×

MINT เผยไตรมาส 3 ธุรกิจอาหารพลิก ‘กำไร’ ส่วนโรงแรมฟื้นตัวได้ดีในออสเตรเลีย

12.11.2020
  • LOADING...

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2563 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า มีรายได้จากการดำเนินงานจำนวน 14,887 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 50 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 4.4 พันล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 6.7 พันล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563

 

“ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า MINT มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา” ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าว

 

MINT เริ่มเห็นการฟื้นตัวในแต่ละธุรกิจและภูมิภาคในอัตราที่ช้าเร็วต่างกันไป โดยทุกกลุ่มธุรกิจร้านอาหารของไมเนอร์ ฟู้ดมีผลการดำเนินงานที่พลิกฟื้น โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 208 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563 พลิกจากผลขาดทุนสุทธิใน 2 ไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำได้จำนวน 207 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2562

 

กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนมีผลกำไรที่สูงที่สุด นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการจัดส่งอาหารและซื้อกลับบ้านที่แข็งแกร่งในประเทศไทย การรวมการดำเนินงานของแบรนด์บอนชอน

 

ส่วน ไมเนอร์ โฮเทลส์ ได้เปิดให้บริการโรงแรมแล้วกว่าร้อยละ 80 ของโรงแรมทั้งหมด ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2563 ส่งผลให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากเพียงร้อยละ 9 ในไตรมาส 2 ปี 2563 เป็นร้อยละ 32 ในไตรมาส 3 ปี 2563 ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนฟื้นตัว โดยติดลบลดลงจากร้อยละ 91 ในไตรมาส 2 ปี 2563 เป็นร้อยละ 63 ในไตรมาส 3 ปี 2563

 

ทั้งนี้โรงแรมในประเทศออสเตรเลียมีการฟื้นตัวที่เร็วที่สุด ด้วยรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนที่ลดลงเพียงร้อยละ 32 ส่งผลให้ผลการดำเนินงานผ่านจุดคุ้มทุนแล้ว และมี EBITDA ที่เป็นบวกในช่วงไตรมาสดังกล่าว ส่วนโรงแรมในประเทศมัลดีฟส์มีสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่เปิดให้บริการโรงแรมอีกครั้งเมื่อปลายเดือนกันยายน

 

“ภาพรวมผลการดำเนินงานของ MINT ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน จากผลขาดทุนสูงสุดที่จำนวน 2.7 พันล้านบาทในเดือนเมษายน เป็น 1.4 ล้านบาทในเดือนกันยายน ”

 

ดิลลิปกล่าวอีกว่า ตลอดช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ MINT ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาสภาพคล่องและการจัดการฐานะทางการเงิน ณ สิ้นเดือนตุลาคม MINT มีเงินสดในมือประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท

 

เมื่อก้าวเข้าสู่ไตรมาส 4 ปี 2563 MINT ได้มองไปถึงปี 2564 และเริ่มวางแผนรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยสภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความผันผวนแตกต่างกันไปตามมาตรการการปิดประเทศหรือข้อจำกัดของแต่ละประเทศ 

 

อย่างไรก็ตาม MINT คาดว่าแนวโน้มทางธุรกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ได้พยายามลดและควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส และด้วยโอกาสความเป็นไปได้ในการค้นพบวัคซีน แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอนและผันผวนมาก ด้วยเหตุนี้ MINT จึงยังคงดำเนินการตามแผนที่ได้วางไว้อย่างระมัดระวัง 

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising