×

ล้วงลึกเจ้าของแบรนด์ MANIRAT ผู้รังสรรค์ฝากระป๋อง 2,788 ชิ้น ทำชุดราตรี ‘แอนนา เสือ’ บนเวที Miss Universe 2022

15.01.2023
  • LOADING...

ชุดราตรี ‘Hidden Precious Diamond Dress’ จากแบรนด์ MANIRAT ของ แอนนา เสืองามเอี่ยม ตัวแทนสาวไทยในการประกวด Miss Universe 2022 ครั้งที่ 71 ที่นิวออร์ลีนส์ มอเรียล คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ นครนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ถูกพูดถึงและเป็นไวรัลไปทั่วโลก

 

จากคอนเซปต์ของชุดที่เป็นการนำเอาวัสดุเหลือใช้จากฝากระป๋องอะลูมิเนียม มารังสรรค์ด้วยเทคนิค Jewelry Detail พร้อมตกแต่งด้วยเพชร Swarovski มาต่อร้อยเรียงกันจนกลายเป็นชุดราตรีที่งดงาม และทรงคุณค่าที่สุดชุดหนึ่งบนเวทีการประกวดนางงาม

 

THE STANDARD เปิดใจ ‘อาริฟ เจ๊ะหวาง’ ผู้ออกแบบและเจ้าของแบรนด์ MANIRAT ถึงไอเดีย จากดีไซเนอร์เสื้อผ้าแฟชั่นผู้เป็นแฟนนางงาม สู่ผู้ออกแบบชุดราตรีบนเวที Miss Universe เวทีประกวดนางงามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีกเวทีหนึ่ง ซึ่งเวลานี้กำลังเป็นไวรัลไปทั่วโลก พร้อมกระแสชื่นชมมากมาย

 

แรงบันดาลใจจากนางงามกองขยะ

 

อาริฟกล่าวถึงแรงบันดาลใจในการรังสรรค์ชุด ‘Hidden Precious Diamond Dress’ ว่ามาจากเรื่องราวชีวิตของแอนนา ที่มีต้นทุนชีวิตเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะทางการเงินที่ร่ำรวย มีคุณพ่อเป็นพนักงานเก็บขยะและคุณแม่เป็นพนักงานกวาดขยะของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งแอนนาก็นิยามตัวเองว่าเป็น ‘นางงามจากกองขยะ’

 

แต่เรื่องราวการเป็นนางงามจากกองขยะของแอนนานั้น อาริฟกลับมองว่าแอนนามีทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ดี แอนนาสู้ชีวิต ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก และไม่ได้คิดนำสภาพแวดล้อมที่อยู่นั้นมาด้อยค่าตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือเพชร ที่แม้จะอยู่ในกองขยะก็สามารถเปล่งประกายเป็น ‘เพชรเม็ดงาม’ ได้สำเร็จ

 

แม้ตนเองจะเป็นคนที่ชื่นชอบแอนนาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก่อนทำชุดก็ยังศึกษาชีวิตของแอนนาเพิ่มเติม ทั้งการดูคลิปวิดีโอ การอ่านบทความหรือบทสัมภาษณ์ เพื่อให้รู้จักแอนนามากยิ่งขึ้น

 

ในฐานะคนออกแบบ ได้พยายามค้นหาไอเดียว่าจะทำอย่างไรที่จะแปลงขยะรีไซเคิลให้มาเป็นชุดราตรีที่สวยงามอีกชุดหนึ่ง ให้เหมือนกับคำพูดของแอนนาที่เคยพูดว่า “ไม่ว่าเราจะเกิดจากอะไร แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเราได้ด้วยพลังของเรา”

 

คำพูดของแอนนากลายเป็นต้นทุนที่อาริฟใช้ต่อยอด เพราะมีความสอดคล้องกับสิ่งที่เขาคิด เพื่อให้ชุดราตรีมีความแตกต่าง โดดเด่น และเป็นส่วนผสมที่ลงตัวกับแอนนาบนเวที

 

‘ฝากระป๋อง’ จึงกลายมาเป็นวัสดุหลักของชุด ใช้ประมาณ 2,788 ชิ้น และต้องเป็นฝากระป๋องที่ผ่านการใช้งานมาแล้วทั้งหมด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิขาเทียมแห่งประเทศไทย จากเพื่อนที่สะสมฝากระป๋อง รวมถึงจากห้างไชน่าเวิลด์ที่เป็นจุดรับบริจาค

 

สำหรับขั้นตอนการรังสรรค์ชุด เมื่อได้ฝากระป๋องมาแล้วไม่สามารถนำมาใช้ได้ทันที ต้องนำฝาไปชุบกับโครเมียม จากนั้นใช้เทคนิค Jewelry Detail และเชื่อมด้วยเพชร Swarovski เพื่อเพิ่มมูลค่า เพิ่มความระยิบระยับ และต่อห่วงทั้งหมดกับแพตเทิร์นของชุด

 

‘ฟูลฟิล’ เมื่อแอนนาใส่ครั้งแรก

 

อาริฟกล่าวว่า ในตอนแรกแบรนด์ MANIRAT ไม่ได้เป็นห้องเสื้อที่ถูกวางมาให้เป็นผู้ทำชุดของแอนนา ทั้งรอบพรีลิมมินารี (Preliminary Competition) และรอบตัดสิน (Final Competition) แต่เนื่องจากมีผู้เห็นเทคนิคการทำชุดของเรา และอยากเห็นหน้าตาของชุดว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ส่งผลให้มีชื่อแบรนด์ MANIRAT เป็นห้องเสื้อที่ 3 ที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เพื่อรังสรรค์ชุดสำหรับการประกวด Miss Universe ให้แก่แอนนา

 

อาริฟเล่าว่า ตอนที่แอนนาเห็นภาพสเกตช์ของเราครั้งแรก ความรู้สึกของเราตอนนั้น รู้สึกว่าแอนนาไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับชุดของเรา เมื่อเริ่มทำชุดก็มีการฟิตติ้งชุดประมาณ 3-4 รอบ แต่วันที่ชุดเสร็จสมบูรณ์ 100% แอนนาสวมใส่ชุดของเราครั้งแรก แอนนาเริ่มมีความรู้สึกกับชุดของเรา หลังจากนั้นแอนนาก็เริ่มชอบชุดที่ออกแบบ ทำให้รู้สึกฟูลฟิลอย่างมาก

 

“แม้ในตอนเริ่มต้นเราจะดูเหมือนเป็นตัวสำรอง แต่เราก็สามารถเห็นชุดของเราที่ใช้วัสดุเหลือใช้ได้เหมือนกัน คำว่าชุดราตรีสวยนั้นชุดราตรีของทุกชาติสวยเหมือนกันหมด แต่อยู่ที่รสนิยมของคนนั้นๆ และในความสวยนั้นต้องช่วยส่งต่อบุคลิกที่ดีของนางงามและจิตวิญญาณต้องไปกับตัวนางงามด้วย เพราะชุดมีสตอรีที่ชัดเจนและต้องอิมแพ็กต่อผู้คน”

 

ขณะเดียวกัน ชุด ‘Hidden Precious Diamond Dress’ ก็เป็นชุดที่ทำได้มากกว่านั้น เพราะสามารถส่งต่อโครงการที่แอนนาทำอยู่ คือการคัดแยกขยะได้อย่างชัดเจน

 

อาริฟบอกอีกว่า ที่ผ่านมาเราโดนสบประมาทเยอะว่าชุดที่มีสตอรีและชุดที่ทำจากขยะรีไซเคิลนั้นจะไม่สวย แต่เมื่อแอนนาได้สวมใส่ชุดของเรา เป็นชุดที่มีสตอรีที่ชัดเจน ทั้งยังเป็นชุดที่แอดวานซ์และได้ส่งต่อพลังบวก ต่างชาติเข้ามาชื่นชมมากมาย ส่วนตัวก็รู้สึกดีใจมากที่สามารถลบคำสบประมาทเหล่านั้นได้

 

เนรมิตชุด 2 คน ภายใน 1 เดือนครึ่ง

 

อาริฟกล่าวถึงระยะเวลาในการทำชุดว่าอยู่ที่ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับขั้นตอนการเตรียมวัสดุสำหรับทำชุด ส่วนเรื่องเทคนิคที่จะใช้ขึ้นชุดราตรี ใช้เวลาอยู่ที่ 10-13 วัน และชุดนี้เราช่วยกันทำ 2 คน พร้อมอธิบายว่ามีทีมงานที่คอยช่วย แต่ไม่ได้ให้เข้ามาช่วยเพราะเราอยากทำด้วยมือของเราเองทั้งหมด

 

“เราอยากทำด้วยความรู้สึกของเรา ใช้หัวใจ เราจึงไม่อยากใช้คนหลายคน เราอยากให้มีเพียงใจเราที่ทำลงไปในชุดนี้ และชุดนี้ก็ไม่สามารถทำหลายคนได้ โดยทางเทคนิคนั้นมีความละเอียดอย่างมากมาย เหมือนที่เราตั้งชื่อชุดว่า ‘Hidden Precious Diamond Dress’ นั่นเอง”

 

ส่วนมูลค่าของชุดนั้น อาริฟกล่าวว่า หลายครั้งเราพยายามที่จะตีมูลค่าของชุดนี้ว่าควรมีมูลค่าเท่าไร แต่เราก็ไม่สามารถตีมูลค่าได้ เพราะชุดที่ใช้ความรู้สึก ใช้จิตวิญญาณ ที่มีเพียงชุดเดียว เป็นงานศิลปะที่เกิดขึ้นเฉพาะตัว จากนางงามผู้เป็นเจ้าของเพียงคนเดียวที่ชื่อ ‘แอนนา เสืองามเอี่ยม’

