×

ดอลลาร์แข็งสะเทือนรายได้บริษัทมะกัน หวั่นขวางตลาดหุ้นฟื้นตัว ด้าน ‘Microsoft’ ยอมรับผลดำเนินงานไตรมาส 2 ส่อต่ำคาด

07.06.2022
  • LOADING...
Microsoft

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Microsoft บริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของสหรัฐฯ ได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนนักลงทุนว่ารายได้ของบริษัทในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อาจะไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คาดการณ์ไว้ โดยเป็นผลจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

 

รายงานระบุว่าทาง Microsoft คาดหวังว่ารายได้ของบริษัทในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน จะอยู่ระหว่าง 5.19-5.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าประมาณ 460 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นไปมาก

 

ทั้งนี้ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาทำสถิติแข็งค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักของโลกในรอบประมาณ 20 ปี แม้จะมีการอ่อนค่าลงมาบ้าง แต่โดยรวมแล้วเงินดอลลาร์ยังคงขยับตัวแข็งค่ามากกว่า 6% ในอัตรารายปี

 

การทยอยแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการผลตอบแทนสุทธิที่สูงขึ้น และในขณะที่ความเสี่ยงจากภาวะถดถอยของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น แต่สภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยรวมก็ยังดูแข็งแกร่งกว่าในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครนมากกว่า ส่วนประเทศจีนก็ยังมีสัญญาณฟื้นตัวที่ไม่เต็มที่ เพราะเพิ่งเริ่มจะคลี่คลายมาตรการล็อกดาวน์

 

จอร์แดน โรเชสเตอร์ นักกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนของ Nomura ระบุว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯ แล้ว เศรษฐกิจในส่วนที่เหลือของโลกดูจะชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด กระนั้นการฟื้นตัวของสหรัฐฯ อาจไม่รวมถึงรายได้ของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่สัญชาติมะกัน

 

แม้ว่าสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าเป็นสัญญาณของความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ก็ยังมีผลกระทบกับบริษัทอเมริกันที่ดำเนินธุรกิจไปทั่วโลก เพราะเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ทำให้ลูกค้าในประเทศอื่นๆ ซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ยากขึ้น และลดมูลค่าการขายและผลกำไรระหว่างประเทศ ดังนั้นบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะมีรายได้จากต่างประเทศน้อยลง

 

ทั้งนี้ Microsoft ไม่ใช่บริษัทอเมริกันเพียงแห่งเดียวที่ออกมายอมรับว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น เช่น Salesforce (CRM) ได้ออกมาปรับลดการคาดการณ์รายได้ลงเล็กน้อยโดยอ้างถึงความผันผวนของค่าเงิน

 

นิโคลัส โคลาส ผู้ร่วมก่อตั้ง DataTrek Research กล่าวว่า ตลาดมองท่าทีของ Microsoft เป็นคำเตือนทที่บรรดาบริษัทอื่นๆ มีแนวโน้มจะทำตามบ้าง ด้วยการบอกนักลงทุนว่าผลลัพธ์ของบริษัทอาจไม่สดใสเท่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ขณะที่ตลาดจะจัดการกับคำแนะนำเชิงลบจากบริษัทระดับสองอย่างไร จะเป็นตัวบอกว่าข่าวร้ายทั้งหมดถูกรวมเข้ากับราคาหุ้นหรือไม่ ทำให้วอลล์สตรีทอาจไม่สามารถตอบสนองอย่างร่าเริงทั่วกระดาน

 

นักลงทุนส่วนหนึ่งที่ยืนรออยู่ข้างสนามและเริ่มแหย่เท้ากลับเข้าในตลาดอีกครั้งกำลังมองหาโอกาสช้อนซื้อหุ้นในราคาที่น่าดึงดูดใจ แต่เพราะแนวโน้มเชิงลบในเรื่องของรายได้ที่ลดลง เพราะค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้นอาจฉุดให้หุ้นปรับตัวลดลง

 

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ประเมินว่าปีนี้ถือเป็นปีที่น่าเศร้าสำหรับบรรดานักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียของสหรัฐฯ

 

รายงานระบุว่า หุ้นของ Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram ปรับตัวลงจากช่วงต้นปีแล้วมากกว่า 40% ขณะที่ Snapchat (SNAP) ก็กำลังสั่นคลอนหลังจากคำเตือนเรื่องรายได้ที่น่าตกใจเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ทำให้หุ้นบริษัทร่วงลงเกือบ 70% ในปีนี้ ด้านหุ้น Pinterest (PINS) ก็สูญมูลค่าไปครึ่งหนึ่ง แม้แต่ยักษ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งอย่าง Alphabet บริษัทแม่ของ YouTube และ Google ก็เผชิญกับราคาหุ้นที่ลดลงไปแล้วประมาณ 20%

 

ส่วนหุ้น Twitter ยังคงลดลง 11% ในปีนี้ แม้ว่าหุ้นของบริษัทในตลาดจะปรับขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านเพราะรายงานเรื่องข้อตกลงขอซื้อหุ้นของ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักธุรกิจอันดับ 1 ของโลก แต่เนื่องจากยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงซื้อขายได้สำเร็จสักที ทำให้นักลงทุนเริ่มตระหนักได้ว่าหุ้นโซเชียลมีเดียเป็นเพียงหุ้นสื่อประเภทหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าแม้จะมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้น แต่บริษัทโซเชียลมีเดียก็ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณการโฆษณาและพฤติกรรมผู้ใช้ที่ไม่แน่นอน เช่นเดียวกับบริษัทสื่อแบบดั้งเดิมอย่างเครือข่ายโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ดังนั้นการจัดหมวดหมู่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียว่าเป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอาจเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

 

ทั้งนี้ บรรดาบริษัทโซเชียลมีเดียต่างเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในปีนี้เช่นกัน โดย Global X Social Media ETF (SOCL) ซึ่งเป็นเจ้าของกองทุนหุ้นโซเชียลมีเดียจากทั่วโลก เปิดเผยว่าในปีนี้หุ้นบริษัทในกลุ่มโซเชียลมีเดียมีการปรับตัวลดลงไปแล้วมากกว่า 30%

 

นอกจากนี้ การแข่งขันที่ดุเดือดในอุตสาหกรรมโซเชียลมีเดียก็มีผลต่อรายได้ของสื่อโซเชียลมีเดียเหล่านี้ เช่น กรณีของ TikTok ที่สร้างปรากฏการณ์ไวรัลมากมาย ทำให้ผู้ดูช่อง YouTube ลดลง ฉุดรายได้จากการโฆษณาลดลงจนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

 

ฟิลิปเป คราโคว์สกี ซีอีโอของ Interpublic (IPG) บริษัทการตลาดที่เป็นเจ้าของเอเจนซีโฆษณา McCann อธิบายว่า ถ้ารายการทีวียอดนิยม ‘Mad Men’ ถูกสร้างใหม่ในปี 2022 ตัวเอกของเรื่องอย่าง ดอน เดรเปอร์ส ในยุคใหม่นี้ก็น่าจะทำงานหลักในแคมเปญ TikTok แบบไวรัสสำหรับลูกค้าของพวกเขา ซึ่งไม่ใช่ข่าวดีสำหรับ Meta, Snapchat และ Twitter

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising