เกิดอะไรขึ้น:
วานนี้ (15 กุมภาพันธ์) บมจ.ไทยออยล์ (TOP) รายงานกำไรสุทธิ 4Q63 จำนวน 7.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 266%YoY และเพิ่มขึ้น 915%QoQ โดยกำไรที่เติบโตก้าวกระโดด QoQ มาจากปริมาณการขายที่สูงขึ้น เพราะอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหนุนให้ TOP เพิ่มอัตราการกลั่นที่โรงกลั่นน้ำมันแบบคอมเพล็กซ์
โดยปริมาณน้ำมันดิบนำเข้ากลั่น 4Q63 เพิ่มขึ้นสู่ 277 kbd (อัตราการกลั่น 101%) จากจุดต่ำสุดใน 3Q63 ที่ 257kbd นอกจากนี้น้ำมันดิบที่ใช้ผลิตสูงขึ้น ส่งผลทำให้โรงงานอะโรเมติกส์ของบริษัทเดินเครื่องด้วยอัตราการผลิตสูงขึ้นสู่ระดับ 70% จาก 56% ใน 3Q63 จึงทำให้ปริมาณวัตถุดิบป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น 8%QoQ สู่ระดับ 281kbd
ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่ม (GIM) ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า QoQ เนื่องจาก GRM และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยค่าการกลั่น (GRM) ของ TOP ได้แรงหนุนจากต้นทุนน้ำมันดิบตะวันออกกลาง (61% ของน้ำมันดิบที่ใช้ใน 4Q63) ที่ลดลง โดยมีส่วนลด (Discount) 0.4-0.7 USD/bbl จากราคาน้ำมันดิบดูไบ เทียบกับมีส่วนเพิ่ม (Premium) 0.7-1.2 USD/bbl ใน 3Q63 จึงหนุนให้ Market GRM ของ TOP เพิ่มขึ้นจาก -1.1USD/bbl ใน 3Q63 สู่ 1.2 USD/bbl
เมื่อรวมกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นของธุรกิจอะโรเมติกส์และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน GIM ของ TOP จึงเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเพียง 1USD/bbl ใน 3Q63 สู่ระดับ 3.6 USD/bbl ใน 4Q63 ขณะที่ Accounting GIM 4Q63 อยู่ที่ 5.8USD/bbl ดีกว่าต้นทุนเงินสดอย่างมากที่ 2.8USD/bbl
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (16 กุมภาพันธ์) ราคาหุ้น TOP ไม่ตอบสนองมากนัก เนื่องจากผลการดำเนินงาน 4Q63 ที่ประกาศออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 7.1 พันล้านบาท จึงทำให้ราคาหุ้น TOP ปิดที่ 59.00 บาทเท่ากับราคาปิดวันก่อนหน้า
มุมมองระยะสั้น:
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q64 ของ TOP ซึ่ง SCBS คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY โดยได้แรงหนุนจากกำไรจากสต๊อกน้ำมัน เนื่องจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบตั้งแต่ต้นปี 2564 รวมทั้งทิศทางอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปที่จะฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นหลังจากรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการคุมเข้มโควิด-19
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดผลประกอบการปี 2564 ของ TOP จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิที่ 8.2 พันล้านบาท จากขาดทุนสุทธิที่ 3.3 พันล้านบาทในปี 2563 หลังจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปกลับสู่ภาวะปกติและราคาน้ำมันมีเสถียรภาพมากขึ้น ทั้งนี้ SCBS คาดว่า GRM ของ TOP จะฟื้นตัวขึ้นจาก 2.4 USD/bbl ในปี 2563 สู่ระดับเกือบ 3 USD/bbl ซึ่งการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งนี้อิงกับการคาดการณ์ว่าจะไม่มีขาดทุนสต๊อกน้ำมันจำนวนมากเหมือนในปี 2563
นอกจากนี้ส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์จะดีขึ้น YoY โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่สูงขึ้นจากโรงงาน PTA แห่งใหม่ในจีน ซึ่งปัจจัยบวกนี้มีแนวโน้มจะยังคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยใน 1H64 เนื่องจากกำลังการผลิต PX ใหม่จะเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาด
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความผันผวนของทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้เกิดการขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และอุปสงค์ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่อาจต่ำกว่าคาด
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- ค่าการกลั่น (Gross Refining Margin: GRM) คือส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป ณ โรงกลั่น หักด้วยต้นทุนน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจโรงกลั่น
- Gross Integrated Margin (GIM) คืออัตรากำไรขั้นต้นจากการผลิตของบริษัท ซึ่งรวมผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันหล่อลื่น และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี
- Kbd คือหน่วยพันบาร์เรลต่อวัน
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
