หากพูดถึงนิวยอร์ก หลายๆ คนคงนึกถึงเกาะแมนแฮตตัน ซึ่งเป็นฉากให้กับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หลายต่อหลายเรื่อง เมืองแห่งแสงสี โอกาส และความหลากหลายทางเชื้อชาติ แต่ถ้าขยับสายตาไปทางขวาอีกนิดก็จะเจอกับบรูกลิน เมืองที่ฮิปสเตอร์รุ่นใหม่มักย้ายถิ่นฐานไปอยู่จนกลายเป็นแหล่งรวมงานศิลปะหลากหลายสไตล์ และกลายเป็นเมืองของคนเก๋ๆ ในนิวยอร์กไปโดยปริยาย ร้านค้าในบรูกลินมักเต็มไปด้วยร้านของศิลปินหน้าใหม่ แบรนด์เสื้อผ้าใหม่ๆ เสื้อผ้าวินเทจที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี ตลาดขายของทำมือ รวมไปถึง Flea Market หรือตลาดนัด ที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ และล่าสุดก็ยังมี ‘ตลาดอาหาร’ ที่ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนเมืองบรูกลินมากยิ่งขึ้น
Photo: www.fotosvirales.com
สมอร์กาสเบิร์ก (Smorgasburg) หรือตลาดอาหารแนวฮิปสเตอร์ จัดตั้งขึ้นในปี 2011 โดยกูรูด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนาธาน บัตเลอร์ (Jonathan Butler) และ อีริก เดมบี (Eric Demby) กลายมาเป็นแหล่งรวมอาหารหน้าตาแปลกใหม่ที่เชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาชิม
โจนาธานและอีริคริเริ่มหาพื้นที่ในบรูกลินเพื่อจัดงานรวมร้านต่างๆ เพราะพวกเขาอยากทำสิ่งที่ไม่มีทางทำได้ในแมนแฮตตัน ด้วยข้อจำกัดของที่ดินที่มีราคาสูงและเหลือน้อยลงทุกวัน เหตุผลนี้ทำให้บรูกลินกลายเป็นทำเลทองที่พวกเขาสามารถสร้างตลาดแห่งนี้ให้เกิดขึ้นได้จริง โดยทั้งสองเริ่มต้นจากการสร้างตลาดขายของวินเทจที่รวมทั้งเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ของสะสมต่างๆ ในชื่องานว่า Brooklyn Flea และใช้บล็อกของบัตเลอร์ในการโปรโมตตลาดแห่งนี้จนมีร้านมาติดต่อพื้นที่กว่า 100 ร้าน และมียอดผู้เยี่ยมชมงานกว่า 1,500 คนในการเปิดตลาดครั้งแรก ก่อนจะมาตั้งตลาดสมอร์กาสเบิร์กอย่างเป็นทางการใน 3 ปีถัดมา
หลักการของสมอร์กาสเบิร์กคือการเปิดให้ร้านอาหารหรือธุรกิจอาหารที่ยังไม่มีหน้าร้านมาเช่าพื้นที่ในราคาไม่แพง (150 และ 275 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5,000 และ 9,300 บาท) โดยตลาดจะเปิดแค่เพียง 1-2 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น แบ่งเป็น 2 ที่คือบริเวณ Williamsburg ในวันเสาร์ และอีกที่คือ Prospect Park – Breeze Hill ที่จะเปิดเฉพาะวันอาทิตย์ สมอร์กาสเบิร์กกลายเป็นไฮไลต์สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนนิวยอร์ก และยังเป็นแหล่งพักผ่อนชั้นดีของชาวนิวยอร์กในช่วงซัมเมอร์อีกด้วย
บัตเลอร์และเดมบีตั้งใจที่จะออกแบบตลาดสมอร์กาสเบิร์กให้เปิดเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์ ทั้งยังจัดเฉพาะช่วงซัมเมอร์ของปีอีกด้วย พวกเขาต้องการให้ตลาดแห่งนี้มีกลิ่นอายของเทศกาล ซึ่งทำให้ผู้คนกระตือรือร้นที่จะมาเที่ยวมากขึ้น เพราะพวกเขาเชื่อในเรื่อง ‘เวลาที่เหมาะสม และสถานที่ที่ถูกต้อง’
ในช่วงที่บรูกลินค่อยๆ โตขึ้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ผู้คนมาเปิดร้านค้าและธุรกิจกันมากขึ้น สมอร์กาสเบิร์กกลายเป็นสถานที่ที่เปลี่ยนธุรกิจร้านอาหารหน้าใหม่ให้กลายเป็นร้านอาหารชื่อดังที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เป็นผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ และตลาดอาหารแห่งนี้ยังเป็นพื้นที่เชิงทดลองที่เปิดโอกาสให้ผู้คนได้ลองรสชาติใหม่ๆ ที่เขาไม่เคยสัมผัส ทั้งยังเกิดเป็นสังคมเล็กๆ จากการพบปะผู้คนภายในงาน
Photo: www.smorgasburg.com
หลักการเลือกร้านอาหารที่จะขายในงานนี้ก็น่าสนใจ เพราะถึงแม้จะเป็นการเปิดรับสมัครผ่านทางเว็บไซต์ แค่เพียงกรอกข้อมูล พร้อมรูปภาพอาหาร แต่ร้านค้าที่ได้รับเลือกก็ต้องมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับร้านที่มีอยู่แล้วกว่า 100 ร้าน เมื่อได้ร้านที่น่าสนใจ พวกเขาจะเชิญร้านเหล่านั้นมาทดสอบรสชาติจริง ซึ่งในช่วงเวลา 6-9 เดือน มีร้านอาหารส่งรายชื่อเข้ามาราว 400 ร้าน และได้รับคัดเลือกมาทำอาหารทดสอบเพียงแค่ 70-80 ร้านเท่านั้น ท้ายที่สุดก็เหลือเพียง 12 ร้านค้าเท่านั้นที่ได้เข้ามาขายในตลาดแห่งนี้
ปี 2017 นี้ สมอร์กาสเบิร์กมีอาหารหน้าตาแปลกใหม่ให้ชมและชิมกันเหมือนเดิม THE STANDARD ได้ไปเยี่ยมชิมตลาดฮิปสเตอร์แห่งนี้ และเลือกหยิบบางเมนูที่น่าสนใจมาให้ได้ดูกัน
โดนัทสปาเกตตี จากร้าน Pop Pasta ที่สร้างเสียงฮือฮาให้กับสมอร์กาสเบิร์กในปีนี้ ด้วยรูปทรงโดนัทที่ดูเหมือนจะเป็นของหวาน แต่กลับเป็นเส้นสปาเกตตีที่อัดแน่นในทรงโดนัทแทน มีขายทั้งหมด 3 รสคือ Red Sauce, Mac & Cheese และ Carbonara
Ramen Burger ราเมนเบอร์เกอร์เมนูดังที่มาจากร้านอาหารในย่าน Korean Town และเป็นตัวเอกให้ตลาดสมอร์กาสเบิร์กมาหลายปี ด้วยหน้าตาที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และรสชาติที่อร่อยไม่แพ้เมนูจากร้านดังๆ ทั้งยังอิ่มท้องได้ในราคา 10 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 340 บาท เมนูนี้ทางร้านยืนยันว่าใช้เนื้อวัวแองกัสร้อยเปอร์เซ็นต์ แทนที่ขนมปังด้วยก้อนราเมนประกบทั้งสองด้าน รสชาติคล้ายๆ กับบะหมี่เนื้อชั้นดี แถมยังเหมาะสำหรับถ่ายรูปลงอินสตาแกรมอีกด้วย
Ube Kitchen คือร้านใหม่ที่คิวยาวเหยียดและสร้างสรรค์เมนูสีฟ้าที่ไปโผล่อยู่ในอินสตาแกรมของหลายๆ คน ทางร้านนำเสนอขนมสัญชาติฟิลิปปินส์ในชื่อ Halo-Halo หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘Mix-Mix’ ที่ผสมผสานทั้งผลไม้ ถั่วแดง ลูกเดือย น้ำกะทิ แยม และไอศกรีมสีม่วงอมฟ้า จัดวางเรียงอย่างสวยงามในถ้วย เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวและชาวอเมริกันท้องถิ่น รสชาติของส่วนผสมทั้งหมดที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ช่วยสร้างความสดชื่นให้กับหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี
ของโปรดส่วนตัวที่ผู้เขียนมีโอกาสชิมครั้งแรกที่สมอร์กาสเบิร์กในปีที่แล้ว Baonanas ร้านพุดดิ้งกึ่งไอศกรีมที่เน้นสัมผัสนุ่มลิ้นและรสชาติที่หวานหอมกำลังพอดี มีทั้งรสชาติคลาสสิก (รสชาตินุ่มลิ้นของนมผสมกลิ่นหอมของกล้วย) รสเฟรนช์โทสต์ และรสโอรีโอ ซึ่งหนักเครื่อง แต่คงสัมผัสเบาเหมือนพุดดิ้งผสมเนื้อครีม บอกเลยว่าไม่มีให้ชิมที่อื่นแน่นอน
ตบท้ายด้วยเมนูหน้าตาเอเชียอย่างเกี๊ยวซ่าจากร้าน Destination Dumplings ที่เจ้าของร้านเป็นทั้งลูกครึ่งจีน-จาเมกา และลูกครึ่งแอฟริกัน-อเมริกัน ทำให้เกี๊ยวซ่าของร้านนี้มีไส้ที่มาจากหลายถิ่นตามชื่อร้าน ตั้งแต่ไส้ไก่หมักสไตล์จาเมกา (Jerk Chicken) ไปจนถึงไส้เป็ดปักกิ่ง แต่ละรสมีให้ชิมถึง 4 ชิ้น เรียกว่าคุ้มค่าทั้งราคาและความอร่อยแน่นอน
สมอร์กาสเบิร์กตั้งอยู่ที่ Williamsburg และ Prospect Park – Breeze Hill จัดขึ้นในเดือนเมษายนจนถึงพฤศจิกายนเท่านั้น เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-18.00 น. และยังมี Smorgasburg Upstate ที่เพิ่งเริ่มจัดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในย่าน Hutton Brickyards ซึ่งจะจัดเฉพาะอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น นอกจากจะมีร้านอาหารมากหน้าหลายตาให้ชิมเหมือนตลาดสมอร์กาสเบิร์กหลักแล้วก็ยังมีกิจกรรมสำหรับเด็ก และการแสดงดนตรีภายในงานอีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.smorgasburg.com
