บนชั้นในร้านขายไวน์มีขวดไวน์ตั้งเรียงรายจำนวนมากยากจะเลือก คละทั้งไวน์นำเข้า ไวน์ของไทย รวมถึงไวน์โลกเก่าและใหม่ และในจำนวนนั้นก็มี ไวน์ผลไม้ (Fruit Wine) ปนอยู่ด้วย ไวน์ผลไม้ที่ว่าหาใช่ไวน์ส้ม ที่เราเคยกล่าวถึง แต่เป็นไวน์ที่แฝงตัวคละอยู่กับไวน์จากองุ่นแท้ๆ โดยมีฉลากจิ๋วแปะเอาไว้ราวกับตั้งใจไม่ให้เห็นว่าเป็นไวน์ผลไม้ ทีนี้เจ้า ‘ไวน์ผลไม้’ คืออะไรกันล่ะ จะใช่ไวน์กล้วยหอม ไวน์ลูกยอ หรือไวน์ลูกหว้ายอดฮิตจากพิษณุโลกหรือเปล่า เรามีคำตอบ
ไวน์ผลไม้คืออะไร
THE STANDARD ต่อสายหาสาวลิทัวเนียผู้รู้เรื่องไวน์ ลีอาปา ออซัวส์ไกตะ (Liepa Olsauskaite) ไวน์แอมบาสเดอร์ของ Pernod Ricard โดยเธออธิบายถึงไวน์ผลไม้ หรือ Fruit Wine เอาไว้ว่า “ไวน์ที่เรารู้จักกันนั้นทำจากน้ำองุ่นที่นำไปหมัก ในขณะที่ไวน์ผลไม้จะใช้ผลไม้ชนิดใดก็ได้ในการทำนอกเหนือจากองุ่น เช่น ราสป์เบอร์รี แอปเปิ้ล เชอร์รี หรือบลูเบอร์รี และไวน์ผลไม้มักทำกันในประเทศที่หนาวเกินกว่าจะปลูกองุ่นทำไวน์ เช่น ลิทัวเนีย นอร์เวย์ เดนมาร์ก หรือประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรปตอนเหนือ” นอกเหนือจากที่ว่ามานั้น ประเทศในแถบแอฟริกา อินเดีย หรือฟิลิปปินส์ ยังนิยมไวน์ผลไม้เช่นกัน ซึ่งบ้านเราก็มีทั้งไวน์ลูกหว้า ไวน์กระเจี๊ยบ ฯลฯ และที่โด่งดังจนเรารู้จักกันดีก็คือไวน์บ๊วย (Plum Wine) ของญี่ปุ่น หรือ ‘อูเมชู’ (Umechu) นั่นเอง
รสชาติต่างจากไวน์องุ่นอย่างไร
“รสชาติในไวน์จากองุ่นนั้นแตกต่างกันเนื่องจากสายพันธุ์องุ่นที่ต่างกัน รวมถึงสถานที่ที่ปลูกองุ่นด้วย อาทิ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) จากฝรั่งเศส จะมีรสชาติคล้ายน้ำแร่ อาจจิบแล้วชวนนึกถึงหินชื้น แอปเปิ้ลเขียว หรือลูกแพร์ ในขณะที่ไวน์ออสเตรเลียจะมีรสที่บ่งบอกถึงความเป็นเขตร้อน ให้รสสับปะรด หรือลูกพีช ซึ่งเวลาดื่มไวน์ที่ทำจากองุ่น เราจะมองหาลักษณะที่ต่างกันเหล่านี้ ในขณะที่ไวน์จากผลไม้จะให้รสที่ชัดเจนว่าเป็นผลไม้ มีรสสมุนไพร หรือผักต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าทำมาจากผลไม้อะไร เช่น ราสป์เบอร์รี เชอร์รี หรือบลูเบอร์รี ซึ่งมักนิยมใส่น้ำตาล น้ำผึ้ง หรือน้ำ เข้าไปในกระบวนการทำไวน์ผลไม้เพื่อให้รสชาติสมดุล”
เหตุผลที่ควรรู้จักไวน์ผลไม้
เพราะก่อนจะเลือกไวน์สักขวด เราควรศึกษาสิ่งที่อยู่ในขวดเสียก่อน เนื่องจาก ‘ไวน์’ ที่คุณถืออยู่อาจไม่ได้ทำจากองุ่น 100% นั่นเอง เพราะไวน์บางขวดใช้ไวน์ผลไม้มาผสมอยู่ด้วย เช่น ไวน์สับปะรด แอปเปิ้ล หรือลูกแพร์ ผสมลงไปเกือบ 20% ซึ่งการผสมนั้นช่วยลดภาษีให้ถูกลงกว่าไวน์ที่ทำจากน้ำองุ่นแท้ 100% ส่งผลให้มีราคาขายที่ถูกกว่า โดยมักอยู่ราวๆ ขวดละไม่กี่ร้อยบาท และตั้งอยู่บนชั้นขนาบข้างไวน์จากองุ่นแท้ที่เราเห็นๆ กันนั่นเอง บางคนอาจมองว่านี่เป็นการตบตาผู้บริโภคอย่างมีชั้นเชิง เนื่องจากไม่มีการบอกที่ชัดเจนบนฉลากว่าทำมาจากน้ำผลไม้ชนิดใด และนักดื่มไวน์มือใหม่อาจไม่มีทางรู้ได้เลย
จะรู้ได้อย่างไรว่าขวดไหนเป็นไวน์ผลไม้
“รสชาติของไวน์ผลไม้จะซับซ้อนน้อยกว่าไวน์จากองุ่น เนื่องจากรสที่ได้มักมีรสนำเพียงโทนเดียว ซึ่งต่างจากไวน์องุ่นที่มักให้รสที่หลากหลาย ตีความได้มากกว่า” ลีอาปาแนะนำ นอกจากนั้น (หากโชคดี) ยังสามารถดูได้จากฉลากด้านหลัง แต่ต้องเพ่งกันสักนิด เพราะในบ้านเรามักระบุแบบซ่อนๆ เอาไว้สักแห่งบนฉลาก ไม่เชื่อลองเดินดูตามชั้นขายไวน์ดูสิ
รู้อย่างนี้แล้ว ก่อนจับจองเครื่องดื่มสักขวดหรือสินค้าใดๆ ก็ตาม อ่านฉลากให้ละเอียดและทำความเข้าใจไว้ก่อนเป็นดีว่าคุณกำลังบริโภคอะไรอยู่ อย่างไรก็ตามความอร่อยของไวน์นั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคล ไม่มีผิดมีถูก คุณอาจชอบไวน์องุ่นแท้รสดั้งเดิม หรืออาจแอบติดใจชอบไวน์ผลไม้ หรือไวน์ผสมก็เป็นได้
อ้างอิง:
- ราชบัณฑิตยสภาบัญญัติว่า ‘ไวน์’ (คำนาม) คือ เหล้าองุ่น ในขณะที่พจนานุกรมออกซ์ฟอร์ด บัญญัติเอาไว้ว่า ‘An alcoholic drink made from fermented grape juice.’ หมายถึง ‘เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกิดจากการหมักน้ำองุ่น’
- รู้ไหมว่าเอลตัน จอห์น เคยแต่งเพลง Elderberry Wine เอาไว้ในปี 1972 ในอัลบั้ม Don’t Shoot Me I’m Only the Piano Player โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับชายผู้ถูกภรรยาทิ้ง และเขาโหยหาวันเวลาดีๆ ที่อยู่ด้วยกัน แต่ที่เขาคิดถึงสุดใจกลับเป็นไวน์ผลเอลเดอร์เบอร์รีที่เธอทำได้อร่อยที่สุด