ฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มาร์ค วัน อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ฤทธิ์ ธีระโกเมน’ ผู้ก่อตั้ง MK กับเหตุผลตัดสินใจซื้อ ‘แหลมเจริญซีฟู้ด’ และก้าวต่อไปของ MK ในวันที่จะวางมือ
- ผ่าดีล MK ซื้อ ‘แหลมเจริญซีฟู้ด’ เมื่อร้านสุกี้อยากขายอาหารทะเลบ้าง!
- ‘เจ้าของสุกี้ตี๋น้อย’ ยืนยัน ‘ไม่ขายกิจการ’ มีเพียงการเจรจาเพื่อหาความร่วมมือเท่านั้น ส่วนปีนี้เตรียมเปิดอีก 4 สาขา
จากการสำรวจของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพในเดือนตุลาคม 2559 พบว่า 70% คิดเห็นว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นสิ่งจำเป็นต้องรับประทานเป็นประจำ
ปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มให้ความสนใจรับประทานอาหารเป็นยาเพิ่มขึ้น โดยเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณค่าต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงอาหารที่ช่วยรักษาหรือป้องกันโรค ทั้งนี้ คุณสมบัติของอาหารในด้านหน้าที่ หรือฟังก์ชัน (Functionality) อาทิ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และการจัดการด้านอารมณ์ กลายเป็นปัจจัยต้นๆ ในการพิจารณาเลือกซื้ออาหารของผู้บริโภค
MK Wellness วางขายสินค้า 3 ชนิดแล้ว ได้แก่ เมมเบอร์รี นมยูเอชที และนมอัดเม็ด, เมมพลัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารช่วยเสริมการนอนหลับ, เอ็มเค วิตามินกัมมี่ ขนมกัมมี่ที่ช่วยเสริมสุขภาพในด้านต่างๆ โดยจำหน่ายผ่านร้านในเครือ เอ็ม เค เรสโตรองต์กรุ๊ป และยาโยอิทุกสาขา ตลอดจนช่องทางอื่นๆ
“เราตั้งเป้าหมายว่าในอีก 5 ปี MK Wellness จะพัฒนาไปเป็นอาหารทางการแพทย์ หรือ Medical Food ซึ่งก็คืออาหารที่ใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์” นายแพทย์พิฑูรย์กล่าว
สำหรับอาณาจักรสุกี้หมื่นล้านนั้น ในช่วงครึ่งปีแรก 2565 มีรายได้จากการขายและบริการ 7,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,744.4%
บล.หยวนต้า ประเมินว่า ไตรมาส 4 จะเป็นช่วงที่ธุรกิจกลับมาเติบโต โดยร้านแหลมเจริญซีฟู้ดรายได้ต่อสาขากลับมาที่ระดับ 70%+/- ของช่วงก่อนโควิด ขณะที่ MK และยาโยอิฟื้นตัวได้ดีอยู่ที่ระดับ 90% โดยยังเป็นการฟื้นตัวจากลูกค้าในประเทศเป็นหลัก คาดกำไรปี 2566 จะฟื้นกลับมาเป็น 2,246 ล้านบาท คิดเป็น 86.2% ของกำไรปี 2562
ส่วน บล.เอเซีย พลัส มองปี 2566 จะมีรายได้กลับสู่ระดับปี 2562 หลังเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวเป็นแรงหนุนต่อกำลังซื้อ ส่วนการเติบโตระยะ 3-5 ปีข้างหน้า มีแผนเน้นไปที่การขยายสาขาในประเทศราว 25-30 สาขาต่อปี (เงินลงทุนสาขา 8-10 ล้านบาท) สอดรับไปกับแผนการเปิดศูนย์การค้า นอกจากนี้เตรียมนำแหลมเจริญเปิดสาขาในประเทศเพื่อนบ้านในปี 2566 อีกด้วย