เมอร์เคิล แคปปิตอล ผู้ให้บริการจัดการการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ประกาศความร่วมมือกับทรูมันนี่ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ เพย์เมนท์ (Electronics Payment) และผู้ให้บริการทางการเงินแบบดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน e-wallet โดยความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเปิดให้ผู้ที่สนใจลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีสามารถเลือกลงทุนผ่านกลยุทธ์การลงทุนของเมอร์เคิล แคปปิตอล ผ่านแพลตฟอร์มของทรูมันนี่
อัครเดช เดี่ยวพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมมือกับทรูมันนี่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่าน e-wallet ได้ และช่วยให้ผู้คนในวงกว้างสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนและปลอดภัย ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 3,000 บาท ผ่านการดูแลของเมอร์เคิล แคปปิตอล
เดิมทีบริษัทได้เปิดให้ลงทุนผ่านเมอร์เคิล แคปปิตอล โดยตรง แต่จะต้องใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000 บาท อย่างไรก็ตาม การลงทุนทั้งที่ผ่านทรูมันนี่หรือโดยตรงผ่านบริษัทไม่ได้มีความแตกต่างกัน จะแตกต่างกันเพียงแค่จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำเท่านั้น
ปัจจุบันผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนผ่าน 4 กลยุทธ์การลงทุน ได้แก่
- M-Bitcoin Alpha เน้นการลงทุนใน Bitcoin
- M-Large Cap เน้นลงทุนในกลุ่มของคริปโตที่มีมูลค่าตลาดสูง
- M-Blockchain เน้นลงทุนในคริปโตประเภท Blockchain Infrastructure และ Smart Contract Platform
- M-Metaverse เน้นลงทุนในคริปโตที่เป็น Metaverse Ecosystem รวมถึงแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับเกมและ NFTs
“การลงทุนผ่านผู้จัดการการลงทุนไม่ได้เป็นการบอกว่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า แต่จะตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากกว่า บางคนอาจจะไม่มีเวลาศึกษาและไม่รู้จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไร หรืออาจจะกังวลเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์”
ด้าน กานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันเมอร์เคิล แคปปิตอล มีมูลค่าพอร์ตลงทุนรวมทั้งหมดราว 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของทั้ง 4 กลยุทธ์นี้รวมกันประมาณ 300-400 ล้านบาท
สำหรับปีนี้บริษัทมีเป้าหมายที่อยากจะขยายพอร์ตลงทุนให้ไปถึงระดับ 10,000 ล้านบาท ซึ่งการร่วมมือกับทรูมันนี่จะเป็นหนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย
“นอกจากทรูมันนี่แล้ว บริษัทยังมีการเจรจากับพันธมิตรอื่นๆ เช่นกัน ซึ่งคงจะทยอยเปิดเผยออกมาหลังจากนี้ โดยพันธมิตรเหล่านี้จะเข้ามาช่วยเสริมในด้านช่องทางการเข้าถึงผู้ลงทุนในวงกว้าง”
ส่วนภาวะตลาดของคริปโตในปัจจุบัน หากพิจารณาจากราคา Bitcoin ซึ่งลดลงมาราว 40% จากจุดสูงสุด หลายคนอาจมองว่าราคาปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก แต่ในอีกมุมหนึ่งก็เป็นโอกาสสำหรับการทยอยเข้าลงทุน และมีความเสี่ยงต่ำกว่าคนที่เข้าลงทุนก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ด้วยปริมาณของ Bitcoin ที่ถูกขุดออกมาแล้วกว่า 19 ล้านบิทคอยน์ จากทั้งหมด 21 ล้านบิทคอยน์ ทำให้ราคาของ Bitcoin มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ด้วยจำนวนซัพพลายในตลาดที่ลดลง สำหรับผู้ที่ขุดเหมือง Bitcoin เชื่อว่ายังคงมีความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะแม้ว่าจำนวน Bitcoin ที่ได้รับจะลดลง และการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่มีโอกาสที่ราคาของ Bitcoin จะเข้ามาชดเชยในส่วนนี้ ทำให้ผลตอบแทนจากการขุดไม่ได้ลดลงไป
ธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทรูมันนี่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทได้อยู่แล้ว ครั้งนี้ก็เป็นการเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับนักลงทุน
“ก่อนหน้านี้ผู้ที่สนใจและมีศักยภาพในการลงทุนคริปโตและเทรดเองได้มักเป็นกลุ่มคนที่มีเงินออมเยอะและมีรายได้สูง เนื่องจากต้องมีเวลาในการศึกษาและติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์ได้ตลอด ทรูมันนี่จึงได้จับมือกับเมอร์เคิล แคปปิตอล ศึกษาความต้องการของผู้ที่สนใจลงทุนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อออกแบบแพลตฟอร์มของเรา และช่วยขยายโอกาสให้ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถเปิดพอร์ตลงทุนคริปโตในแบบที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแล ผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่ วอลเล็ท ง่ายๆ ใน 5 นาที ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นแค่ 3,000 บาท ก็สามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้ โดยเราคาดว่าบริการกลยุทธ์ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีผู้เชี่ยวชาญจัดการให้นี้ จะช่วยดึงดูดผู้ใช้ใหม่ๆ เข้ามายังแพลตฟอร์มของเราด้วยเช่นกัน”
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปีนี้จะมีผู้ที่สนใจลงทุนในคริปโตผ่านทรูมันนี่ราว 1 แสนราย จากจำนวนผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านราย ซึ่งที่ผ่านมาผู้ที่ลงทุนในกองทุนต่างๆ ผ่านทรูมันนี่มีจำนวนราว 2 ล้านราย
