Taste of ‘Mia’ คอร์สเมนูรวมจานไฮไลต์ที่เต็มไปด้วยความฉูดฉาดของวัตถุดิบ

กลับมา ‘Mia’ แต่ละครั้ง เชื่อว่าหลายคนได้จานโปรดกลับไปไม่ซ้ำกันเลยในทุกครั้ง เพราะแบบนี้ เชฟท็อป-พงษ์ชาญ รัสเซล และ เชฟมิเชล โก สองเฮดเชฟประจำร้านอาหารยุโรปกลิ่นอายเอเชียแห่งนี้ จึงออกเทสติ้งเมนูชุดใหม่ตามฤดูกาล ในชื่อ ‘Taste of Mia’

เป็นการรวมดาววัตถุดิบและเมนูซิกเนเจอร์จากซีซันก่อนๆ นำมาเรียบเรียงให้กลายเป็นอาหาร 5-8 คอร์ส ที่ชูวัตถุดิบต่างกันในทุกๆ จาน

The vibe

เผื่อว่าหลายคนยังไม่รู้ ตอนนี้ Mia มีบาร์ค็อกเทลจริงจังแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นพื้นที่เสิร์ฟ Dessert Omakase ฝีมือเชฟมิเชลด้วย แต่หากใครมาถึงก่อนเวลาก็สามารถเข้ามานั่งรอตรงนี้ก่อนได้เช่นกัน แล้วค่อยขึ้นไปห้องอาหารชั้นบนที่มีทั้งความเคร่งขรึมเรียบหรู แต่ก็อ่อนหวานด้วยวอลเปเปอร์ลายดอกไม้

สองบรรยากาศนี้เป็นอีกเอกลักษณ์ของ Mia ที่เราว่าเจอในอาหารเหมือนกัน

The taste

คอร์สเมนูนี้ตรงกับฤดูใบไม้ผลิของแถบยุโรป วัตถุดิบจึงนำเข้ามาตามฤดูกาล เริ่มจาก ‘Josephine Oyster’ หอยนางรมกับแชมเปญและกรานิตาชิโสะ

หลังจากของกินเล่น 4 คำ เชฟจะเสิร์ฟ Starter จานเย็นด้วย ‘Hokkaido Scallop Crudo’ เนื้อสแกลลอปสดๆ กับแพร์สลัดและชิโสะออยล์ กินแล้วเนื้อสัมผัสแปลกดี เพราะซอสมีความข้นแต่ไม่หนืด ลองนึกถึงน้ำราดหน้า จานนี้ท็อปคาเวียร์สัญชาติจีนจากสิงคโปร์

‘North Sea Crab’ เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของ Mia ที่เราเพิ่งเคยลองครั้งแรก เชฟท็อปบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากซุปเย็นที่ชาวสเปนกินตอนฤดูร้อน แต่เชฟทำเวอร์ชันตัวเองด้วยการทำซุปให้ข้นขึ้น และเปลี่ยนมาใช้สาคูแทนขนมปัง ด้านล่างมีเนื้อปู ส่วนด้านบนตกแต่งด้วยองุ่นตามต้นฉบับ ก่อนเติมมิติด้วยเอิร์ลเกรย์เจล สับปะรดวิเนการ์ มันปู และมินต์ออยล์ เราชอบจานนี้มาก

Starter จานร้อนต่อมาก็ดี ‘Cuttlefish Risotto’ เป็นรีซอตโตที่เชฟพลิกกลับด้าน ด้วยการนำหมึกไว้ข้างล่าง ส่วนข้าวอยู่ข้างบน กินแล้วมีเนื้อสัมผัสกรอบๆ จากธัญพืช และหอมทรัฟเฟิลตีจมูก

หลังจากเมนู ‘Poached Cod’ กับซุปตะไคร้ ก็มาถึงเมนคอร์สที่เราเลือกเป็น ‘Hay Aged Pigeon’ เนื้อพิราบกับซอสพะโล้ กินคู่กับลูกฟิกและกะหล่ำแดง รสชาติเปรี้ยวหวานเข้ากับเนื้อพิราบไปอีกแบบ

ปิดท้ายด้วยขนมหวานฝีมือเชฟมิเชล 2 เมนู ‘Whipped Feto’ ที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากสลัดแตงโม จึงกลายเป็นเยลลี่มะเขือเทศกับแตงโม จิน และเฟตาชีส

อีกเมนูทุกคนต้องเลือกระหว่าง ‘Ricotta Parfait’ เมนูใหม่ที่ดัดแปลงมาจากเค้กสตรอว์เบอร์รี หรือ ‘Mia’s Cereal Bowl’ เมนูซิกเนเจอร์ที่เรารักตลอดกาล (แน่นอนว่าเราเลือกเมนูนี้) เป็นขนมที่เชฟดัดแปลงมาจากบิงซูไมโลของโปรดในวัยเด็ก

Good for

เรายังยกให้ Mia เป็นร้านไฟน์ไดนิ่งที่ดีสำหรับคนอยากลองเปิดประสบการณ์ครั้งแรก เพราะอาหารที่นี่เข้าใจง่าย แต่เต็มไปด้วยเทคนิคสมัยใหม่ ความสร้างสรรค์ และน่าตื่นเต้น การนั่งกินอาหารตลอด 2 ชั่วโมงจึงไม่น่าเบื่อ

และสิ่งที่พลาดไม่ได้อีกอย่างก็คือไวน์แพริ่ง ซอมเมอลิเยร์ของ Mia แนะนำไวน์ได้เชี่ยวชาญ เชื่อว่าคอไวน์ต้องได้ขวดที่ประทับใจกลับไปเหมือนกัน