 

ภูมิใจกับชุดในรอบพรีลิมฯ

 

อาริฟบอกเล่าความรู้สึกระหว่างการประกวดในรอบพรีลิมฯ ว่า มีความเชื่ออย่างสนิทใจว่าแอนนาจะเลือกชุดราตรีของแบรนด์ MANIRAT โดยที่ไม่ว่าแอนนาจะใส่ชุดของเราในรอบไหนก็ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไร

 

แต่รอบที่เราอยากให้แอนนาใส่ที่สุดคือการประกวดในรอบพรีลิมฯ เพราะถ้าใส่ชุดเราในรอบนี้ จะทำให้ชุดมีช่วงเวลาให้ทั่วโลกได้พูดถึงก่อนที่จะถึงรอบตัดสิน และอีกเหตุผลคือจะทำให้ชุดของเราได้อยู่คู่กับสายสะพายไทยแลนด์ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ภูมิใจมากๆ

 

อาริฟเผยถึงอีกความรู้สึกหลังจากที่แอนนาใส่ชุดราตรีของ MANIRAT ว่า “ทำให้คิดถึงคุณย่าที่จากไปแล้วเป็นที่สุด” เพราะชื่อแบรนด์ MANIRAT นั้นมาจากชื่อของคุณย่า (มณีรัตน์) และคุณย่าเป็นคนที่ชอบดูการประกวดเวทีนางงามตั้งแต่สมัยที่เรายังเด็กๆ

 

“คิดถึงคุณย่า เรายังอยากให้ย่าอยู่ตรงนี้ อยากให้ย่าเห็นชุดของเราภายใต้แบรนด์ MANIRAT ที่อยู่บนเวที Miss Universe แม้ย่าจะจากโลกนี้ไปแล้ว เหมือนได้เห็นชื่อของย่าไปอยู่บนเวทีด้วย ยังคิดว่าย่าจะต้องได้เห็นแน่นอน” อาริฟกล่าว

 

อาริฟยังกล่าวถึงชุดตรีของแอนนาในรอบตัดสินว่ายังมีให้เลือกเพื่อขึ้นประกวดอีก 4 ชุด แต่หากแอนนายังมั่นใจที่จะเลือกใส่ชุดแบรนด์ MANIRAT อีกครั้ง เราก็เคารพการตัดสินใจของแอนนา พร้อมทั้งมั่นใจว่าทุกห้องเสื้ออื่นที่แข่งขันกันก็จะเคารพการตัดสินใจของแอนนาเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในฐานะดีไซเนอร์ คือการส่งแอนนาไปสวมใส่มงกุฎ Miss Universe

 

แฟนนางงาม = แรงกดดัน

 

อาริฟกล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฟนนางงามเป็นหนึ่งในแรงผลักดันในการผลิตชุด แต่จะไม่ให้ความกดดันเหล่านั้นมากระทบกับการทำชุด พร้อมทั้งบอกว่า เวลาที่ทำงาน เราทำด้วยใจ เราจะโฟกัสที่ตัวแอนนาอย่าง 100% และจะไม่สนใจแฟนนางงามมากนัก เพราะผลงานที่ออกมาจะไม่รีแล็กซ์หรือจะมีความเกร็งจนเกินไป

 

พร้อมกล่าวถึงกลุ่มแฟนนางงามว่า รสนิยมของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะมองสวยหรือบางคนอาจจะมองไม่สวย แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกคนทราบดีว่าชุดนี้มีจุดประสงค์เพื่อใคร และอยากให้คนโฟกัสว่าชุดนี้เกิดมาเพื่อแอนนา และแอนนาก็มีความภาคภูมิใจ ดังนั้นอยากให้มองที่ความตั้งใจที่จะนำเสนอ และทุกคนควรให้กำลังใจกันมากกว่า

 

ก้าวต่อไปของ MANIRAT

อาริฟกล่าวทิ้งท้ายถึงสิ่งที่อยากจะทำจากนี้ต่อไปว่า อยากทำเสื้อผ้าด้าน Sustainable ให้มากขึ้น รวมถึงเสื้อผ้าในสาย Commercial หรือเสื้อผ้าในสาย Made to Order ที่มีการผสมผสานกับวัสดุรีไซเคิล และในอนาคตจะได้เห็นแบรนด์ MANIRAT ในการทำชุดราตรีให้กับวงการนางงามมากขึ้น โดยเราจะผลิตงานที่ดี ที่สวยงาม และให้อะไรกับสังคมเช่นเดียวกัน

 

ภาพ: Miss Universe Thailand

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising