เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ภายใต้การวิเคราะห์
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับลดลง 1.15%MoM ขณะที่ SET Index ปรับลดลง 0.45%MoM
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หุ้นกลุ่มพลังงาน (โรงกลั่น) – แนวโน้มดีขึ้นหลัง 4Q65 อ่อนแอ
- 10 เรื่องต้องรู้ หุ้น ‘SAF’ ซึ่งเป็น IPO ที่ประเดิมเข้าเทรดตัวแรกในปีนี้
- 5 อันดับตลาดหุ้นให้รีเทิร์นมากสุดนับแต่เริ่มปี 2023 รับ ‘January Effect’
พรีวิวผลประกอบการ 1Q66:
InnovestX Research คาดกลุ่มธนาคารจะรายงานกำไรสุทธิ 1Q66 เพิ่มขึ้น 40%QoQ (หลักๆ เกิดจาก OPEX ที่ลดลงตามฤดูกาล) และ 10%YoY (NII สูงขึ้น เนื่องจาก NIM ดีขึ้น) โดยคาดว่า BBL จะรายงานกำไรสุทธิเติบโต YoY ที่ 50% และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 41%QoQ โดยสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
- การตั้งสำรอง: คาดว่ากลุ่มธนาคารจะตั้งสำรองเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ โดยมีทิศทางที่คละเคล้ากันในแต่ละธนาคาร NPL คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีสาเหตุมาจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ การปรับเพิ่มอัตราการชำระสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างแล้ว ภาวะเงินเฟ้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น
- การเติบโตของสินเชื่อ: สินเชื่อของกลุ่มธนาคารเติบโตในระดับต่ำที่ 2.9%YoY และลดลง 0.5%YTD ณ เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งคาดว่าสินเชื่อจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ และเติบโต YoY เล็กน้อยใน 1Q66
- NIM: คาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY แต่จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ (มีทิศทางที่คละเคล้ากันในแต่ละธนาคาร) ทั้งนี้เมื่อเทียบ QoQ คาดว่า NIM ที่ธนาคารขนาดใหญ่จะอยู่ในระดับทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เนื่องจากประโยชน์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะถูกหักล้างโดยการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps กลับสู่ระดับปกติที่ 0.46% การมีสัดส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ในระดับสูง ทำให้คาดว่า TISCO, KKP และ TTB จะรายงาน NIM ลดลง QoQ
- Non-NII: คาดว่า Non-NII จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกำไรจากเงินลงทุนที่น้อยลง รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับตลาดทุนที่ลดลง และค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อที่ลดลง
- OPEX: คาดว่า OPEX จะลดลง QoQ (ปัจจัยฤดูกาล) และ YoY (ค่าใช้จ่ายด้าน IT และพนักงาน) อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารส่วนใหญ่จะมีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว YoY
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2566:
ในปี 2566 คาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารจะเติบโตในอัตราเร่งตัวขึ้นสู่ 20% จาก 9% ในปี 2565 โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 5% NIM จะขยายตัว 24 bps (หลักๆ เกิดขึ้นที่ธนาคารขนาดใหญ่) Credit Cost จะอยู่ในระดับทรงตัว Non-NII จะลดลง 3% (รายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัว) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงเล็กน้อย
ทั้งนี้นับถึงปัจจุบันธนาคารต่างๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อชดเชยการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ บ่งชี้ถึง Upside ต่อประมาณการกำไรปี 2566
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน InnovestX Research มองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในระยะหลังนี้เปิดโอกาสให้เข้าซื้อสะสมหุ้นธนาคาร โดยเลือก KTB และ BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เพราะ 1. มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ 3. Valuation น่าสนใจ
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และผลกระทบของฟินเทค