กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นว่าเตรียมยื่นเรื่องให้แคนาดาส่งตัว เมิ่งหว่านโจว ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน รองประธานบริษัทหัวเว่ย เป็นผู้ร้ายข้ามแดนมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม หลังเธอถูกจับกุมที่แคนาดาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อประเทศอิหร่าน
มาร์ค ไรมอนดี โฆษกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เราจะติดตามส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของจำเลยเมิ่งหว่านโจว และจะดำเนินการให้แล้วเสร็จตามเส้นตายที่กำหนดโดยสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดา
“เราขอขอบคุณแคนาดาเป็นอย่างมากที่ยังคงสนับสนุนความพยายามของเราทั้งสองประเทศในการบังคับใช้กฎหมาย”
ก่อนหน้านี้เมิ่งหว่านโจวเพิ่งได้รับอนุญาตให้ประกันตัวโดยศาลแคนาดาด้วยหลักทรัพย์ 7.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (10 ล้านเหรียญแคนาดา) เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม โดยเธอจะต้องใช้ชีวิตในแคนาดาต่อไปภายใต้การเฝ้าระวังการหลบหนีตลอด 24 ชั่วโมงและการดูแลสอดส่องของเจ้าหน้าที่
ด้านความเคลื่อนไหวจากดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เหลียงฮัว ประธานบริษัทหัวเว่ย ได้กล่าวในงานประชุมเศรษฐกิจโลก World Economic Forum เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถึงความคืบหน้าจากเหตุการณ์ที่ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินของหัวเว่ยถูกจับกุมตัวว่าตนและบริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อยากจะให้กรณีนี้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุดเพื่อที่เมิ่งหว่านโจวจะได้รับอิสรภาพ
นอกจากนี้ซีอีโอของหัวเว่ยยังสะท้อนความคิดเห็นในประเด็นที่สหรัฐฯ โจมตีพวกเขาว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากมีสายสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลจีน พร้อมเชื้อเชิญให้ประเทศพันธมิตรอย่างสหราชอาณาจักร, เยอรมนี, แคนาดา, ญี่ปุ่น ฯลฯ เลิกใช้งานอุปกรณ์โครงข่าย 5G ของหัวเว่ย โดยระบุอย่างตรงไปตรงมาว่าหัวเว่ยพร้อมจะนำเทคโนโลยีของบริษัทไปสนับสนุนประเทศที่ต้อนรับพวกเขาเท่านั้น และเน้นย้ำว่าหัวเว่ยปฏิบัติตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศที่เข้าไปดำเนินการเสมอ
หลายต่อหลายครั้งที่หัวเว่ยถูกโจมตีในประเด็นความมั่นคงทางโลกไซเบอร์ พวกเขามักจะออกมาปฏิเสธเสมอว่าบริษัทไม่เคยมีส่วนรู้เห็นใดๆ ในการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลจีน เช่นเดียวกับ เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งบริษัท ที่เพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่า แม้ตนจะมีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาล แต่ก็ไม่เคยแสวงหาประโยชน์รวมถึงให้ช่องทางผู้มีอำนาจเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าเป็นอันขาด
การประกาศจุดยืนในครั้งนี้ของซีอีโอหัวเว่ยจึงสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาก็มีขีดจำกัดในการดำเนินการและตอบโต้ข่าวลือในทางลบเช่นกัน ดังนั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หัวเว่ยก็จะเลือกสนับสนุนโครงสร้างขั้นพื้นฐานเทคโนโลยี 5G กับเฉพาะประเทศที่เปิดรับและเชื่อมั่นในตัวพวกเขาเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: