×

สรุปดีล ติอาโก อัลกันตารา: เหตุผลที่ลิเวอร์พูลเร่งคว้าตัว และสิ่งที่อัลกันตาราจะนำมาสู่แอนฟิลด์

17.09.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 mins. read
  • ข่าวการบรรลุข้อตกลงในการคว้า ติอาโก อัลกันตารา ของลิเวอร์พูล สร้างความตื่นเต้นให้แก่เดอะ ค็อป ทั่วโลก หลังข่าวเงียบหายไปและดูเหมือนโอกาสในการได้ตัวลดน้อยลงไปทุกที
  • ลิเวอร์พูลไม่มีการเสริมทัพผู้เล่นระดับสตาร์มาเป็นระยะเวลานานและเริ่มนิ่งจนเกินไป สวนทางกับคู่แข่งทุกทีมที่มีการเสริมทัพอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา
  • มิดฟิลด์ชาวสเปนเป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดในโลก และจะยกระดับการเล่นของลิเวอร์พูลให้สูงขึ้นไปอีกด้วยมิติการเล่นที่เหนือชั้นกว่าเดิม

เป็นอีกครั้งที่ทีม ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูลเซอร์ไพรส์แฟนตัวเองด้วยการเดินหน้าปิดดีลการเจรจาคว้าตัว ติอาโก อัลกันตารา ยอดมิดฟิลด์ทีมชาติสเปนจากทีม ‘เสือใต้’ บาเยิร์น มิวนิก แบบไม่มีสัญญาณบ่งบอกล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น

 

โดย The Athletic สื่อกีฬาระดับโลกจากอังกฤษซึ่งมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงสุด รายงานเป็นที่แรกๆ ว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกสามารถตกลงเรื่องค่าตัวของอัลกันตารากับบาเยิร์นได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในสนนราคา 30 ล้านยูโร​ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทิศทางของการรายงานข่าวทุกสำนักตรงกันหมดว่าลิเวอร์พูลยังคงบ่ายเบี่ยงที่จะจ่ายเงินตามที่บาเยิร์นต้องการ

 

เหตุผลของฝ่ายบริหารลิเวอร์พูลคือการที่อัลกันตาราเหลือสัญญากับบาเยิร์นอีกเพียงหนึ่งฤดูกาล และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะสามารถทำการเจรจาย้ายทีมได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ในทีมยังมีมิดฟิลด์ครบทุกตำแหน่งแล้ว การเสริมทัพในแดนกลางจึงไม่ใช่จุดที่มีความจำเป็นเร่งด่วน

 

ในรายของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม กองกลางตัวหลักทีมชาติเนเธอร์แลนด์ที่มีข่าวว่าอาจจะอำลาทีมเนื่องจากเหลือสัญญาแค่ปีเดียวก็มีการเคลียร์ใจ และดูเหมือนจะได้รับสัญญาฉบับใหม่เร็วๆ นี้ ขณะที่นักเตะในกลุ่ม Fringe Players หรือตัวสำรองทดแทนที่คาดหมายว่าจะขายเพื่อทำทุนได้อย่าง เซอร์ดาน ชากิรี, มาร์โก กรูยิช หรือแฮร์รี วิลสัน ก็ยังไม่มีความสนใจอย่างจริงจัง รายที่อาจจะขายได้มีเพียง เรียน บรูวสเตอร์ กองหน้าดาวรุ่งที่เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ต้องการได้ตัวไปร่วมทีม โดยอาจจะขายแต่ให้มีเงื่อนไขในการซื้อกลับมาอีกครั้ง

 

นั่นทำให้คาดกันว่าทีมดังจากเมอร์ซีย์ไซด์จะชะลอการเจรจาเอาไว้ก่อนให้ถึงช่วงปลายของตลาดการซื้อขายในรอบนี้ ซึ่งจะปิดในวันที่ 5 ตุลาคม เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการกดราคาของกองกลางวัย 29 ปีลงมา แต่ทางบาเยิร์นเองก็รู้ทัน และมีการใช้กลยุทธ์ในการโยนความกดดันกลับให้ลิเวอร์พูลด้วยการบอกชัดๆ ว่ารู้แผนนี้อยู่แล้ว

 

นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงมือที่สามที่มีข่าวว่าสามารถบรรลุข้อตกลงในเรื่องเงื่อนไขส่วนตัวของอัลกันตาราได้แล้วเช่นกันคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

สถานการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดจึงทำให้ไม่มีใครคิดว่าลิเวอร์พูลจะเปลี่ยนใจเดินเกมเร็วแบบนี้

 

สาเหตุที่ทำให้มีการเปลี่ยนใจนั้นเชื่อว่าเกิดจากการผลักดันของ เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมันที่มีความชื่นชมในตัวของอัลกันตาราอยู่มากเป็นทุนเดิม และต้องการที่จะได้ตัวเขามาเสริมทีมจริงๆ

 

คล็อปป์ไม่ต้องการจะเสียโอกาสดีแบบนี้ไปเหมือนกรณีของ ติโม แวร์เนอร์ ที่แม้ว่าทุกอย่างจะลงตัวหมดแล้ว แต่การเจรจาต้องหยุดชะงักเพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ลิเวอร์พูลไม่สามารถจะจ่ายเงิน 50 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับกองหน้าทีมชาติเยอรมันได้

 

เรื่องนี้จึงทำให้ดีลของอัลกันตารามีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการซื้อผู้เล่นที่ขัดต่อแนวทางของสโมสรอย่างชัดเจนหลายประการ

 

1. อัลกันตารามีอายุมากถึง 29 ปี ซึ่งปกติแล้วลิเวอร์พูลจะไม่ซื้อผู้เล่นที่อายุมากขนาดนี้ โดยทีมจะเน้นการลงทุนกับผู้เล่นที่มีอายุน้อยเป็นหลัก เนื่องจากยังมีโอกาสที่จะขายได้ราคาในอนาคต

 

2. สัญญาของอัลกันตาราเหลือถึงแค่ปี 2021 ซึ่งเหลือเวลาไม่กี่เดือนจะสามารถเจรจาย้ายทีมได้อย่างอิสระ ปกติแล้วลิเวอร์พูลจะไม่กระโดดลงมาเล่นในสถานการณ์นี้ และจะรอทำการเจรจาอย่างชาญฉลาดมากกว่า

 

3. อัลกันตารามีค่าเหนื่อยสูง เชื่อว่าอยู่ในระดับเกือบถึง 2 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งจะใกล้เคียงกับนักเตะที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในทีมอย่าง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์

 

4. ปกติลิเวอร์พูลจะซื้อผู้เล่นตามความจำเป็นของทีม ซึ่งเวลานี้จุดที่ต้องการเสริมทีมคือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคนที่ 4 เพื่อทดแทน เดยัน ลอฟเรน ที่อำลาทีมไป และผู้เล่นริมเส้นที่จะช่วยเติมพลังในแนวรุก

 

5. ปกติแล้วคล็อปป์จะไม่แทรกแซงการตัดสินใจเรื่องการซื้อผู้เล่น (แม้กระทั่งในรายของแวร์เนอร์ที่ชื่นชอบมากก็ตาม) แต่ในรายของอัลกันตารา ตามรายงานแล้วคล็อปป์ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ดีลเกิดขึ้นให้ได้

 

ด้วยเหตุผลทั้งหมดทำให้ดีลนี้ไม่ธรรมดา และหมายความว่านักเตะรายนี้มีความพิเศษมากพอที่ทำให้ลิเวอร์พูลกล้าจะฝืนธรรมชาติของสโมสร

 

ลีลาการเล่นสุดเหนือชั้นแบบนี้คือสิ่งที่แฟนลิเวอร์พูลจะได้เห็น

 

อัลกันตาราจะนำสิ่งใดมาสู่ลิเวอร์พูล

หากจะบอกว่าแดนกลางของลิเวอร์พูลมีปัญหาก็ไม่ใช่ เพราะคล็อปป์มีผู้เล่นให้เลือกใช้งานอย่างมากมายในตำแหน่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ, นาบี เกอิตา, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เจมส์ มิลเนอร์ และเคอร์ติส โจนส์

 

แต่อัลกันตาราเป็นกองกลางที่ดูมีความแตกต่างจากทุกคนอย่างสิ้นเชิง

 

เหตุผลเพราะในแดนกลางของลิเวอร์พูลเกือบทุกคนจะเป็นมิดฟิลด์ในสไตล์จอมขยัน ทุ่มเท มีระเบียบวินัย เล่นตามใบสั่งที่คล็อปป์มอบหมายหน้าที่ให้ได้อย่างดีเยี่ยม แต่อัลกันตาราเป็นกองกลางในอีกรูปแบบที่มีชั้นเชิงในการเล่นสูง มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และการผ่านบอลที่แม่นยำราวจับวางไม่ว่าจะเป็นบอลสั้นหรือบอลยาว

 

นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการคอนโทรลเกมที่ยอดเยี่ยม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นมานักต่อนัก รวมถึงในเกมนัดสุดท้ายที่ลงสนามให้บาเยิร์น และมีส่วนสำคัญในการพาทีมสยบปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

 

สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อแก้ปัญหาของลิเวอร์พูลเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมเต็ม ‘มิติ’ ในการเล่นให้สูงขึ้นด้วย

 

เป็นการยกระดับทีมไปอีกขั้นได้ไม่ยาก เพราะในบทของกองกลางหมายเลข 6 ที่สามารถขยับขึ้นไปยืนสูงเป็นหมายเลข 8 ได้ด้วยรายนี้เป็นหนึ่งในกองกลางที่เก่งที่สุดในโลกแล้ว

 

สำหรับคนที่กังวลเรื่องสภาพร่างกายที่มีประวัติค่อนข้างเปราะบาง เรื่องนี้อาจไม่ใช่ปัญหาในระยะหลัง และความแข็งแกร่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วในเกมที่พาบาเยิร์นสอนบอลเชลซีอย่างง่ายดายด้วยชั้นเชิงลูกหนังที่เหนือกว่าอีกขั้น

 

ดังนั้นสิ่งที่แฟนลิเวอร์พูลคาดหวังได้คือการคอนโทรลเกม ที่หากได้ลงสนามก็จะได้เห็นอัลกันตาราลงมาล้วงบอลจากแดนหลัง และการเปิดบอลยาวให้ตัวริมเส้นจู่โจมคู่ต่อสู้ หรือการพลิกบอลจังหวะเดียวในแดนกลางที่สามารถเปิดพื้นที่ให้ตัวเองและทีมได้ ซึ่งเป็นลูกเก่งของมิดฟิลด์รายนี้

 

ขณะเดียวกัน ความสามารถในการบงการเกมของอัลกันตาราน่าจะทำให้ลิเวอร์พูลรับมือกับการถูกคู่แข่งจู่โจมเร็ว ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของทีมที่แดนกลางปกป้องแดนหลังไม่มากพอ และทำให้ผู้เล่นเกมรับต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก (ขณะที่เกมรับเองก็มีปัญหาเรื่องความบกพร่องส่วนบุคคลจนทำให้เสียประตูมากมายในระยะหลัง)

 

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าอัลกันตาราจะทำให้ลิเวอร์พูลมีการปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นไปจากเดิมหรือไม่

 

ประสบการณ์ในการเล่นและชั้นเชิงของเขาจะเป็น ‘ครู’ ให้กับนักเตะในทีมอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเกอิตา, โจนส์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ หรือแม้แต่ ทาคุมิ มินามิโนะ ดอกไม้ที่รอวันจะเบ่งบานในแอนฟิลด์

 

และสิ่งสำคัญที่สุดที่ประเมินค่าไม่ได้คือเรื่องของความคึกคักที่เกิดขึ้นในทีมหลังจากที่ลิเวอร์พูลไม่ได้เสริมทัพด้วยผู้เล่นในระดับสตาร์มานานเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ซึ่งเป็นการทิ้งช่วงที่นานจนเกินไป ในขณะที่คู่แข่งทุกทีมไม่ว่าจะเป็นเชลซี, อาร์เซนอล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ หรือแม้แต่เอฟเวอร์ตัน ก็มีการเสริมทีมอย่างมากมายทั้งๆ ที่เผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ไม่แตกต่างกัน และทำให้บรรยากาศในทีมสดชื่น

 

ลิเวอร์พูลเองก็ต้องการประกายไฟใหม่ๆ เช่นกัน หลังเริ่มสังเกตได้ว่าทีมมีปัญหานับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

 

และอัลกันตาราคือประกายไฟที่ลิเวอร์พูลต้องการอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์ 

 

 

FYI
  • คล็อปป์เคยกล่าวถึงอัลกันตาราว่าเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของบุนเดสลีกา โดยอีกคนที่เขายกย่องก็คือ นาบี เกอิตา ที่กำลังทำผลงานได้โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ
  • คาดว่าลิเวอร์พูลจะจ่ายเงินค่าตัวที่ 20 ล้านปอนด์ และจ่ายเพิ่มอีก 5 ล้านปอนด์ตามเงื่อนไขต่างๆ
  • มีรายงานว่าอัลกันตาราจะเดินทางมาตรวจร่างกายที่ลิเวอร์พูลในวันนี้ทันที โดยหากผ่านการตรวจร่างกาย คาดว่าจะได้ลงเล่นในเกมลีกคัพกับลินคอล์นในสัปดาห์หน้า
  • อัลกันตาราคือลูกชายของ มาซินโญ ยอดมิดฟิลด์ทีมชาติบราซิลชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 1994 แต่เกิดที่อิตาลี เริ่มเล่นฟุตบอลในบราซิลตอนอายุได้ 5 ขวบ ก่อนจะย้ายตามพ่อมาอยู่ที่สเปน 5 ปี และกลับไปบราซิลเพื่อเล่นให้ฟลาเมงโก จนได้ย้ายกลับมาสเปนอีกครั้งในปี 2005 และเซ็นสัญญากับบาร์เซโลนา ซึ่งมีญาติอย่าง มาริเอลโล ดอส ซานโตส เล่นอยู่
  • เดิมอัลกันตาราถูกคาดหมายว่าจะเป็นทายาทของ ชาบี เอร์นานเดซ ในทีมบาร์เซโลนา แต่ตัดสินใจอำลาทีมมาอยู่กับบาเยิร์นตาม เป๊ป กวาร์ดิโอลา
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising