นโยบายเปิดประเทศดันธุรกิจพลิกฟื้น ‘ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ทำกำไร 4.6 พันล้านบาท สูงก่อนช่วงก่อนเกิดโควิด จากผลการปรับกลยุทธ์เชิงรุกธุรกิจโรงแรม-ร้านอาหาร-ไลฟ์สไตล์
ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/65 กลุ่มบริษัทมีกำไร 4.6 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าก่อนการระบาดของโควิด โดยหลักๆ มาจากทั้ง 3 ธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ ได้ปรับกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรับมือแรงกดดันจากสภาพเศรษฐกิจภายนอกได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- MINT – การดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้นใน 2Q22 เพราะยุโรปฟื้นตัวเร็วและกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว
- หุ้น ‘ท่องเที่ยว-โรงแรม’ คึกสวนตลาด รับกระแสรัฐผ่อนคลายมาตรการด้านท่องเที่ยว เตรียมหนุนธุรกิจ MICE
- นักท่องเที่ยว เข้าไทยจ่อทะลุ 10 ล้านคน ‘มาเลเซีย-อินเดีย’ เป็นกลุ่มหลักช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3/65 มีกำไรสุทธิตามงบการเงินจำนวน 4.6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 436 ล้านบาท ในไตรมาส 3/64 ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 MINT รายงานกำไรสุทธิตามงบการเงินอยู่ที่จำนวน 2.4 พันล้านบาท ซึ่งฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ถ้าเทียบจากผลขาดทุนสุทธิจำนวน 11.6 พันล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/65 ทั้ง 3 ธุรกิจของบริษัทมีผลกำไรที่อยู่ในระดับสูงกว่าในช่วงไตรมาส 3/62 เป็นระดับสูงกว่าก่อนเกิดสถานการณ์โควิด และถือว่าฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มมีผลกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากการฟื้นตัวของความต้องการในตลาด
เช่นเดียวกับสถานะทางการเงินของ MINT ยังคงแข็งแกร่งด้วยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและมาตรการการบริหารจัดการหนี้สินเชิงรุก ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3/65
ธุรกิจโรงแรมเริ่มฟื้น
หากเจาะลึกลงไปจะเห็นว่าผลการดำเนินงานของ ‘ไมเนอร์ โฮเทลส์’ ในไตรมาส 3/65 มีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท เติบโต 32% ซึ่งพลิกฟื้นจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานในช่วงปีก่อนจำนวน 2.4 พันล้านบาท หลักๆ มาจากนักท่องเที่ยวเริ่มออกเดินทางทั่วโลกมากขึ้น ทำให้กลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกามียอดเข้าพักสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับอานิสงส์จากกลุ่มนักเดินทางเพื่อธุรกิจและองค์กร ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในสกุลเงินยูโรของกลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปเติบโต 21% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาค่าห้องพักที่สูงขึ้น ตามด้วยกลุ่มโรงแรมในประเทศออสเตรเลียและมัลดีฟส์ยังคงเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน
ขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นและราคาค่าห้องพักที่สูงขึ้น ผลักดันให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของกลุ่มโรงแรมในไทยเติบโตถึง 75% ซึ่งอยู่ในระดับก่อนเกิดโควิด
ดีมานด์ร้านอาหารทั้งในไทย-จีนกลับมาแล้ว
ด้านไมเนอร์ ฟู้ด ธุรกิจร้านอาหาร มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 399 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารภายในร้านเพิ่มขึ้น ประกอบกับการบริหารจัดการการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนเริ่มพลิกฟื้นกลับมาสร้างผลกำไรในไตรมาสนี้ เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการโควิดในเมืองหลักต่างๆ จึงได้กลับมาเปิดให้บริการการนั่งรับประทานภายในร้านและบริการจัดส่งอาหารอีกครั้ง
ส่วนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในไทยและออสเตรเลียยังคงมีผลกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาเมนูและนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ไอศกรีม ทำให้ยอดขายต่อร้านเดิมโดยรวมของทั้งบริษัทเติบโต 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการขยายสาขาและการกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารที่ปิดให้บริการชั่วคราวในปีที่ผ่านมา ทำให้ไมเนอร์ ฟู้ดมียอดขายโดยรวมทุกสาขาเติบโต 41.3%
ถัดมา ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ ไตรมาส 3/65 มีผลกำไรจากการดำเนินงานพลิกฟื้นกลับมาเป็นบวกจำนวน 72 ล้านบาท จากผลขาดทุนจำนวน 86 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีจำนวนลูกค้าเข้ามาในร้าน ควบคู่กับการบริหารจัดการการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม MINT ยังคงมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานะทางการเงิน โดยการชำระคืนเงินกู้สุทธิ ประกอบกับฐานส่วนของผู้ถือหุ้นที่สูงขึ้นจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้น และการขายสินทรัพย์ในระหว่างไตรมาส ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 1.19 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3/65 จาก 1.36 เท่า ณ สิ้นปี 2564 และ 1.30 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ทำให้ยังคงมีสถานะสภาพคล่องที่แข็งแกร่งด้วยเงินสดในมือจำนวน 2.7 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจำนวน 3 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/65 ทั้งนี้ MINT มีกระแสเงินสดอิสระเฉลี่ยที่เป็นบวกจำนวน 5.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65 จากผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัว
เร่งเครื่องลุยกวาดลูกค้ารอบทิศ
เมื่อมองไปข้างหน้าคาดการณ์ว่าแนวโน้มการจองห้องพักของกลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปจะยังคงได้รับแรงผลักดันจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่อยู่ห่างไกล โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากทวีปอเมริกาเหนือและทวีปเอเชียที่มีการจัดการประชุมและงานสัมมนาต่างๆ ตลอดจนสายการบินได้กลับมาบินมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าสำหรับโรงแรมในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ
ขณะที่ไมเนอร์ ฟู้ด เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการขยายรูปแบบร้านค้าใหม่ และให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มโปรแกรมความภักดีระหว่างลูกค้าต่อแบรนด์ใหม่ ล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์พูเลท์ (Poulet) ซึ่งเป็นร้านไก่อบในไทย
ที่สำคัญ MINT ยังคงมองหาโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทต่อไป ทั้งการทำสัญญาเพื่อกำหนดราคาพลังงานสำหรับปี 2565 และ 2566 จึงมั่นใจว่าจะสามารถจัดการปัญหาเรื่องภาวะเงินเฟ้อได้ ในขณะที่การเร่งการชำระหนี้และการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยจะช่วยในการบริหารจัดการภาระดอกเบี้ยต่อไป
อีกทั้งนอกเหนือจากการชำระคืนเงินกู้ร่วมที่มี ICO ค้ำประกัน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวจำนวน 100 ล้านยูโรในเดือนสิงหาคม 2565 เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปได้วางแผนที่จะชำระคืนเงินกู้เพิ่มเติมอีกจำนวน 100 ล้านยูโรในเดือนธันวาคมที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเร็วกว่ากำหนดชำระเดิมมาก
ดิลลิปย้ำว่า จากกลยุทธ์ทั้งหมด บริษัทเชื่อว่าจะยังคงสามารถสร้างผลการดำเนินงานทั้งในแง่ของรายได้และกำไรให้เป็นในทิศทางที่ดีขึ้นต่อไป