ดูเหมือนว่าการล้างหน้าจะเป็นเรื่องเบสิกและใกล้ตัวมากที่สุด แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังล้างหน้าไม่สะอาดและทำผิดวิธีมาโดยตลอด THE STANDARD พาไปเผยแง่มุมที่สำคัญเกี่ยวกับการล้างหน้ามาแชร์ให้ได้นำไปปฏิบัติอย่างถูกต้อง เพื่อจะได้มีผิวหน้าที่สะอาดใสอย่างแท้จริง
ความเข้าใจผิดที่ 1
ก่อนนอนก็ล้างหน้าทาครีมไปแล้ว ตอนเช้าล้างด้วยน้ำเปล่าก็พอ เพราะผิวไม่ได้สกปรกอะไร
We say: เชื่อเถอะว่ามีหลายคนที่ยังเข้าใจแบบนี้ โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่ไม่ชอบใช้อะไรที่ซับซ้อนวุ่นวาย ส่วนผู้หญิงก็อาจคิดว่าก่อนนอนก็ล้างหน้าทาครีมอย่างดี ไม่ได้ออกไปผจญมลภาวะภายนอก แค่ล้างน้ำเปล่าก็น่าจะดีกับผิวหน้ามากที่สุด แต่พญ. โยชิคิ โนบุโกะ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องผิวพรรณ เจ้าของบทความที่ให้ความรู้เรื่องผิวและการบำรุงผิวแก่คนญี่ปุ่นบอกว่า “ทฤษฎีที่บอกว่าตอนเช้าล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก็เพียงพอเพื่อไม่ให้น้ำมันในผิวถูกชะล้างมากเกินไป แต่ความจริงแล้วหากน้ำมันในผิวยังคงค้างอยู่ นอกจากจะทำให้เป็นสิวแล้ว น้ำมันในผิวอาจเป็นต้นตอของผิวที่ร่วงโรยได้” ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ผิวแก่แลดูร่วงโรยก่อนวัยก็ต้องเริ่มต้นใส่ใจการล้างหน้าเสียใหม่ จะใช้แค่น้ำเปล่าเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมทั้งกับสภาพผิวและสภาพอากาศด้วย
ความเข้าใจผิดที่ 2
ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าก็เหมือนๆ กันหมด ใช้อันไหนก็คงสะอาดเหมือนกัน
We say: ช้าก่อน ผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามีหลากหลายแบรนด์ให้เลือกก็จริง แต่ใช่ว่าเราจะจิ้มเลือกใช้อันไหนก็ได้โดยไม่คำนึงถึงสภาพผิวของตัวเอง อยากให้ใส่ใจการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ล้างหน้ามากขึ้นอีกนิด
อันดับแรก ต้องรู้ว่าตัวเองมีสภาพผิวแบบไหน ผิวแห้ง ผิวธรรมดา ผิวผสม หรือผิวมัน ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าในท้องตลาดก็มีการพัฒนาสูตรต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับกับผิวแต่ละประเภทอย่างชัดเจน เพราะเราใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าผิดประเภท แทนที่จะได้ผลลัพธ์ผิวที่สะอาดหมดจด อาจเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับผิวโดยไม่รู้ตัว
อย่างที่สอง คำนึงถึงสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลด้วย เช่น ฤดูร้อน ผิวของเราจะมีเหงื่อออกเยอะ น้ำมันในผิวจะถูกขับออกมามากกว่าปกติ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนควบคุมความมัน และสามารถขจัดสิ่งอุดตันที่อยู่ตามรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก เน้นสูตรออยล์ฟรี ส่วนในฤดูหนาว ผิวของเราจะเริ่มแห้งกว่าปกติ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ล้างหน้าควรเป็นประเภทที่อ่อนโยนและช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผิว
ความเข้าใจผิดที่ 3
จะทาโฟมล้างหน้าลงส่วนไหนก่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องแคร์เลย
We say: หารู้ไม่ว่าแคร์ไว้ก่อนเป็นดี เพราะขั้นตอนที่ถูกต้องมากที่สุดคือเริ่มจากบริเวณทีโซน ซึ่งเป็นศูนย์รวมความมันที่สุด พญ. โยชิคิให้ความรู้เกี่ยวกับการล้างหน้าเอาไว้ว่า “จะต้องเริ่มจากบริเวณที่เป็นทีโซน คือหน้าผากและจมูก จากนั้นค่อยเปลี่ยนไปที่บริเวณยูโซน คือแก้มและคาง ซึ่งจะมีพื้นที่ของผิวเป็นบริเวณกว้าง วิธีนวดโฟมคือวนเร็วๆ ด้วยน้ำหนักมือที่เบา ระวังบริเวณผิวรอบดวงตามากเป็นพิเศษ เพราะผิวบริเวณนี้จะบอบบาง การทำเช่นนี้จะช่วยรักษาสมดุลของระยะเวลาที่ฟองโฟมจะอยู่บนผิวได้ ทำให้สามารถทำความสะอาดผิวบริเวณที่มีความมันมากได้อย่างสะอาดหมดจด”
ความเข้าใจผิดที่ 4
โปะโฟมหรือเจลล้างหน้าทั่วหน้าปุ๊บก็ล้างออกได้ทันที
We say: ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น เชื่อว่ามีหลายคนลูบโฟมทั่วหน้าไม่ถึง 5 วินาทีก็รีบล้างน้ำเปล่าออกแล้ว ซึ่งดร. เมห์เมต ออซ ศาสตราจารย์คนดังจากมหาวิทยาลัยโคลอมเบีย เจ้าของงานวิจัยกว่า 400 รายการ ให้คำแนะนำเรื่องการทำความสะอาดผิวหน้าเอาไว้ดังนี้ “หัวใจสำคัญของการทำความสะอาดผิวหน้าคือการขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่ตกค้างอยู่ให้หลุดออกจากผิว การจะให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าต่างๆ บรรลุเป้าหมายในการทำความสะอาดจริงๆ นั้นควรนวดผลิตภัณฑ์บนผิวอย่างน้อย 20 วินาที สำหรับคนผิวแห้งและผิวธรรมดา ส่วนคนที่ผิวมัน นวดวนนานขึ้นอีกนิดสัก 30 วินาที ซึ่งจะเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมในการขจัดความมันบนผิวได้ผลลัพธ์ดีที่สุด จากนั้นจึงล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดในลำดับต่อไป”
ความเข้าใจผิดที่ 5
ใช้น้ำเย็นล้างหน้า ช่วยลดสิว ลดรูขุมขน
We say: นี่เป็นความเข้าใจผิดที่มีการแชร์กันอย่างมหาศาลบนโลกโซเชียล บ้างก็อ้างว่ามาจากเคล็ดลับของดาราดัง บ้างก็เอามาจากเทคนิคส่วนตัวของสาวเกาหลี แต่จริงๆ แล้วการใช้น้ำที่เย็นจัดเกินไปอาจทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองได้ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจึงให้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าน้ำเย็น เพราะช่วยเปิดรูขุมขนได้ดี แต่การใช้น้ำสะอาดที่มีอุณหภูมิปกติล้างหน้านั่นแหละที่ได้ผลดีที่สุด และควรล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้ง คือเช้าและเย็น แต่หากระหว่างวันไปทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายจนเป็นเหตุให้ผิวมีเหงื่อและสกปรก สามารถล้างหน้าทำความสะอาดหลังเสร็จกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งสกปรกอุดตันตกค้างอยู่บนรูขุมขนนานเกินไป