สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนจากเหตุการณ์รถบรรทุกของทหารคันหนึ่งพุ่งชนกลุ่มผู้ประท้วงในย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของเมียนมา และปัจจุบันเป็นเมืองหลวงทางการค้าของประเทศ
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ทหารได้เปิดฉากยิงใส่ผู้ประท้วงที่หลบหนี รวมทั้งทุบตีผู้ประท้วง ด้านรัฐบาลทหารไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารได้เคยกล่าวหากลุ่มผู้ประท้วงว่ายุยงปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง
การประท้วงดังกล่าวเป็นหนึ่งในการประท้วงอย่างน้อยสามกลุ่มที่จัดขึ้นในย่างกุ้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (5 ธันวาคม) ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาทหารมักเปิดฉากยิงใส่ผู้ประท้วง กลุ่มผู้ประท้วงจึงเปลี่ยนมาใช้รูปแบบการประท้วงเป็นกลุ่มเล็กๆ เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า การประท้วงแบบ ‘แฟลชม็อบ’ ครั้งล่าสุดนี้ ถูกโจมตีหลังจากเริ่มต้นได้เพียงไม่นาน
“ฉันถูกรถชนและล้มต่อหน้ารถบรรทุก ทหารคนหนึ่งทุบตีฉันด้วยปืนยาว แต่ฉันป้องกันตัวและผลักเขากลับ จากนั้นเขาก็ยิงฉันทันทีขณะที่ฉันวิ่งหนีไปแบบซิกแซก โชคดีที่ฉันรอดมาได้” ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าว Reuters
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ มีผู้เสียชีวิตในระหว่างการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการมากกว่า 1,200 คน ขณะที่อีกหลายพันคนถูกคุมขัง
องค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า การปราบปรามผู้ประท้วงของกองทัพเมียนมาอาจเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ขณะที่ทูตของ UN ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในเมียนมาเพื่อตรวจสอบ
รัฐบาลทหารได้ให้เหตุผลที่ก่อการรัฐประหารในเดือนกุมภาพันธ์ว่าเป็นเพราะพบการทุจริตในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของ ออง ซาน ซูจี คว้าชัยชนะไปแบบถล่มทลาย
ผู้ตรวจสอบการเลือกตั้งอิสระกล่าวว่า การลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่เสรีและยุติธรรม และระบุว่า ข้อกล่าวหาที่มีต่อซูจีนั้น เกิดจากแรงจูงใจทางการเมือง
บรรดานักเคลื่อนไหวที่เป็นแกนนำขบวนการต่อต้านรัฐบาลทหารด้วยการทำอารยะขัดขืนอย่างสันติเมื่อต้นปีนี้ ได้หลบหนีไปซ่อนตัวหรือหนีไปยังบริเวณชายแดนเพื่อรับการฝึกทหารจากกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ต่างๆ
ขณะที่กองกำลังอาสาสมัครในเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทั่วประเทศ ได้ก่อเหตุวางระเบิดและลอบสังหารโดยพุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลทหาร แต่ก็ถูกกองทัพตอบโต้ด้วยยุทธวิธีผลาญภพ (Scorched Earth) ด้วยการเผาบ้านเรือนและผลักดันผู้คนนับหมื่นเข้าไปในป่าและข้ามพรมแดนไปยังฝั่งอินเดีย
ภาพ: Santosh Krl / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: