×

ลิโอเนล เมสซี กับการทำลายสถิติตลอดกาลของเปเลและการส่งสัญญาณของการเปลี่ยนใจ

23.12.2020
  • LOADING...
Lionel Messi

HIGHLIGHTS

  • ในที่สุดสถิติทำประตูรวมสูงสุดตลอดกาลให้สโมสรแห่งเดียวของเปเลที่ยืนยงมากว่า 46 ปีก็ถูกทำลายลงโดย ลิโอเนล เมสซี ที่ทำประตูลูกที่ 644 ได้ในเกมลาลีกา นัดล่าสุดกับเรอัล บายาโดลิด
  • ถึงจะเคยประกาศชัดว่าจะอยู่กับบาร์เซโลนาแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้ แต่ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดดูเหมือนว่าเมสซี ส่งสัญญาณว่าอาจจะเปลี่ยนใจและอยู่กับสโมสรต่อไป
  • โจน ลาปอร์ตา อดีตประธานสโมสร และหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานรอบใหม่ที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคม มั่นใจว่าจะสามารถรั้งตัวเมสซีเอาไว้ได้สำเร็จ และไม่ว่าใครได้เป็นประธานก็มีหน้าที่ที่จะต้องรั้งนักเตะอันดับหนึ่งตลอดกาลไว้ให้ได้

ถึงแม้ว่าปี 2020 จะไม่ใช่ปีที่ดีนักสำหรับ ลิโอเนล เมสซี หนึ่งในนักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งกาจที่สุดแห่งยุคสมัย หรือสำหรับบางคนคือนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลเท่าที่โลกใบนี้เคยมีมา แต่อย่างน้อยการทำลายสถิติของ ‘The Black Pearl’ หรือ ‘O Rei’ เปเล ราชาลูกหนังตลอดกาลชาวบราซิลลงได้ก็นำความสุขกลับคืนมาสู่เขาได้บ้าง

 

“เมื่อเริ่มเล่นฟุตบอล ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องของการทำลายสถิติใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถิติที่ผมเพิ่งจะทำลายลงไปซึ่งเป็นของเปเล” ถ้อยคำจากใจของราชาลูกหนังอาร์เจนไตน์คนปัจจุบัน

 

“ผมอยากขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือผมตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทั้งเพื่อนร่วมทีม ครอบครัว เพื่อนๆ และทุกคนที่สนับสนุนผมในทุกวันนี้”

 

สำหรับสถิติที่เมสซีทำลายลงไปนั้นเป็นสถิติการทำประตูสูงสุดให้แก่การเล่นสโมสรเดียว โดยประตูที่ทำได้ในเกมกับเรอัล บายาโดลิด ในเกมลาลีกานัดล่าสุดนั้นเป็นประตูหมายเลข 644 ประตูทำให้เขาแซงหน้าสถิติตลอดกาลเดิมของเปเล ที่เคยทำไว้ 643 ประตู

 

ถึงแม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลามากกว่าเปเลก็ตาม โดย 644 ประตูนี้เกิดขึ้นจากการลงสนาม 749 นัด ขณะที่เปเลทำไป 643 ประตูจากการลงเล่น 665 นัดเท่านั้น แต่ก็นับเป็นความสำเร็จที่น่ามหัศจรรย์เพราะบนโลกใบนี้การจะทำลายสถิติที่เหลือเชื่อของอดีตราชาลูกหนังชาวบราซิล ผู้พิชิตแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัยเป็นสิ่งที่อยู่เหนือจินตนาการ

 

จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ผู้คนมาร่วมแสดงความยินดีกับเมสซีอย่างมากมาย แต่ท่ามกลางคนเหล่านั้นไม่มีเสียงของใครที่จะทำให้เมสซี รู้สึกดีใจและภูมิใจได้มากกว่าข้อความจากเปเลที่ร่วมแสดงความยินดีต่อความสำเร็จของดาวเตะรุ่นหลาน

 

“ขอแสดงความยินดีกับสถิติอันเป็นประวัติศาสตร์นะลิโอเนล แต่เหนืออื่นใดขอแสดงความยินดีด้วยกับช่วงเวลาของการเล่นฟุตบอลที่งดงามกับบาร์เซโลนา เรื่องราวของคนอย่างพวกเรา คนที่รักสโมสรเพียงแห่งเดียวมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน น่าเสียดายที่มันเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ในเกมฟุตบอล ดังนั้นผมจึงชื่นชมคุณอย่างมาก”

 

ใช่แล้ว เรื่องราวของนักฟุตบอลที่จงรักและภักดีต่อสโมสรเพียงแห่งเดียวนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกินในเกมฟุตบอลยุคปัจจุบัน

 

เช่นนี้เมสซีจะตัดสินใจอย่างไรดีต่ออนาคต ในเมื่อเขาประกาศชัดไปแล้วว่าเวลาของเขากับบาร์เซโลนาเหลือเพียงแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้เท่านั้น

 

และในวันที่ 1 มกราคมที่จะถึงนี้ เขาก็สามารถเจรจากับทีมใดก็ได้

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by Leo Messi (@leomessi)

 

 

 

สัญญาณของการเปลี่ยนใจ?

หากย้อนกลับไปในช่วงเดือนกันยายน เรื่องราวรอยร้าวระหว่างเมสซีกับบาร์เซโลนากลายเป็นข่าวครึกโครมระดับโลกชนิดที่กลบทุกข่าวได้หมด

 

เพราะไม่มีใครคิดว่านักฟุตบอลที่ถูกพาตัวจากอาร์เจนตินามาอยู่ที่สเปนตั้งแต่อายุ 13 ปี ได้รับความช่วยเหลือจากสโมสรในเรื่องการดูแลร่างกายจนสามารถเติบใหญ่และก้าวมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้เป็นดาวเตะอันดับหนึ่งของสโมสรและของยุคสมัย และถูกคาดหวังว่าจะอยู่ในถิ่นคัมป์นูไปจนชั่วฟ้าดินสลายจะเลือกวิธีการส่งจดหมายที่มีผลบังคับทางกฎหมายเพื่อแจ้งกับสโมสรว่า ‘ปล่อยผมไป’

 

เมสซียืนกรานว่าตามรายละเอียดในสัญญาของเขาแล้ว เขามีสิทธิ์ที่จะเจรจาย้ายไปร่วมทีมใดก็ได้อย่างอิสระ

 

การแจ้งดังกล่าวทำให้บาร์เซโลนาร้อนเป็นไฟ โดยเฉพาะฝ่ายบริหารที่นำโดย โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรในขณะนั้นที่ตกอยู่ใต้สถานการณ์กดดันอย่างหนัก ถูกแฟนบอลขับไล่เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้นักเตะขวัญใจอันดับหนึ่งของสโมสรรู้สึกคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก

 

สุดท้ายเรื่องจบลงที่การยืนกระต่ายขาเดียวของบาร์โตเมว ที่จะไม่ยอมปล่อยตัวออกไปเด็ดขาด หากคิดจะไปก็ต้องต่อสู้กันในชั้นศาล หรือไม่ก็มีทีมที่จ่ายค่าฉีกสัญญา 700 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการบีบให้เมสซีต้องจำใจที่จะอยู่กับบาร์ซาอีก 1 ปีตามระยะเวลาในสัญญาเดิม

 

พร้อมกับการยืนยันว่าเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง เขาก็จะไปเพื่อเปิดทางให้สโมสรได้ก้าวเดินและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

 

และนั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ 

 

อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากทางฝ่ายของเมสซี เมื่อส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ที่ให้ต่อสถานีโทรทัศน์ La Sexta ในสเปน ได้ถูกนำมาออกอากาศทางสถานีวิทยุ RAC1 และดูเหมือนว่าเมสซีในวันนี้จะรู้สึกดีขึ้นกว่าในที่มีการให้สัมภาษณ์กับ goal.com ว่ายอมจำใจอยู่กับสโมสรมาก

 

ในบทสัมภาษณ์นั้นดาวเตะวัย 33 ปีกล่าวว่าเขารู้สึก ‘ตื่นเต้น’ กับอนาคตของบาร์เซโลนา

 

“ความจริงแล้วในวันนี้ผมรู้สึกดีมาก ตอนนี้ผมรู้สึกดี ผมตั้งใจที่จะต่อสู้เพื่อทุกสิ่งที่เรามีอยู่ข้างหน้าเรา ผมรู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้นมากจริงๆ”

 

เมสซียังได้กล่าวถึงเรื่องของปัญหาในการบริหารของสโมสร เรื่องผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานของสโมสรรวมถึงของตัวเองด้วย ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเขายอมรับว่าปัญหาคาใจในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อจิตใจไม่น้อย และส่งผลต่อฟอร์มการเล่นในช่วงต้นฤดูกาล

 

หากมองถึงผลงานในช่วงหลัง เมสซีเองก็เริ่มกลับมาทำได้ดีขึ้นจริง และที่น่าตกใจคือแม้จะเห็นได้ชัดว่าผลงานในการเล่นเริ่มตกลงแต่ก็ยังนำเป็นดาวซัลโวประจำทีมอยู่ดีโดยในฤดูกาลนี้ลงสนามไปแล้ว 18 นัด ทำได้ 10 ประตูด้วยกัน

 

และวัดในลาลีกาด้วยกัน เมสซีเป็นรองดาวซัลโวร่วมของลีกโดยทำไป 7 ประตูเท่ากับ คาริม เบนเซมา (เรอัล มาดริด), ยาโก อัสปาส (เซลตา บีโก), มิเกล โอยาร์ซาบัล (เรอัล โซเซียดัด) และเพื่อนรัก หลุยส์ ซัวเรซ ที่ย้ายไปเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้แอตเลติโก มาดริด นำจ่าฝูงในเวลานี้

 

ส่วนดาวซัลโวของลาลีกาเวลานี้คือ เคราร์ด โมเรโน จากบียาร์เรอัล ที่ผลงานร้อนแรงในฤดูกาลนี้ภายใต้การนำของ อูไน เอเมรี ที่ทำผลงานไม่แพ้ใคร 19 นัดติดต่อกัน

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เมสซี เริ่มรู้สึกดีขึ้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสรและฝ่ายบริหารที่เขามีปัญหาไม่ลงรอยกันอย่างแรงถูกกดดันและต่อต้านอย่างหนักจากแฟนบาร์ซา จนสุดท้ายตัดสินใจทิ้งตำแหน่งไปก่อนที่จะถูกสมาชิกของสโมสรลงคะแนนโหวตไม่ไว้วางใจ

 

การจากไปของบาร์โตเมว เป็นเหมือนการยกภูเขาออกจากอกของเมสซี เงื่อนไขหรือความลำบากใจใดๆ ก็ตามที่เคยตั้งธงเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

 

แต่ต่อให้เมสซีคิดเปลี่ยนใจและอยู่กับสโมสรต่อไป ก็ไม่ได้แปลว่าเรื่องจะจบลงอย่าง Happy Ending เสมอไป

 

 

การเดิมพันครั้งใหญ่ของบาร์เซโลนา

การบริหารงานที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงภายใต้ผู้บริหารชุดเก่าอย่างบาร์โตเมว ได้สร้างปัญหาให้แก่สโมสรอย่างมากมายมหาศาลอยู่เป็นทุนเดิม ซึ่งทุกอย่างยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิมอีกหลายเท่าจากพิษโควิด-19 ที่ทำให้สโมสรที่เคยมีกระแสเงินสดไหลสะพัดจากทั้งการจำหน่ายค่าตั๋วเข้าชมเกม ค่าทัวร์สโมสร ค่าสินค้าที่ระลึกต่างๆ อย่างบาร์เซโลนา กลายเป็นทีมที่แทบล้มทั้งยืน

 

และหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่เป็นปัญหาใหญ่ของบาร์ซาคือการที่พวกเขาต้องพยายามหาเงินมาเพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนให้กับเมสซี

 

ตามข้อมูลแล้วค่าเหนื่อยของเมสซีในปัจจุบันอยู่ที่ 670,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อสัปดาห์ ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาลและไม่มีสโมสรใดในโลกที่จะสามารถจ่ายเงินก้อนนี้ไหวในยามนี้โดยไม่รู้สึกร้อนหรือหนาวอะไร โดยอาจยกเว้นเพียงแค่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และปารีส แซงต์ แชร์กแมง สองสโมสรที่มีทุนจากตะวันออกกลางสนับสนุน

 

ประเด็นนี้ทำให้ เอมิลี รูเซาด์ หนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานสโมสรออกมาประกาศว่าตัวเลขที่เมสซีได้รับในปัจจุบันนั้นทำให้สโมสรขาดเสถียรภาพอย่างรุนแรง

 

ดังนั้นหากต้องการจะอยู่ในคัมป์​นูต่อไป เมสซีก็ต้องลดค่าเหนื่อยของตัวเองลง ถ้าไม่ตกลงก็เชิญออกไปได้เลย

 

ความเห็นจากรูเซาด์อาจจะดูตรงและแรงอยู่มาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นข้อเท็จจริงที่หากว่ากันด้วยเหตุด้วยผลแล้วก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะบาร์ซานั้น ‘แบก’ ค่าเหนื่อยของเมสซีคนเดียวมานานเกินไป และการจะแบกต่อไปในสถานการณ์ปัจจุบันนั้นก็อาจทำให้สโมสรยิ่งประสบปัญหาหนักขึ้น

 

แต่ก็ยังมีผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานสโมสรคนอื่นที่คิดต่างอย่าง โจน ลาปอร์ตา อดีตประธานสโมสร (2003-2010) ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่เปิดประตูให้เมสซีได้โอกาสแจ้งเกิดก่อนจะเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้บาร์ซาก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนังร่วมทศวรรษ

 

สำหรับ ลาปอร์ตา เขาอยากเห็นเมสซีอยู่กับทีมต่อไป และพร้อมที่จะยื่นข้อเสนอที่ดีพอให้ดาวเตะซ้ายฟ้าประทานพิจารณา และมั่นใจว่าอย่างน้อยที่สุดเมสซีจะรับฟัง เพราะเป็นคนคุ้นเคยกันมานาน และต่างเคารพกันและกันเป็นอย่างดี

 

มากกว่านั้นคือลาปอร์ตาเองก็มั่นใจว่าเมสซีเองก็อยากอยู่กับบาร์ซาต่อไป เพียงแต่การตัดสินใจของเขาที่จะอยู่หรือไปนั้นขึ้นอยู่กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานสโมสรด้วย

 

ที่ผ่านมาหนึ่งในปัญหาใหญ่คือการที่ฝ่ายบริหารของบาร์ซา ‘โกหก’ เมสซีมากมายหลายครั้ง (ไม่นับการโยนความผิดและลูกเล่นเกมการเมืองต่างๆ) และทีมก็ตกต่ำลงอย่างน่าเศร้า โดยเฉพาะในรายการใหญ่อย่างยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่เป็นรายการยอดปรารถนา แต่ยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลันต้องประสบความปราชัยอย่างเจ็บปวดหลายต่อหลายครั้ง

 

“เขาไม่สามารถยอมรับได้ในการจะเห็นทีมอื่นคว้าแชมเปียนส์ลีก ไปขณะที่บาร์ซาซึ่งมีเขา นักเตะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์กลับไม่มีทีมที่แข็งแกร่งพอที่จะแข่งขันหรือคว้าชัยชนะมาได้” ลาปอร์ตากล่าว

 

ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับเลือกเป็นประธานสโมสรคนใหม่ในเดือนมกราคมนี้ ในความเห็นของลาปอร์ตาแล้วหน้าที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการพลิกฟื้นสถานะทางการเงินของสโมสรให้กลับมาดีอีกครั้งคือการพยายามรั้งเมสซีให้อยู่กับทีมเอาไว้ต่อไป

 

เพราะสำหรับเขา ไม่มีเสื้อตัวใดที่จะเหมาะกับเมสซีมากกว่าเสื้อของทีมเบลากรานา

 

เรื่องราวระหว่างเมสซีและบาร์ซาจะดำเนินต่อไปหรือไม่ ดำเนินไปอย่างไร หรือจะจบลงอย่างไร ในระยะเวลาอีกไม่นานเราจะได้ทราบคำตอบของเรื่องนี้

 

และบางทีเมื่อบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มกับ La Sexta ออกมาในวันที่ 27 ธันวาคมนี้

 

เราอาจจะได้รู้คำตอบชัดเลยก็ได้ว่านักฟุตบอลที่ดีที่สุดของยุคสมัยกำลังคิดอะไรอยู่

 

ระหว่าง ‘ไป’ กับเปลี่ยนใจเพื่อ ‘อยู่’ ต่อ

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

FYI
  • ถึงแม้เมสซีจะทำลายสถิติทำประตูสูงสุดให้สโมรเดียวตลอดกาลของเปเลได้ แต่สถิติยิงประตูรวมตลอดชีวิตการเล่น 1,279 ประตูจากการลงสนาม 1,363 นัดของราชาลูกหนังในวันวานมีโอกาสจะยืนยงไปตลอดกาล
  • แต่เปเลก็ไม่ใช่นักฟุตบอลที่เล่นให้สโมสรเดียวตลอดชีวิต เพราะหลังยุติเส้นทางกับซานโตสในปี 1974 เขาได้ย้ายมาค้าแข้งในสหรัฐอเมริกากับนิวยอร์ก คอสมอส ในช่วงบั้นปลายของชีวิตการเล่นตั้งแต่ปี 1975-1977 
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising