เจ้าสัวธนินท์ ฟันธง เศรษฐกิจไทยปีหน้าดีกว่าปีนี้แน่นอน! แต่มาก-น้อยขึ้นอยู่กับรัฐบาล

เจ้าสัวธนินท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยปีหน้าดีกว่าปีนี้แน่นอน แต่ดีขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับรัฐบาล พร้อมหนุนดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนใช้จ่ายในประเทศ แนะไทยควรเป็นกลางท่ามกลางการเมืองโลกร้อนระอุ

วันนี้ (1 ธันวาคม) ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะดีกว่าปีนี้แน่นอน แม้นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักหั่นประมาณการเศรษฐกิจปีหน้าลงเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิดคลี่คลายและกลายเป็นเรื่องปกติใหม่ไปแล้ว นอกจากนี้ท่ามกลางปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ไม่แน่นอน ทำให้ทั่วโลกเริ่มพิจารณาลงทุนในเอเชียโดยเฉพาะในประเทศไทยมากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ รั้งอันดับ 137 ของ ‘อภิมหาเศรษฐีโลก’ ปี 2565 ด้วยความมั่งคั่ง 4.5 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกว่า 1 แสนล้านบาท
• ส่องผลงาน 4 หุ้นในเครือเจ้าสัว ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’
• ธนิศร์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นหลานปู่ของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ ขึ้นรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย

“ผมชอบมองในแง่ดี อย่างที่เคยพูดว่าถ้าโควิดหยุดเมื่อไรทุกอย่างจะฟื้นอย่างเร็ว แล้วเรายังเจอการเมืองที่เราคาดไม่ถึง โลกร้อน น้ำท่วม สงคราม และการรบกัน ทับถม แต่กลายเป็นว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยทั่วโลกหันมาสนใจเอเชีย อาเซียน และประเทศไทย” ธนินท์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธนินท์มองว่าการฟื้นตัวของประเทศไทยมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชุดเดิมหรือชุดใหม่ พร้อมชี้โอกาสแบบนี้ 1,000 ปีอาจจะเจอครั้งเดียว ดังนั้นรัฐบาลต้องออกมาตรการเพื่อดึดดูงการลงทุนในประเทศไทย

“เราจะฉวยโอกาสแบบนี้ได้อย่างไร มีอะไรไปรองรับน้ำที่หลังคา หรือจะปล่อยให้น้ำไหลทิ้งไป รัฐบาลต้องฉวยโอกาสตรงนี้ โดยออกเงื่อนไขต่างๆ เพื่อดึงดูดต่างประเทศเข้ามาลงทุน เศรษฐกิจจะดีมากหรือดีน้อยอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลว่าเอื้อให้ทั่วโลกมาลงทุนในประเทศไทยหรือเปล่า” ธนินท์กล่าว

หนุนกฎหมายต่างชาติซื้อที่ดิน

ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมีมุมมองว่า การอนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินในประเทศไทยเป็นการดึงดูดให้ชาวต่างชาติมาลงทุนในประเทศ สร้างการจ้างงาน และสร้างเม็ดเงินใช้จ่าย มากกว่าการท่องเที่ยว ที่เดินทางมาประเทศไทยระยะสั้นเสียอีก นอกจากนี้ธนินท์ยังสนับสนุนให้รัฐบาลออกกฎหมายที่เอื้อให้สตาร์ทอัพมาทำงานในประเทศไทยด้วย

“ผมมองว่าชาวต่างชาติเก่งๆ ไม่ได้มาแย่งงานคนไทย เนื่องจากงานเหล่านี้คนไทยยังทำไม่เป็น เราขาดคนแล้ว แล้วยังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอีก โดยโอกาสตรงนี้เราจะได้เท่าไรขึ้นอยู่กับรัฐบาล รัฐบาลจะกล้าทำอะไรที่ถูกต้องไหม” 

แนะไทยเป็นกลาง ท่ามกลางการแบ่งขั้วทางการค้าโลก

ท่ามกลางการแบ่งขั้วทางการค้าโลก ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ และสงคราม ธนินท์แนะว่า ไทยต้องคบทุกประเทศและธุรกิจที่เป็นประโยชน์ เพราะเราไม่มีสิทธิ์ไปเข้าข้างใครและไม่ควรเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะอาจทำให้บางประเทศไม่พอใจ ถ้าไปเข้าข้างใครต้องดูเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจว่าคบกับใครแล้วได้ประโยชน์ก็คบคนนั้น

พร้อมระบุว่า “อเมริกายังเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลก แต่ตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่ในจีน แต่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดยังอยู่ที่อเมริกา การเงินก็อยู่ที่อเมริกา ฉะนั้นจะทิ้งอเมริกาก็ทำไม่ได้ ดังนั้นเราต้องสร้างสมดุล”