×

เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากความสำเร็จของงาน Met Gala 2021

15.09.2021
  • LOADING...
Met Gala 2021

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • สำหรับงาน Met Gala 2021 กลายเป็นเหมือนงานที่ Anna Wintour ต้องการ ‘รีแบรนด์’ ภาพลักษณ์ของตัวเองใหม่ และสร้างความน่าเชื่อถือว่าเธอยังคงเป็นเบอร์หนึ่งของวงการแฟชั่น เพราะเมื่อปี 2020 ช่วงเหตุการณ์ Black Lives Matter เธอได้ถูกเปิดโปงผ่านหนังสือพิมพ์ The New York Times ว่าที่นิตยสาร Vogue สหรัฐอเมริกา เธอไม่ได้เลือกพนักงานผิวดำให้เข้ามาทำงานมากนัก หรือถ้ามีก็ไม่เคยได้เลื่อนขั้นอยู่ในตำแหน่งสูงๆ
  • เมื่อก่อน Anna Wintour จะต้องเลือกแต่บรรดาดาราฮอลลีวูด ศิลปิน และดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าของวงการเท่านั้น แต่ปีนี้กลับมีบรรดาอินฟลูเอนเซอร์จาก YouTube, Instagram และแม้แต่ TikTok ซึ่งทั้งหมดก็เป็นการสะท้อนความหลากหลายตามคอนเซปต์ Diversity
  • หนึ่งในแขกของงาน Met Gala 2021 ที่ได้สร้างอิมแพ็กมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Rosé BLACKPINK ที่มาในฐานะ Global Brand Ambassador ของ Saint Laurent ซึ่งการเชิญ Rosé ก็มีแต่ข้อดีและวินๆ ทุกฝ่าย เพราะเป็นการยืนยันได้ว่ายอด Social Media Impression จะมหาศาล ไม่ว่าจะทำคอนเทนต์อะไรกับเธอก็การันตีได้ว่ามียอดไลก์หรือยอดวิวเป็นหลักล้าน
  • Kim Kardashian West ในลุคของ Balenciaga ที่เป็นการสร้างบรรทัดฐานและฉีกกฎเกณฑ์การแต่งตัวบนพรมแดง ซึ่งเธอฉลาดมาก เพราะได้สร้าง Shock Value ที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง ซึ่งสำคัญมากสำหรับคนสร้างคอนเทนต์และอยู่ในสปอตไลต์สมัยนี้ที่คุณไม่ควรอยู่แต่กับความจำเจ หรือคิดว่าอะไรเวิร์กแล้วทำต่อไปเรื่อยๆ

ผ่านไปแล้วกว่า 36 ชั่วโมง สำหรับ Met Gala 2021 งานอีเวนต์ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการแฟชั่น ซึ่งผมเชื่อว่าฟีดในโซเชียลมีเดียของใครหลายคน ณ เวลานี้ ก็คงยังมูฟออนจากงานนี้ไม่ได้สักที หรือยังคงเต็มไปด้วยมีมต่างๆ ที่ต้องแชร์กันในกรุ๊ปไลน์เพื่อนๆ และผมในฐานะบรรณาธิการแฟชั่นและคัลเจอร์ต่างประเทศของ THE STANDARD POP ก็ยอมรับว่ายังคงสั่งให้น้องๆ ในทีมทำคอนเทนต์ต่อไป เพื่อเลี้ยงกระแสที่ยังคงไม่หมดลงไปง่ายๆ

 

สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ที่งาน Met Gala 2021 ทำให้ผมคิดว่านี่คืออีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญที่เราต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ป๊อปคัลเจอร์อีกครั้ง ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างสีสันความบันเทิง แต่มันคืองานที่สามารถดันเพดานและสอนเราให้ได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในฐานะการวางหมากเพื่อทำการตลาด การจัดอีเวนต์ การผลิตคอนเทนต์ การใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีชั้นเชิง หรือแม้แต่การแบรนดิ้งตัวเองที่หลายคนพยายามทำกันอยู่ โดยผมเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ นักธุรกิจ ดารา ดีไซเนอร์ ออร์แกไนเซอร์ แพลนเนอร์ ซีอีโอ หรืออาชีพอะไรก็แล้วแต่ คุณก็สามารถที่จะเรียนรู้อะไรได้ไม่มากก็น้อยจากงาน Met Gala 2021 นี้

 

Met Gala 2021

Anna Wintour

 

Anna Wintour กับการต้องรีบรีแบรนด์ตัวเอง

 

เป็นที่รู้กันดีว่า Anna Wintour บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Vogue สหรัฐอเมริกา และ Global Editorial Director ของ Vogue ทั่วโลก เป็นแม่งานและประธานของ Met Gala ทุกปี ตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งเธอจะเป็นคนกำหนดชี้ชัดว่าคอนเซปต์งานในแต่ละปีจะเป็นอย่างไร Dress Code ต้องเป็นแบบไหน ใครจะถูกเชิญมาร่วมงาน หรือใครจะโดนขีดฆ่าในรายชื่อ Guest List

 

แต่สำหรับงาน Met Gala 2021 กลับกลายเป็นเหมือนว่า Anna Wintour ต้องการ ‘รีแบรนด์’ ภาพลักษณ์ของตัวเองใหม่ และสร้างความน่าเชื่อถือว่าเธอยังคงเป็นเบอร์หนึ่งของวงการแฟชั่น เพราะเมื่อปี 2020 ช่วงเหตุการณ์ Black Lives Matter เธอได้ถูกเปิดโปงผ่านหนังสือพิมพ์ The New York Times ว่าที่นิตยสาร Vogue สหรัฐอเมริกา เธอไม่ได้เลือกพนักงานผิวดำให้เข้ามาทำงานมากนัก หรือถ้ามีก็ไม่เคยได้เลื่อนขั้นอยู่ในตำแหน่งสูงๆ ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะตลอด 33 ปี ของเธอที่ Vogue ในฐานะบรรณาธิการบริหาร ก็มีแต่ André Leon Talley ที่เป็นคนผิวดำเพียงคนเดียวที่ได้ตำแหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ และ Editor-at-Large นอกเหนือจากนั้นก็เห็นจะมีแต่บรรณาธิการผิวขาว สวย ผอม หุ่นดี ซึ่งเราจะเห็นนั่งเคียงข้าง Anna Wintour ที่แถวหน้าของแฟชั่นวีกอยู่เป็นประจำ เช่น Grace Coddington, Tonne Goodman, Virginia Smith และ Hamish Bowles

 

พอ Anna Wintour ถูกโจมตี เธอก็ออกมายอมรับว่าเธอผิดพลาดจริงๆ และจะรีบปรับปรุงแก้ไขตัวเอง หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้เห็นนิตยสาร Vogue มีคนผิวดำได้ขึ้นปกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Lizzo, Naomi Campbell และ Precious Lee รวมถึงมีการให้ผู้หญิงผิวดำอย่าง Chioma Nnadi มารับตำแหน่งใหญ่เป็นหัวหน้า Vogue.com และแฟชั่นเซ็ตในเล่มก็ได้สไตลิสต์หญิงผิวดำคนเก่งอย่าง Gabriella Karefa-Johnson มาทำให้บ่อยครั้ง ซึ่งผมอยากจะให้ทุกคนจับตามองคนนี้ให้ดีๆ เพราะเส้นทางสายอาชีพในวงการแฟชั่นของเธอคล้ายกับความสำเร็จที่เคยเกิดขึ้นกับ Edward Enninful บรรณาธิการบริหารของ Vogue อังกฤษ

 

ซึ่งที่งาน Met Gala 2021 ทาง Anna Wintour ก็ได้สร้างความประหลาดใจ แต่ก็ถือว่าฉลาดมาก หลังเธอประกาศว่าประธานรับเชิญ (Co-Chair) ของงานในปีนี้จะมี Billie Eilish, Amanda Gorman, Timothée Chalamet และ Naomi Osaka มารับหน้าที่นี้ โดยทั้งหมดอยู่ในกลุ่ม Gen Z ที่อายุน้อยกว่า 25 ปี และ 2 ใน 4 ก็คือคนผิวดำ ซึ่งแทบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะปีก่อนๆ จะมีคนผิวดำเพียงคนเดียวที่จะได้เป็นประธานรับเชิญของปีนั้นๆ แถมการเลือก 4 คนนี้ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า Anna Wintour อยากเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเธอและนิตยสาร Vogue ให้ดูมีความ Inclusive มากขึ้น รวมทั้งมองเห็นถึงพลังและความสำคัญของคนรุ่นใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนสังคมของเราในวันข้างหน้า

 

Met Gala 2021

Lourdes Leon, Symone, J Balvin, Irina Shayk, Jeremy Scott, Karen Elson, Taraji P. Henson, Tom Daley และ Cynthia Erivo

 

คนที่ถูกเชิญมางาน Met Gala 2021

 

แขกที่ถูกเชิญมางาน Met Gala 2021 ปีนี้สอดคล้องไปกับการเลือกประธานรับเชิญที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าแปลกตามากสำหรับคนที่ศึกษางานนี้มาตลอด เพราะเมื่อก่อน Anna Wintour จะต้องเลือกแต่บรรดาดาราฮอลลีวูด ศิลปิน และดีไซเนอร์ระดับแถวหน้าของวงการเท่านั้น แต่ปีนี้กลับมีบรรดาอินฟลูเอนเซอร์จาก YouTube, Instagram และแม้แต่ TikTok แห่กันมาร่วมงานครั้งแรก อาทิ Addison Rae, Dixie D’Amelio และ Emma Chamberlain ที่มาทำหน้าที่เป็นพิธีกรสำหรับ YouTube ของ Vogue แถมยังมีช่างแต่งหน้าทรานส์เจนเดอร์อย่าง Nikkie de Jager, นักประพันธ์ผิวดำมาแรง Jeremy O. Harris, นักกีฬากระโดดน้ำเหรียญทองโอลิมปิกอย่าง Tom Daley หรือแม้แต่ ​​Alexandria Ocasio-Cortez สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มาร่วมงานด้วย ซึ่งทั้งหมดก็เป็นการสะท้อนความหลากหลายตามคอนเซปต์ Diversity ที่เป็นแก่นหลักสำคัญของทุกแบรนด์ ณ เวลานี้ และทำให้เห็นว่า Anna Wintour มองขาดว่าสังคมและป๊อปคัลเจอร์สมัยนี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนโดยดาราฮอลลีวูดเพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว เหมือนกับบ้านเราที่นางเอกพระเอกช่องน้อยสีหรือมากสีก็ไม่ใช่ตัวแปรที่สำคัญอีกต่อไป

 

แถมคนเหล่านี้ที่มา Met Gala ก็มีฐานคนตามในโซเชียลมีเดียมหาศาลรวมกันเป็นพันๆ ล้าน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะได้คอนเทนต์มากมายที่จะช่วยสร้างยอด Social Media Impression ให้เกิดขึ้นแบบถล่มทลาย ต่างจากเมื่อก่อน ที่งาน Met Gala จะเชิญแต่ดาราระดับเอลิสต์ เช่น George Clooney, Julia Roberts, Emma Stone, Oprah Winfrey หรือ Jennifer Lawrence ที่พวกเขาแทบไม่เล่นโซเชียลมีเดีย แต่ในยุคนี้ที่ธุรกิจอย่าง Vogue ถูกขับเคลื่อนด้วยตัวเลขออนไลน์เพื่อไปขายโฆษณาหรือโปรเจกต์ต่างๆ เป็นหลัก แน่นอนว่า Anna Wintour ต้องปรับตัว บวกกับผมมองว่าเป็นสิ่งดีที่เธอเชิญคนรุ่นใหม่มางานมากยิ่งขึ้น เพราจะไม่สร้าง Generation Gap และทำให้เห็นว่าแม้เธอจะอายุ 71 ปีแล้ว แต่เธอก็ไม่ล้าหลังและไม่ได้อยู่แต่กับขนบประเพณีเดิมๆ

 

Met Gala 2021

Rosé BLACKPINK

 

Rosé BLACKPINK

 

แน่นอนว่าหนึ่งในแขกของงาน Met Gala 2021 ที่ได้สร้างอิมแพ็กมากที่สุดคงหนีไม่พ้น Rosé BLACKPINK ที่มาในฐานะ Global Brand Ambassador ของ Saint Laurent ซึ่งผมต้องบอกก่อนเลยว่าพอผมได้อ่านข่าวลือมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนว่าเธอจะมา ผมคิดเลยว่า “Anna Wintour โคตรฉลาด” เพราะเธอเห็นแล้วว่ากระแสความนิยมของศิลปิน K-Pop มันหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ซึ่งการเชิญ Rosé ก็มีแต่ข้อดีและวินๆ ทุกฝ่าย เพราะเป็นการยืนยันได้ว่ายอด Social Media Impression จะมหาศาล ไม่ว่าจะทำคอนเทนต์อะไรกับเธอก็การันตีได้ว่ามียอดไลก์หรือยอดวิวเป็นหลักล้าน และหากมองในกรอบบริบทสังคม ด้วยเหตุการณ์ที่คนเอเชียถูกใช้ความรุนแรงในสหรัฐอเมริกาช่วงสถานการณ์โควิด ผมมองว่าการได้เห็นคนเอเชียมาร่วมงานระดับนี้มากยิ่งขึ้นจะได้รับความสนใจเทียบเท่ากับ Rihanna และเป็นการบอกว่าพวกเราก็สำคัญเทียบเท่ากับคนเชื้อชาติอื่นๆ ซึ่งผมเชื่อเลยว่าหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ งาน Met Gala 2022 ในเดือนพฤษภาคม ทาง Anna Wintour อาจจะแนะนำให้ Dior พา Jisoo มางาน, Chanel พา Jennie มางาน และ Celine หรือ Bvlgari พา Lisa มางาน หรือบอกให้ Virgil Abloh มาพร้อมกับ BTS ที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Louis Vuitton

 

Met Gala 2021

Kim Kardashian West

 

แต่งตัวให้สวยหรือแต่งตัวให้เป็นมีม?

 

ต้องยอมรับว่าบริบทการแต่งตัวมางาน Met Gala มันไม่ได้เหมือนยุคสมัยก่อนแล้วที่พอกลับมาดูรูปจะเห็นความสง่างามและความคลาสสิกตลอดกาล เพราะมาในยุคนี้โจทย์ของเหล่าบรรดาคนดังหลายคนคือ ‘ฉันจะเป็นที่พูดถึงมากสุดของค่ำคืนได้อย่างไร’ ซึ่งคนที่ผมต้องยกให้เป็นที่หนึ่งของปีนี้คือ Kim Kardashian West ในลุคของ Balenciaga ที่เป็นการสร้างบรรทัดฐานและฉีกกฎเกณฑ์การแต่งตัวบนพรมแดง เพราะพอมาถึงเวลานี้ทุกคนก็ยังพูดถึงเธอ ต้องไปแข่งกันตัดต่อภาพทำเป็นมีมที่ตลกที่สุด และหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ทุกสำนักก็ต้องเอาเธอขึ้นหน้าหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากผู้หญิงบนพรมสีเบจที่เราไม่ได้เห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ และสำหรับ Kim Kardashian West นั้นถือว่าเธอฉลาดมาก เพราะเชื่อเลยว่าหลายคนคงนึกว่าเธอจะมาในลุคที่โชว์เนื้อหนังเยอะๆ และแต่งหน้าแบบที่หลายคนอยากทำตาม แต่เธอกลับสร้าง Shock Value ที่คาดไม่ถึง และต่อไปเราไม่สามารถเดาได้เลยว่าเธอจะมาไม้ไหน ซึ่งสำคัญมากสำหรับคนสร้างคอนเทนต์และอยู่ในสปอตไลต์สมัยนี้ที่คุณไม่ควรอยู่แต่กับความจำเจ หรือคิดว่าอะไรเวิร์กแล้วทำต่อไปเรื่อยๆ

 

ส่วนหากต้องกลับไปพูดถึง Rosé อีกรอบ (หวังว่าทัวร์จะไม่ลงใส่ผมนะครับ) ผมได้อ่านคอมเมนต์มาบ้างว่าหลายคนคิดว่าลุคของเธอดูเบาไปและไม่สมกับการรอคอย ซึ่งผมเห็นด้วยในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่แปลกใจอีก เพราะหลายคนต้องเข้าใจว่างาน Met Gala เป็นงานการกุศลที่มีเรื่องราวธุรกิจและการตลาดอยู่เบื้องหลังเยอะ ซึ่งหลายแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Saint Laurent ก็จะยอมลงทุนซื้อโต๊ะที่งานและเชิญชวนมิวส์ต่างๆ ของแบรนด์ให้มาร่วมงาน ซึ่งเคยมีรายงานว่าราคาอยู่ที่ 275,000 ดอลลาร์ หรือราว 8.6 ล้านบาทต่อโต๊ะ โดยกลยุทธ์ของทีม Saint Laurent และดีไซเนอร์ Anthony Vaccarello คือจะมองในเชิงพาณิชย์มากกว่า เลือกชุดจากคอลเล็กชันที่กำลังอยู่ในร้านมาให้ใส่เพื่อทำให้ฐานลูกค้าสนใจ โดยทางแบรนด์แทบจะไม่เลือกทำชุดขึ้นมาใหม่หรือไปเอาชุดเก่าในอาร์ไคฟ์ที่ดีไซน์โดยผู้ก่อตั้ง Yves Saint Laurent ที่อาจเข้ากับธีมงาน เพราะกลัวว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่กำลังสร้างมาในยุคปัจจุบันบิดเบี้ยว และคนนำไปเปรียบเทียบกับยุคก่อนๆ ของแบรนด์

 

 

ทำคอนเทนต์ให้เป็น 

 

สุดท้ายสิ่งที่ผมชื่นชมงาน Met Gala และทีมงานของ Vogue สหรัฐอเมริกา คือการสร้าง Content Synergy ที่วางแผนการทำคอนเทนต์ที่เชื่อมโยงกันทุกแพลตฟอร์มแบบไร้ที่ติ ซึ่งผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมงานนี้ถึงได้ Social Media Impression มากกว่างานออสการ์หรือแกรมมี่หลายเท่า โดยก่อนจะเริ่มงานทางทีมวิดีโอของ Vogue ก็มีการไปทำคลิปซีรีส์ ‘Get Ready for the Met Gala’ ที่ปล่อยใน YouTube ซึ่งปีนี้ก็ได้ไปเก็บบรรยากาศการเตรียมตัวของ Emma Chamberlain, Olivia Rodrigo และ Kendall Jenner ที่มียอดรวมภายใน 13 ชั่วโมง เกิน 5 ล้านแล้ว ส่วนพอมาที่งาน ทาง Vogue ก็มีการทำไลฟ์สตรีมของตัวเองผ่านเว็บไซต์ Vogue.com ที่ได้ KeKe Palmer มาเป็นพิธีกร แถมยังมีทีมงานทำวิดีโอสำหรับ TikTok โดยเฉพาะอีกด้วย

 

พอเข้าไปในตัวตึกพิพิธภัณฑ์ MET แขกคนสำคัญอย่าง Lil Nas X, Rihanna, Justin Bieber, Hailey Bieber, Gigi Hadid หรือ Anna Wintour เองก็มีการถ่ายวิดีโอ Reels แบบระดับเวิลด์คลาสที่ได้ผู้กำกับวิดีโอแฟชั่นเบอร์หนึ่งอย่าง Bardia Zeinali มาทำให้ ซึ่งหากถามว่าทำไมเป็นวิดีโอ Reels ก็เพราะ Instagram เป็นผู้สนับสนุนหลักของงานในปีนี้ ซึ่งทางแพลตฟอร์มก็กำลังใช้รูปแบบวิดีโอนี้เพื่อมาแข่งขันกับ TikTok ส่วนใน Instagram Stories ก็มีการลงคอนเทนต์ต่างๆ ที่ให้ Swipe Up ไปอ่านต่อในเว็บไซต์ แถมยังมีการขายพื้นที่โฆษณาแทรกกลางอย่างเช่นเครื่องสำอาง  Estée Lauder ซึ่งก็ฉลาด เพราะ Vogue รู้ว่าฐานคนตามจะเช็กความเคลื่อนไหวของงานอยู่ตลอดเวลา

 

Met Gala 2021

Rosalía, Kendall Jenner และ Gigi Hadid 

 

โอกาสในอนาคต

 

สำหรับงาน Met Gala ครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้นเพียงอีก 8 เดือนข้างหน้า เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวนิทรรศการ In America: An Anthology of Fashion ผมคิดว่าโจทย์ยากสุดของ Anna Wintour คือเธอจะทำอย่างไรให้งานยังสามารถสร้างอิมแพ็กเทียบเท่ากับปีนี้ รวมทั้งทำอะไรที่สดใหม่และยกระดับวงการได้มากกว่าเดิมอีก ซึ่งผมเชื่อเลยว่าคนที่จะมาเป็นประธานรับเชิญ (ขอเดาเล่นๆ ว่าอาจเป็น Virgil Abloh และ Kim Kardashian) และแขกที่มาร่วมงานก็จะหลากหลายกว่าเดิมหรือที่เราอาจจะไม่ได้คาดคิด อาทิ Megan Markle และเจ้าชายแฮรี ก็เป็นไปได้ ส่วนทางบริษัท Conde Nast ที่เป็นเจ้าของ Vogue ก็อาจจะพยายามสร้างรายได้ (Monetize) จากงาน Met Gala มากยิ่งขึ้นเพื่อทดแทนเม็ดเงินค่าโฆษณาในนิตยสารที่ลดลงเรื่อยๆ เช่น การทำวิดีโอใน YouTube มากขึ้น ในรูปแบบ Advertorial ที่ให้แบรนด์จ่ายเงินและช่วยแต่งตัวดาราที่ได้ไปร่วมงาน, อาจทำซีรีส์พอดแคสต์เกี่ยวกับ Met Gala โดยเฉพาะที่แทรก Sponsorship โฆษณา, อาจมีการสร้าง Paywall ในเว็บ Vogue.com โดยมีคอนเทนต์พิเศษเกี่ยวกับงานที่คนเป็นสมาชิกเท่านั้นที่จะได้ดู, ผลิตหนังสือแฟชั่นตั้งโต๊ะเวอร์ชันใหม่ๆ หรือเพื่อทำให้งานได้กระแสมากยิ่งขึ้น ผมก็เชื่อเลยว่าค่ายสตรีมมิงสักเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Netflix, HBO Max, Disney+ หรือ Paramount+ ก็อยากทำซีรีส์ สารคดี หรือรายการสักอย่าง เพราะดาราที่ทาง Anna Wintour ติดต่อให้มาร่วมงานได้จะเป็นดาราระดับแม่เหล็กอย่างแน่นอน

 

ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว Met Gala ในปีนี้ก็ทำให้เห็นว่าในยุคสมัยที่บางคนอาจยังคงตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับวงการแฟชั่นและสาระของมัน งานนี้ก็ทำให้เห็นแล้วว่าแฟชั่นมีอิทธิพลมากน้อยขนาดไหน ซึ่งก็ต้องขอบคุณค่ำคืนหนึ่งที่ Anna Wintour จัดขึ้นทุกปี ที่ช่วยสร้างความสุข สร้างแรงบันดาลใจ สร้างไอเดียในการทำคอนเทนต์ และช่วยขับเคลื่อนสังคมไปในหลากหลายทิศทางที่เราอาจมองไม่เห็นด้วยซ้ำ ซึ่งเชื่อได้ว่าในครั้งต่อๆ ไป ความสนใจของงานนี้จะไม่ลดลงอย่างแน่นอน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising