×

CPALL – มีปัจจัยกระตุ้นเชิงบวกรออยู่ข้างหน้า

28.03.2023
  • LOADING...

เกิดอะไรขึ้น:

 

บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) มีปัจจัยกระตุ้นเชิงบวกต่อราคาหุ้นจากยอดขายสาขา (SSS) ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงต้นทุนค่าไฟฟ้าและต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น โดยแบ่งเป็นปัจจัยกระตุ้น 3 ปัจจัยเชิงบวกดังนี้

 

ปัจจัยกระตุ้นที่ 1: การเติบโตของยอดขายใน 1Q66TD ยอดขาย (SSS) ของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) เติบโตในอัตราเลขหลักเดียวระดับสูง YoY และมีแนวโน้มที่จะเติบโต YoY ต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนจาก

 

  1. บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ดีขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม
  2. นักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2566 InnovestX Research คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยจำนวน 25 ล้านคน เพิ่มขึ้น 124%YoY และ SCB EIC คาดว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะอยู่ที่ 227 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12%YoY มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลภายใต้โครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5’ (เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม – 30 เมษายน) จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อยอดขายของธุรกิจ CVS สำหรับร้านที่ตั้งอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน PTT (14% ของยอดขาย) และพื้นที่ท่องเที่ยว
  3. อากาศร้อนหลังจากเข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม (อ้างอิงข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา) ซึ่งจะส่งผลบวกต่อยอดขายสินค้ากลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (74% ของยอดขายธุรกิจ CVS)
  4. ไม่มีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ เช่น โครงการคนละครึ่ง เฟส 4 (กุมภาพันธ์-เมษายน 2565) มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้คนหันกลับมาซื้อสินค้าที่ร้านค้าปลีกโมเดิร์นเทรดแทนร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม

 

ปัจจัยกระตุ้นที่ 2: ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ลดลง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติลดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับภาคธุรกิจลงจาก 5.33 บาทต่อหน่วย สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน สู่ 4.77 บาทต่อหน่วย สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม (ลดลง 11% จากงวดเดือนมกราคม-เมษายน แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 18%YoY) การวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเราบ่งชี้ว่าการปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าลง 10% จะหนุนให้กำไรของ CPALL ปรับขึ้นได้ 6%

 

ปัจจัยกระตุ้นที่ 3: ต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ทั้งนี้ จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยทั้งหมดในงบการเงินรวมของ CPALL นั้น 42% เกิดจาก MAKRO (CPALL ถือหุ้น 60%) การรีไฟแนนซ์หนี้ของ MAKRO ในเดือนเมษายน จะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลงจาก 4.7-7.0% ต่อปี สู่ 2.8-4.15% ต่อปี ซึ่งจะส่งผลทำให้ต้นทุนทางการเงินในงบการเงินรวมของ CPALL ลดลง 

 

MAKRO ตั้งเป้ารีไฟแนนซ์เงินกู้ส่วนที่เหลืออีก 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ 490 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้นทุนทางการเงิน ~7.0% ต่อปี (LIBOR+1.95%) และเงินกู้ 1.75 หมื่นล้านบาท ต้นทุนทางการเงิน ~4.7% ต่อปี (MLR-2.25%) ใน 1H66 

 

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (MAKRO ถือหุ้น 99.9%) ยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เพื่อออกหุ้นกู้ 5 ชุด อัตราดอกเบี้ย 2.8-4.15% ต่อปี (เฉลี่ย 3.4-3.6% ต่อปี ในกรณีที่หุ้นกู้มีน้ำหนักเท่ากันในแต่ละชุด) และอายุ 1.5-10 ปี โดยจะทราบจำนวนหุ้นกู้ที่ออกครั้งสุดท้าย (ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด) และต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการจองซื้อในวันที่ 15-17 เมษายน

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPALL ปรับเพิ่มขึ้น 1.61%MoM สู่ระดับ 63.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 1.14%MoM อยู่ที่ระดับ 1,603.88 จุด 

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 และกลยุทธ์การลงทุน:

 

ด้วยยอดขาย (SSS) ที่มีอัตราการเติบโตเป็นบวกใน 1Q66TD (ตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY สำหรับธุรกิจ CVS, ตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY สำหรับธุรกิจ B2B และตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2C)

 

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 1Q66 จะเติบโต YoY จากยอดขายที่ดีขึ้นทั้งจากธุรกิจ CVS และ MAKRO และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล

 

และคาดว่า CPALL จะรายงานกำไรปกติเติบโต 25%YoY (สูงเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มพาณิชย์ (รองจาก MAKRO)) ในปี 2566 สู่ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยการเติบโต 11% จะเกิดจากส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้นจาก MAKRO และ Lotus’s เพราะยอดขายและมาร์จิ้นปรับตัวดีขึ้น และการผนึกกำลังทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และที่เหลือเกิดจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ฟื้นตัวดีขึ้น เพราะ SSS ดีขึ้นจากเศรษฐกิจฟื้นตัวและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และมาร์จิ้นฟื้นตัวจากการมีสัดส่วนการขายที่ดีขึ้น

 

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น CPALL ที่ปรับตัวลดลง 7% Underperform SET อยู่ 4% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนกำไร 4Q65 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด เนื่องจากค่าใช้จ่ายโบนัสตามฤดูกาลสูงกว่าคาด ปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก SSS ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงต้นทุนค่าไฟฟ้าและต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจะช่วยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น โดยกลยุทธ์การลงทุนให้เรตติ้ง Outperform สำหรับ CPALL ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 78 บาทต่อหุ้น

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงในด้านกำลังซื้อและต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising