เกิดอะไรขึ้น:
วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม 2564 บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21%YoY และเพิ่มขึ้น 17%QoQ ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยได้แรงหนุนมาจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าที่สูงขึ้น (ส่วนใหญ่มาจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี) และการรับรู้รายได้บางส่วนจากเงินชดเชยค่าประกันภัยจำนวน 310 ล้านบาทสำหรับโรงไฟฟ้า GE Phase 5
ด้านปริมาณการขายของธุรกิจ IPP ลดลง 6%QoQ สู่ระดับ 1,687 GWh แต่ยังเพิ่มขึ้น 4%YoY โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดเดินเครื่องนอกแผนงานเป็นเวลา 20 วันของโครงการ GHECO-One หลังจากหยุดซ่อมบำรุงตามกำหนดแล้วใน 1Q64
ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่ในระดับต่ำที่ 76% เทียบกับระดับปกติที่ >95% นอกจากนี้ปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าศรีราชาลดลง 65%QoQ ตามแผนการเรียกรับไฟฟ้าที่ลดลงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แต่ได้รับการชดเชยจากยอดขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำห้วยเหาะที่เพิ่มขึ้น 46%QoQ และ 2%YoY
ปริมาณการขายธุรกิจ SPP เพิ่มขึ้น 7.1%YoY และ 12.8%QoQ สะท้อนถึงผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด โดยความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำจากลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4%QoQ และ 2%QoQ ตามลำดับ แต่กำไรของธูรกิจ SPP ได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 5%QoQ และราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น 26%QoQ นอกจากนี้ค่าบำรุงรักษาเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า QoQ จากการหยุดซ่อมบำรุงตามสัญญาซ่อมบำรุงระยะยาวของโรงไฟฟ้า GE Phase 5
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (9 สิงหาคม) ราคาหุ้น GPSC ปรับตัวขึ้น 2.23%DoD สู่ระดับ 80.25 บาท เช่นเดียวกับ SET Index ที่ปรับตัวขึ้น 18.47 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.21%DoD สู่ระดับ 1,540.19 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดว่าแนวโน้มกำไร 2H64 จะยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากโรงไฟฟ้า IPP และ SPP จะดำเนินการตามปกติเพราะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงลดน้อยลง นอกจากนี้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีในลาวจะดีขึ้นตามปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเพิ่มขึ้น และยังมีการรับรู้รายได้จากเงินชดเชยค่าประกันภัยสำหรับ GE Phase 5 เพิ่มขึ้นใน 4Q64 และจะมีการบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย
แต่อย่างไรก็ดียอดขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมอาจได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตที่มีสาเหตุมาจากห่วงโซ่อุปทานที่หยุดชะงัก แต่ยังดีกว่าสถานการณ์ในปี 2563 ค่อนข้างมาก ซึ่งประเด็นนี้ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากประเทศไทยได้นำนโยบาย Seal & Bubble มาใช้ควบคุมการระบาดของโควิดในโรงงาน ทั้งนี้ SCBS คาดกำไรปี 2564 ของ GPSC จะเติบโต 14%YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของความต้องการใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า SPP
มุมมองระยะยาว:
สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญคือ โรงไฟฟ้าสำหรับโรงกลั่นแห่งใหม่ (Energy Recovery Unit) ของไทยออยล์ภายใต้โครงการ Clean Fuel กำลังการผลิต 250 MW ซึ่งจะช่วยหนุนให้กำลังการผลิตของ GPSC เพิ่มขึ้นอีก 5% ภายในปี 2566
นอกจากนี้ GPSC ได้ดำเนินตามเป้าหมายของ บมจ.ปตท. (PTT) ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนให้ได้ถึง 8 GW ภายในปี 2573 โดยเป้าหมายสูงสุดของ GPSC คือการก้าวขึ้นเป็น Energy Management Solution Provider ด้วยห่วงโซ่คุณค่าครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่การผลิตไฟฟ้าไปจนถึงระบบกักเก็บพลังงาน
