โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลภาพรวมตลาดรถหรูทั่วโลก ซึ่งปี 2561 เป็นปีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ครองตำแหน่งแบรนด์รถหรูที่มียอดขายมากที่สุดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน จากยอดจำหน่ายรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 2.31 ล้านคัน โตต่อเนื่องถึง 8 ปี โดยรถยนต์ตระกูล SUV ครองสัดส่วนยอดขายสูงสุดกว่า 8.2 แสนคัน รถกลุ่มคอมแพ็กคาร์มียอดขายกว่า 6 แสนคัน ส่วนเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีก็มียอดขายเพิ่มแตะระดับแสนคันแล้ว
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดที่สำคัญและเติบโตที่สุด มียอดขายกว่า 9.43 แสนคัน เติบโต 7.8% จากปีก่อน ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น อินเดีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ยอดขายก็เติบโตด้วย หากพิจารณาตลาดรถหรูของประเทศไทยประกอบด้วย Mercedes-Benz, BMW, Volvo, MINI Cooper และ Audi เป็นต้น มียอดขายรวมทั้งปี 2561 ที่ 3.2 หมื่นคัน เติบโตขึ้นจากปี 2560 ที่ 2.7 หมื่นคัน สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มียอดขายปี 2561 ถึง 15,785 คัน หรือเกือบครึ่งของทั้งตลาดเติบโต 9% ยังเป็นอันดับหนึ่งตลาดรถรถหรูของประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 โดยรถกลุ่ม Contemporary Luxury ครองสัดส่วนมากที่สุด 41% รองลงมาคือรถ SUV 23% รถคอมแพ็กคาร์ 23% และ Dream Car 13%
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2562 นี้ นอกจากเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังวางแผนเรื่องการสร้างระบบนิเวศรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่การแนะนำรถยนต์ใหม่ การให้บริการหลังการขาย การขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า และการเดินสายการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ด้านบริการลูกค้า บริษัทฯ จะแต่งตั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยในพื้นที่ต่างจังหวัดจะมีผู้จำหน่ายจังหวัดละหนึ่งแห่งเท่านั้น คาดว่าจะมีผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการรวม 36 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ยังเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง Mercedes-Benz Engine Oil รวมทั้งการร่วมมือกับผู้ผลิตยางรถยนต์ ทำยาง Mercedes-Benz ที่มีส่วนประกอบเหมาะสมกับผู้ขับขี่ เจาะตลาดกลุ่มยางทดแทนเพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับเมื่อออกรถใหม่มากที่สุด ซึ่งขณะนี้มีฐานลูกค้ามากพอที่จะทำตลาดแล้ว
ผู้บริหารเมอร์เซเดส-เบนซ์ยอมรับว่าได้ยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI แล้ว เพื่อขอสนับสนุนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ซึ่งคาดว่าจะเป็นโมเดล New EQC ที่เพิ่งเปิดตัวในต่างประเทศไม่นานมานี้ ซึ่งจากนี้จะมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบ Full Electric Vehicle มาเสริมพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มสินค้าในมือ นอกเหนือจากรถปลั๊กอินไฮบริดที่เป็นสัดส่วนสำคัญ คาดว่าจะคิดเป็น 40% ของรถยนต์ที่จำหน่ายทั้งหมดในปีนี้ เชื่อว่าจะทำตลาดได้ดีขึ้นเมื่อผลิตรถในประเทศไทย ส่งผลให้ราคาแข่งขันได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ
แผนการออกรถยนต์รุ่นใหม่คาดว่าจะมีมากกว่า 20 รุ่น ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ทั้ง
แบรนด์หลักอย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ตามด้วยเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี (Mercedes-AMG) เมอร์เซเดส-มายบัค (Mercedes-Maybach) และแบรนด์เทคโนโลยี อีคิว (EQ) ล่าสุดเปิดตัวรถยนต์สองรุ่นใหม่ตระกูลเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี 53 อย่าง CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ E 53 4MATIC+ Coupé รุ่นนำเข้า และเตรียมเปิดตัวคลังอะไหล่ครบวงจรแห่งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม 3 เท่า บนถนนบางนา-ตราด กม. 19 ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์นี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)