เกิดอะไรขึ้น:
นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ทางการทั่วโลกได้ออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างจริงจังมากขึ้น เช่น มาตรการการปิดประเทศ สั่งปิดกิจการบางแห่งชั่วคราว นอกจากนี้ประชาชนยังมีความระมัดระวังและกังวลต่อการติดเชื้อมากขึ้น จึงเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้าน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ล่าสุดวันนี้ (16 เมษายน) ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเพียง 29 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 2,672 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 1,593 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 46 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงนี้มาจากมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดที่เข้มงวด รวมถึงประชาชนมีความระมัดระวังมากขึ้น
กระทบอย่างไร:
SCBS ได้ประเมินผลกระทบของโควิด-19 ที่ส่งผลต่อหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่าง บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) และ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) โดยนับตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้น BDMS และ BH ได้ปรับลง 22.69%YTD และ 21.09%YTD ตามลำดับ ตอบสนองต่อความกังวลดังกล่าวพอสมควร ขณะที่ SET Index ปรับลง 24.03%YTD จาก 1,579.84 จุด สู่ระดับ 1,200.15 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่ามาตรการปิดประเทศเพื่อระงับการแพร่ระบาดของทางการทั่วโลกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จะกระทบต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ โดย BH มีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูงถึง 66% และ BDMS อยู่ที่ 30% นอกจากนี้แล้วหุ้นกลุ่มการแพทย์ยังได้รับผลกระทบจากผู้ป่วยไทยที่เลือกอยู่บ้านและเลื่อนการรักษาออกไปสำหรับโรคที่ไม่ร้ายแรง
ด้วยปัจจัยกดดันนี้ ทำให้ SCBS คาดว่ากำไรไตรมาส 1/63 ของทั้งคู่จะหดตัวลง YoY โดยคาด BDMS จะรายงานกำไรไตรมาส 1/63 ที่ 2.18 พันล้านบาท ลดลง 10.3%YoY และลดลง 8%QoQ และคาดว่า BH จะรายงานกำไรไตรมาส 1/63 ที่ 815 ล้านบาท ลดลง 25%YoY และลดลง 9%QoQ
ทั้งนี้คาดว่า BH จะรายงานผลประกอบการวันที่ 29 เมษายน 2563 และ BDMS จะรายงานผลประกอบการวันที่ 13 พฤษภาคม 2563
มุมมองระยะยาว:
SCBS มองว่าแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอเช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อในไตรมาส 2/63 เนื่องจากทางรัฐบาลยังคงใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดที่เข้มข้นอยู่ รวมถึงประชาชนยังคงเลื่อนการรักษาออกไป
ทั้งนี้ SCBS เชื่อว่าการบริการทางการแพทย์เป็นสิ่งที่จำเป็น และความต้องการใช้บริการได้สะสมมาจากช่วงก่อนหน้านี้ ดังนั้นหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ประชาชนจะเข้ามารับการรักษาหลังจากที่เคยเลื่อนการรักษามาก่อนหน้า ซึ่งช่วยให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มการแพทย์ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง
สำหรับด้านสถานการณ์โควิด-19 SCBS ประเมินว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงด้วยปัจจัยทางด้านอุณหภูมิทั่วโลกที่จะอุ่นขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม รวมถึงการเว้นระห่างทางสังคม โดย SCBS ได้ประเมินเป็น 3 กรณีดังนี้
- กรณีพื้นฐาน เหตุการณ์จะคลี่คลายลงลงในเดือนพฤษภาคม โดยอิงสมมติฐานว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมร่วมกับอุณหภูมิโลกที่อุ่นขึ้นจะช่วยลดการแพร่ระบาดลงได้
- กรณีปานกลาง เหตุการณ์จะคลี่คลายลงในเดือนกรกฎาคม โดยอิงสมมติฐานว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมร่วมกับอุณหภูมิโลกที่อุ่นขึ้นไม่มีประสิทธิเพียงพอที่จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดได้
- กรณีเลวร้ายที่สุด เหตุการณ์จะคลี่คลายลงในเดือนธันวาคม โดยอิงสมมติฐานว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมร่วมกับอุณหภูมิโลกที่อุ่นขึ้นไม่มีผลเพียงพอที่จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดได้ รวมถึงเกิดการระบาดรอบที่สองหลังจากกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้ง
ข้อมูลเพิ่มเติม:
%YTD คือ % การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
%YoY คือ % การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาเดียวกันเทียบกับปีก่อนหน้า
%QoQ คือ % การเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาเดียวกันเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า