เมลินดา เฟรนช์ เกตส์ มหาเศรษฐีนักการกุศลผู้เพิ่งประกาศสนับสนุนเงินทุน 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.25 แสนล้านบาท) เพื่อสิทธิสตรี ออกมาวิพากษ์วิจารณ์วัฒนธรรมการนอนน้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานว่า ‘ไร้สาระ’ พร้อมเผยว่าเธอพยายามนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
ในการให้สัมภาษณ์กับ Vanity Fair เธอแสดงความไม่พอใจผู้บริหารที่ชอบโอ้อวดเรื่องการนอนน้อย โดยกล่าวว่า “ต้องพูดกันตรงๆ ขนาดทีมงานยังไม่อยากทำงานด้วยซ้ำ!” พร้อมชี้ว่าซีอีโอและผู้ประกอบการเทคโนโลยีหลายคนพยายามสร้างภาพด้วยการอดนอนทำงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ทิม คุก จากเด็กส่งหนังสือพิมพ์สู่ซีอีโอ Apple ตัวอย่างความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นที่ต้องตื่นตี 3
- ตอนอายุ 20 ต้นๆ ผมไม่เชื่อในวันหยุดและพักร้อน แต่ ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เตือนเสมอ มีเงินก็ซื้อเวลาไม่ได้ ‘บิล เกตส์’ เผย อยากมีแรงทำงานไปอีกสัก 20-30 ปี
- งานหนัก ‘ฆ่าคน’ ของจริง! พนักงานเทคในจีนเสียชีวิตปริศนา 2 คนในสัปดาห์เดียว จุดกระแสถกเถียงเรื่อง ‘วัฒนธรรม 996’
ผู้นำธุรกิจที่เคยพูดถึงการนอนน้อยรวมถึง อินดรา นูยี อดีตซีอีโอ PepsiCo ที่เคยเผยว่าทำงานจนถึงเที่ยงคืนและตื่นตี 4, โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ มาริสสา เมเยอร์ อดีตซีอีโอ Yahoo ที่บอกว่าต้องการนอนแค่ 4 ชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้นต่อคืน
แม้แต่ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกก็เคยโอ้อวดเรื่องไม่นอนทั้งคืน และนอนใต้โต๊ะทำงานตอนที่ Tesla พยายามทำเป้าการผลิต แต่ปัจจุบันเขาเปลี่ยนความคิดและพยายามนอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อคืน
“ผมเคยลองนอนน้อยลง ซึ่งแม้จะตื่นนานขึ้นแต่กลับทำงานได้น้อยลง และสมองจะปวดมากถ้านอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมง” มัสก์กล่าวกับ CNBC เมื่อปีที่แล้ว สอดคล้องกับ เจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ก่อตั้ง Amazon และ บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft อดีตสามีของเมลินดา ที่ให้ความสำคัญกับการนอน 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เห็นด้วยกับเมลินดาและอดีตสามี โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่าผู้ใหญ่อายุ 18-60 ปีต้องนอนอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืน การนอนไม่พอเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ, ไต, ความดันสูง, เบาหวาน, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน และซึมเศร้า ตามข้อมูลของสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ
การศึกษาของ CDC ในปี 2020 พบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของคนทำงานในสหรัฐฯ นอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน โดยงานเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนนอนไม่พอ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเงิน สาธารณสุข และเทคโนโลยี ที่ยกย่องวัฒนธรรมอดนอน
อาริอานา ฮัฟฟิงตัน เจ้าพ่อสื่อผู้เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าวว่า “ผมบอกได้เลยว่าตอนที่เหนื่อยล้า ตอนที่หมดแรง ผมจะเป็นเวอร์ชันที่แย่ที่สุดของตัวเอง ตอบสนองเร็วเกินไป เห็นอกเห็นใจน้อยลง และความคิดสร้างสรรค์ก็ลดลง ทุกคนรู้ดีว่าเป็นแบบนี้จริงๆ”
การนอนน้อยไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ความสำเร็จ แต่กลับเป็นตัวบ่งชี้ว่าเรากำลังทำร้ายสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานของตัวเอง สอดคล้องกับที่ผู้นำระดับโลกหลายคนยอมรับว่าการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน ไม่ใช่การโอ้อวดว่าทำงานหนักจนไม่มีเวลานอน
อ้างอิง: