วิ่งแทบตาย เวตก็ยกไม่ขาด แต่พอส่องกระจกกลับรู้สึกว่าตัวใหญ่กว่าเดิม ไหนจะตัวเลขบนตาชั่งที่ไม่กระดิก แถมบางครั้งยังหนักกว่าเดิมอีก! เราเชื่อว่านี่คงเป็นเรื่องปวดใจสำหรับใครหลายคนที่กำลังมุ่งมั่น ทุ่มเทเวลา แรงกายและแรงใจไปกับออกกำลังกาย
ก่อนที่จะถอดใจล้มเลิกไป เราอยากบอกว่านี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับหลายคน ซึ่งสาเหตุอาจมาจากทั้งสัญญาณที่ดีว่าคุณกำลังมาถูกทาง และสัญญาณเตือน ถึงบางอย่างที่เราอาจทำพลาดไปโดยไม่รู้ตัว มาดูกันว่า 5 สาเหตุหลักที่ทำให้คุณรู้สึกว่าตัวใหญ่ขึ้นเกิดจากอะไรได้บ้าง
กล้ามเนื้อใหม่เพิ่มขึ้นใต้ไขมันเก่า
นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยและถือว่าเป็นข่าวดี สิ่งที่คุณต้องเข้าใจคือ ร่างกายกำลังสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใต้ชั้นไขมันเดิมที่ยังอยู่ กล้ามเนื้อใหม่ที่เติบโตและแน่นขึ้นจะไปดันชั้นไขมันที่นุ่มนิ่มกว่าให้ขยายตัวออกด้านนอก ทำให้ในช่วงแรกเส้นรอบวงของแขนหรือขาอาจจะใหญ่ขึ้น แต่ที่จริงมันเป็นเพียงสภาวะชั่วคราวจนกว่าชั้นไขมันด้านบนจะบางลงและเผยให้เห็นรูปร่างของกล้ามเนื้อที่ชัดเจนขึ้นในที่สุด
การกักเก็บไกลโคเจนเพิ่มขึ้น
ไกลโคเจน (Glycogen) คือแหล่งพลังงานที่เก็บในกล้ามเนื้อ เมื่อคุณออกกำลังกาย ร่างกายจะเก็บสะสมพลังงานนี้มากขึ้น ซึ่งไกลโคเจนทุกๆ 1 กรัม จะดึงน้ำมาไว้กับตัวมัน 3-4 กรัม การเก็บน้ำที่เพิ่มขึ้นในกล้ามเนื้อนี้เองที่อาจทำให้คุณรู้สึกว่าตัวแน่นขึ้นหรือใหญ่ขึ้นเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าคุณมีพลังงานพร้อมใช้งานมากขึ้น
กินเยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว
การออกกำลังกาย โดยเฉพาะการยกเวตนั้นทำให้ร่างกายใช้พลังงานเยอะ และทำให้หิวบ่อยขึ้น บางครั้งคุณอาจประเมินว่าตัวเองเบิร์นไปเยอะ เลยให้รางวัลตัวเองด้วยอาหารจานโปรด ของหวาน หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีแคลอรีแฝงอยู่ ซึ่งอาจทำให้คุณได้รับพลังงานเกินกว่าที่เผาผลาญออกไป ส่งผลให้มีไขมันสะสมเพิ่มขึ้นทับบนกล้ามเนื้อใหม่ได้
ความเครียดและการพักผ่อน
การจดจ่ออยู่กับการปั้นหุ่น ฝึกหนักเกินไป รวมไปถึงการพักผ่อนไม่พอ ทำให้ร่างกายเกิดความเครียดและหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้สามารถกระตุ้นให้ร่างกายกักเก็บน้ำ ทำให้ตัวดูบวม และน้ำหนักเพิ่มในที่สุด
ร่างกายกำลังปรับองค์ประกอบ
การที่ร่างกายสลายไขมันพร้อมกับสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทน คือคำตอบว่าทำไมน้ำหนักถึงไม่ลดลง แม้ช่วงแรกอาจยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอ สัดส่วนของคุณจะดีขึ้นแน่นอน ดังนั้นอย่าเชื่อตัวเลขบนตาชั่ง แต่ให้เชื่อในกระจกและเสื้อผ้าตัวเดิมของคุณดีกว่า
สุดท้ายแล้วการพิชิตหุ่นในฝันไม่ใช่การมุ่งเน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่คือการสร้างสมดุลให้กับการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ทั้งอาหารที่เป็นหัวใจสำคัญ, การนอนหลับที่มีคุณภาพเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู, การจัดการความเครียดที่ไม่ควรมองข้าม และที่ขาดไม่ได้คือ วินัยที่จะทำทุกอย่างอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน
เมื่อองค์ประกอบทั้งหมดนี้ทำงานประสานกันอย่างลงตัว ‘รูปร่างในฝัน’ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อม
อ้างอิง:
- https://health.clevelandclinic.org/muscle-vs-fat-weight
- https://never2.com/blogs/science/what-is-glycogen
- https://www.precisionnutrition.com/calories-in-calories-out
- https://ibsguthealthclinic.co.uk/stress-can-cause-bloating/
- https://www.healthline.com/nutrition/body-recomposition
- https://www.pobpad.com/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%8B