×

แมนฯ ยูไนเต็ด กับช่วงเวลาสำคัญ และสิ่งที่ต้องทำมากกว่าแค่การต่อสัญญากับ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ อีก 3 ปี

28.05.2021
  • LOADING...
แมนฯ ยูไนเต็ด กับช่วงเวลาสำคัญ และสิ่งที่ต้องทำมากกว่าแค่การต่อสัญญากับ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ อีก 3 ปี

ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ทุกอย่างเหมือนจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่บทสรุปของฤดูกาลด้วยการพลาดหวังที่จะได้แชมป์รายการแรกของสโมสรในรอบ 4 ปี ทำให้พูดได้ไม่เต็มปากนักว่านี่คือปีที่ดีสำหรับ ‘ปีศาจแดง’

 

ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่ายูโรปาลีก กับบียาร์เรอัลเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาที่เมืองกดังสก์เป็นภาพสะท้อนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แม้ว่าจะเป็นทีมที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 2-3 ปีก่อน แต่พวกเขายังดีไม่พอแต่อย่างใด

 

เพราะในจุดแข็งที่เริ่มเห็นก็ยังมีจุดอ่อนซ่อนอยู่ ซึ่งรวมถึงคนที่เป็นนายใหญ่อย่าง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาจะเป็นคนที่นำแมนฯ ยูไนเต็ดกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง

 

ถึงเรื่องของการเลือกแท็กติก การจัดทีมพอจะเห็นพัฒนาการบ้าง แต่เรื่องของการตัดสินใจหน้างาน การแก้ไขสถานการณ์ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดไปไม่ถึงฝัน

 

อย่างไรก็ดีเป็นที่แน่ชัดว่าแมนฯ ยูไนเต็ดยังพร้อมที่จะสนับสนุนโซลชาร์ให้ได้เวลาในการสานงานของตัวเองต่อไป โดยจะมอบสัญญาระยะเวลา 3 ปีให้

 

แต่มันก็เป็นจังหวะที่แฟนปีศาจแดงอาจจะอดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วจริงๆ ใช่ไหม? เพราะมันเป็น Dejavu ที่คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อปี 2019 ที่ทีมตัดสินใจเสนอสัญญาฉบับเต็มให้แก่โซลชาร์ ซึ่งเข้ามารับงานแทนที่ของ โชเซ มูรินโญ ที่โดนปลดจากตำแหน่งในช่วงเดือนเดือนธันวาคม 2018

 

สัญญาฉบับที่ทำในวันนั้นจะมีระยะเวลาถึงปี 2022 หรือเหลือระยะเวลาอีก 1 ปีเศษด้วยกัน ซึ่งทางฝ่ายบริหารของสโมสรที่นำมาโดย เอ็ด วูดเวิร์ด ยังคงมั่นใจในตัวของโซลชาร์เหมือนเดิมหลังได้เห็นสัญญาณบวกมาโดยตลอด

 

จุดที่เป็นข้อดีของโซลชาร์ที่ทุกฝ่ายได้เห็นคือ 

  • ทีมมีผลงานที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนจากการจบฤดูกาล 2018-19 ด้วยการเป็นทีมอันดับ 6 สู่การเป็นทีมอันดับ 3 ในฤดูกาล 2019-20 และได้เป็นรองแชมป์ในฤดูกาล  2020-21 ที่เพิ่งจบไป
  • ปัญหาภายในทีมที่เคยมีค่อยๆ ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาเกมรับที่เสียประตูง่ายก็กลับมาเป็นทีมที่มีเกมรับแกร่งที่สุดทีมหนึ่ง หรือปัญหาการสร้างสรรค์โอกาสในเกมรุก ปัจจุบันแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นทีมที่มีตัวรุกที่น่าเกรงขามอย่างมากไม่ว่าจะเป็น เอดินสัน คาวานี, บรูโน แฟร์นันด์ส, เมสัน กรีนวูด, มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ พอล ป็อกบา
  • ปัญหาเรื่องความรู้สึกของผู้เล่นบางคน อาทิ ป็อกบา หรือคาวานีที่เคยไม่พอใจในการเล่นกับทีม ปัจจุบันทั้งคู่กลับมาทุ่มเทให้กับทีมอย่างเต็มที่
  • การขัดเกลาผู้เล่น นักเตะหลายคนมีพัฒนาการอย่างมากไม่ว่าจะเป็น ลุค ชอว์, อารอน วาน-บิสซากา, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, กรีนวูด หรือแม้แต่เฟร็ดที่หากเป็นช่วงที่ฟอร์มดีก็เล่นได้น่าประทับใจ
  • ทีมกลับมามีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนบอลอีกครั้ง แม้จะมีการประท้วงเจ้าของสโมสร แต่กับฝั่งของการจัดการทีมแล้ว โซลชาร์ยังเป็นคนที่แฟนบอลรักและไว้ใจ

 

แฮร์รี เคน และ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ สองยอดศูนย์หน้าที่มีข่าวกับแมนฯ ยูไนเต็ด

 

จากภาพรวมแล้วถือว่าผลงานของโซลชาร์อยู่ในเกณฑ์ที่ ‘ดี’ และการตัดสินใจให้เวลาในการทำงานต่อเนื่องถือเป็นการตัดสินใจที่รับได้

 

เพียงแต่หากทีมต้องการประสบความสำเร็จอีกครั้งอย่างแท้จริง ฝ่ายบริหารจำเป็นที่จะต้องยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือกุนซือชาวนอร์เวย์ด้วยการจัดหาผู้เล่นในเกรด ‘พรีเมียม’ เข้ามาเติมเต็มให้กับทีม

 

เพราะเห็นได้ชัดว่าการได้แม็กไกวร์, บรูโน แฟร์นันด์ส หรือคาวานีเข้ามาสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้แทบจะทันที ซึ่งเวลานี้เชื่อกันว่าแมนฯ ยูไนเต็ดยังขาดผู้เล่นอีกไม่กี่ตำแหน่งสำหรับการก้าวไปท้าชนกับทีมอย่างแมนฯ ซิตี้

 

เพียงแต่นักเตะในระดับที่จะสร้างความแตกต่างได้นั้นย่อมแลกมาด้วยค่าแลกเปลี่ยนที่สูง และสถานการณ์การเงินในปัจจุบันแมนฯ ยูไนเต็ดเองก็ ‘เจ็บหนัก’ จากโควิด-19 ไม่แพ้สโมสรอื่นเช่นกัน

 

ดังนั้น จึงต้องจับตาดูว่าสโมสรจะดำเนินการอย่างไร เพราะเวลานี้พอมองเห็นเป้าหมายอยู่บ้าง

 

แฮร์รี เคน หรือ เออร์ลิง เบราต์ ฮาลันด์ สำหรับตำแหน่งศูนย์หน้า, จาดอน ซานโช สำหรับตำแหน่งปีก, กองกลางห้องเครื่องอย่าง ดีแคลน ไรซ์ และกองหลังในเกรดที่ดีอีกสักคน แต่สนนราคาของนักเตะเหล่านี้ค่อนข้างสูงลิบ

 

ก่อนหน้านี้แมนฯ ยูไนเต็ดเองก็มี ‘ทางรอด’ เอาไว้บ้างทั้งการต่อสัญญากับคาวานี หรือการให้โอกาสกรีนวูดเต็มที่ ทำให้แนวรุกถ้าสมมติจะไม่มีใครเข้ามาเสริมเลยสักคนก็ถือว่าเสียหายแต่ไม่มาก

 

กองกลางเองหากซื้อ ดีแคลน ไรซ์ ไม่ไหวก็ยังพอมีตัวเลือกอื่นๆ บ้าง (แต่หนึ่งในคนที่ต้องจัดการคือป็อกบาว่าจะต่อสัญญาไหม) แต่สำหรับเกมรับกองหลังที่จะยืนคู่กับแม็กไกวร์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อคิดถึงสภาพของ เอริก ไบยี ที่เปราะบาง และ วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ ที่ไม่อาจไว้วางใจได้

 

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่แมนฯ ยูไนเต็ดต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะได้มากได้น้อย จะได้กี่คนก็ต้องได้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับ จอห์น เมอร์โท ในฐานะผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลคนแรกที่ทีมตามหามานาน รวมถึง ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ที่จะมาช่วยงาน และ แมตต์ จัดจ์ นักเจรจาของสโมสรที่ถูกวิจารณ์หนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา

 

เพราะถ้าไม่สามารถเสริมทัพได้ตามเป้าหมาย จะไม่ต่างอะไรกับนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรปาลีกที่ผ่านมา กับ ‘โอกาส’ ที่สูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่มองเห็นอนาคตที่สดใสอยู่ตรงหน้า

 

และมันอาจจะทำให้เวลาอีก 3 ปีภายใต้การนำของโซลชาร์กลายเป็นช่วงเวลาของความเปล่าเปลี่ยวและเดียวดายเหมือนเดิม

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising