เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research มีมุมมองที่เป็นบวกที่ต่อธุรกิจของ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) โดยเฉพาะกลุ่ม Digital Asset และ AMC แต่มองเป็นบวกน้อยลงในส่วนของ KTX ที่มูลค่าการซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วง 4Q65 ที่อ่อนตัวลง คาดส่งผลทำให้ส่วนแบ่งมาที่ XPG ต่ำกว่าประมาณการเดิม
ขณะที่ 4Q65 คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นต่อเนื่องจาก 3Q65 ที่เริ่มมีกำไรสุทธิและไม่มีการบันทึกขาดทุนจากเงินลงทุน ปัจจัยหนุนจากธุรกิจหลักคือ Asset Management (AM) ที่การขยายฐานลูกค้าทำได้ตามเป้า และเพิ่มพาร์ตเนอร์เป็น 14 แห่ง โดยมี LBDU ปัจจุบันที่ 4,521 ล้านบาท และคาดว่าจะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีกำไรได้ในช่วงปลายปีนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง
- “นี่เป็นราคาที่เราพึงพอใจทั้ง 2 ฝ่าย” เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวหลัง Jaymart ควักเงิน 1.2 พันล้านบาทเข้าถือหุ้น 30%
- ADVANC ทุ่ม 32,420 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ 3BB จาก JAS
- กางแผน ‘โอ้กะจู๋’ หลังมี OR เป็นแบ็กอัป เดินหน้าขยายสาขาเพิ่มเป็น 60 แห่ง ขายผักสดและบุก CLMV ก่อน IPO ในปี 2567
ด้านธุรกิจหนี้ AMC ใน 3Q65 ได้มูลหนี้มาใหม่เท่ากับ 300 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีมูลหนี้ในมือกว่า 500 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 800 ล้านบาทใน 4Q65 นี้ Digital Asset แม้สถานะของ Active Trading Accounts ในปัจจุบันจะลดลง แต่ XPG มีกลยุทธ์เน้นเสริมฐานลูกค้าจาก HNW มากขึ้น
สำหรับ ICO Portal มองว่าการระดุมจะเริ่มกลับมาสำเร็จและออกโทเคนใหม่ๆ ได้ในช่วง 2Q66 เป็นต้นไป เนื่องจากปัจจุบัน ก.ล.ต. อยู่ในช่วงพิจารณาแก้กฎหมายของกลุ่มสินทรัพย์ดิจิทัล และอาจมีการพิจารณาให้ Investment Token ถูกกำกับภายใต้ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ซึ่งอาจนำไปสู่การประหยัดค่าใช้จ่ายด้านภาษี
โดยต้องรอดูความชัดเจน และคาดว่าผู้ต้องการออกโทเคนจะชะลอดูความชัดเจนของข้อบังคับเช่นกัน InnovestX Research มองว่า XPG มีความพร้อมและมีฐานลูกค้าจำนวนมากในมือจาก 5 ดีลที่รอระดมทุน และ 10 ดีลที่อยู่ระหว่างปรึกษา
ดังนั้นคาดว่าปี 2566 การเติบโตจะเริ่มโดดเด่นทั้งจาก Digital Asset, ICO Portal, AM ที่รอใบอนุญาต DAFM & DAIA (Digital Asset Fund Manager) ที่เน้นลูกค้า HNW ได้ และ AMC เป้ามูลหนี้ที่ 1,600 ล้านบาท
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น XPG ปรับเพิ่มขึ้น 2.74%MoM สู่ระดับ 1.50 บาท ดีกว่า SET Index ปรับลดลง 0.70%MoM อยู่ที่ระดับ 1,625.90 จุด
กลยุทธ์การลงทุน:
InnovestX Research มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิของปี 2565 ลงจากเดิมที่มีกำไรสุทธิ 3 ล้านบาท เป็นขาดทุน 53 ล้านบาท จากการลดส่วนแบ่งจาก KTX ลงเหลือ 162 ล้านบาท (ลดลง 20%YoY) และคงประมาณการรายได้ไว้ที่ 90 ล้านบาท
โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 ที่ 3.25 บาทต่อหุ้น (ลดลงจากเดิมที่ 3.30 บาทต่อหุ้น) ด้วยวิธี PBV ที่ 2.8 เท่า ซึ่งแนะนำซื้อ โดยมองว่าปี 2566 จะเป็นปีที่ XPG เริ่มเติบโตโดดเด่นได้ในทุกธุรกิจ
ส่วนความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ข้อกำหนดและบทกฎหมายของ Digital Asset ที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคต