หุ้นกลุ่มพาณิชย์ - 3Q65TD ยอดขายสาขาเดิมน่าจะเติบโตเป็นไตรมาสที่ 4

เกิดอะไรขึ้น:

ใน 3Q65TD ยอดขายสาขาเดิม (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์มีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงกว่า 15%YoY (เทียบกับ -6%YoY ใน 3Q64 และ 9%YoY ใน 2Q65) โดยได้รับการสนับสนุนจาก

ฐานต่ำของปีก่อนจากการล็อกดาวน์

กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และการกลับมาของนักท่องเที่ยว

รายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 19%YoY ในเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน โดยเกิดจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น)

การปรับขึ้นราคาสินค้า (เช่น อาหารสด) เพื่อสะท้อนเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาสินค้าบางรายการ (เช่น ราคาเหล็ก) เริ่มปรับตัวลดลง

ยอดขายสาขาเดิม (SSS) เติบโต YoY อย่างแข็งแกร่งในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม แต่เติบโต YoY ในอัตราที่ชะลอตัวลงในเดือนกันยายนถึงปัจจุบัน เนื่องจากฝนที่ตกหนักมากกว่าปีก่อนส่งผลกระทบต่อจำนวนลูกค้าเข้าร้าน

เมื่อแยกตามบริษัท SSS ของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ใน 3Q64 (เช่น การปิดสาขาชั่วคราว และเคอร์ฟิวช่วงกลางคืน) เติบโตดีกว่ากลุ่มใน 3Q65TD: CRC (เพิ่มขึ้น ~50%YoY) CPALL (เพิ่มขึ้นสูงกว่า 20%YoY) และ HMPRO (เพิ่มขึ้น ~20%YoY) ตามด้วย MAKRO (เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY สำหรับธุรกิจ B2B และเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY สำหรับธุรกิจ B2C)

และ BJC (เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY) โดยเกิดจากฐานยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารระดับต่ำในปีก่อนอันเป็นผลมาจากการปิดพื้นที่ขายในช่วงล็อกดาวน์ แต่ฐานยอดขายสินค้าอาหารสูงอันเป็นผลมาจากการปิดตลาดสด และ GLOBAL (เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับต่ำ YoY) โดยที่มีการปิดสาขาชั่วคราวเพียงไม่กี่สาขาในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ใน 3Q64

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพาณิชย์ (SETCOMM) ปรับตัวลดลง 4.13%MoM ขณะที่ SET Index ปรับตัวลดลง 2.10%MoM

มุมมองต่อผู้ประกอบการ:

InnovestX Research คาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSS) ของกลุ่มพาณิชย์จะเติบโต YoY ใน 4Q65 โดยได้รับการสนับสนุนจาก

กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เนื่องจากโควิดมีผลกระทบลดลงท่ามกลางอัตราการฉีดวัคซีนระดับสูง และฐานต่ำใน 4Q64

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใน 8M65 นักท่องเที่ยวชาวไทยมีจำนวน 128 ล้านคน เพิ่มขึ้น 237%YoY และนักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวน 4.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5,849%YoY

การผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและการกลับมาเปิดพรมแดนทางบกทำให้ InnovestX Research คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคนในปี 2565 (จาก 4.28 แสนคนในปี 2564) โดยส่วนใหญ่จะเข้ามาใน 4Q65

มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลที่ผู้ประกอบการค้าปลีกโมเดิร์นเทรดไม่สามารถเข้าร่วมได้ลดน้อยลง เช่น งบประมาณที่ได้รับอนุมัติสำหรับโครงการคนละครึ่งอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท ในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565 ทั้งนี้จาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท พบว่า 99% ได้รับอนุมัติแล้ว และเหลืองบประมาณที่จะเบิกจ่ายเพียง 10% ณ เดือนกันยายน 2565

อย่างไรก็ดี InnovestX Research เลือก CRC และ CPALL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มพาณิชย์ เนื่องจากคาดว่ากำไรปี 2565 จะเติบโตดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากฐานต่ำสืบเนื่องมาจากโควิด

นอกจากนี้ยังชอบ HMPRO เพราะความเสี่ยง Downside จากต้นทุนที่สูงขึ้นมีจำกัด เพราะมีมาร์จิ้นสูงกว่าและหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในกลุ่มพาณิชย์

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือการเปลี่ยนแปลงในกำลังซื้อ ต้นทุนที่สูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

โดยต้นทุนโลจิสติกส์ของกลุ่มพาณิชย์พาณิชย์คิดเป็น 1-2% ของยอดขาย ค่าสาธารณูปโภคคิดเป็น 1-2% ของยอดขาย และค่าจ้างคิดเป็น 4-9% ของยอดขาย เมื่อพิจารณาจากต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 17% ในเดือนกันยายน การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 5% ในเดือนตุลาคม และการใช้สมมติฐานอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้น 50bps ในเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565

InnovestX Research ประเมินผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 2566 ของกลุ่มพาณิชย์ได้ที่ระดับเฉลี่ย 9% โดยผลกระทบจากค่าสาธารณูปโภคอยู่ที่ 5% (8% สำหรับกลุ่มสินค้าจำเป็น และ 2% สำหรับกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย) ผลกระทบจากค่าจ้างอยู่ที่ 1% (ใช้สมมติฐานว่าพนักงาน 5-20% ได้รับค่าจ้างอิงกับค่าจ้างขั้นต่ำ) และผลกระทบจากต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 3% (กระทบอัตราดอกเบี้ยลอยตัวและสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยคงที่ในปัจจุบัน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP