Ski Addict ลานสกีในร่มแห่งใหม่ที่ต้องมาโดนก่อนเจอหิมะจริง

มองดูปฏิทินแล้วได้แต่ตกใจว่าอีกไม่กี่เดือนเราก็จะเข้าสู่ช่วงสิ้นปี ช่วงเวลาที่ใครหลายคนเริ่มปักหมุดทริปหน้าหนาวที่รอคอย เราเชื่อว่ากิจกรรมยอดฮิตอย่างการไปโชว์ลีลาบนลานสกีคงต้องอยู่ในลิสต์ของใครหลายคน

สำหรับมือใหม่ ความตื่นเต้นอาจมาพร้อมกับความกังวลเล็กๆ ว่าจะได้เล่นหรือจะได้ล้มทั้งทริป ส่วนคนที่เคยสัมผัสความฟินของการไถลลงจากยอดเขามาแล้ว ก็อาจกำลังโหยหาความรู้สึกนั้นใจจะขาด แต่ติดที่ว่าฤดูหนาวนั้นมาช้าไปไวเหลือเกิน

วันนี้เราเลยจะพาไปเช็กอินที่ Ski Addict อินดอร์สกีคลับแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ที่เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นอันสมบูรณ์แบบสำหรับมือใหม่ และเป็นพื้นที่ให้เหล่า Snow Rider ได้แวะมาปลดปล่อยความคิดถึงที่มีต่อ Slope ได้ตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอหน้าหนาว

What is it?

ลานสกีในร่มของ Ski Addict มีด้วยกัน 2 ลาน โดยใช้ระบบสายพาน ที่มีลักษณะคล้ายลู่วิ่งขนาดยักษ์ สามารถปรับความเร็วและความชันได้ มีมุมเอียง 13 องศา

พื้นผิวของลานปูด้วยหญ้าเทียมสีขาวที่ให้ความรู้สึกคล้ายหิมะ และมีการพรมน้ำอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความลื่นสมจริง 

แต่ละลานจะรองรับผู้เล่นได้ครั้งละ 2-4 คน เล่นพร้อมกันได้ 2 คนและสลับกัน โดยเป็นการเรียนเต็ม 60 นาที ต่อคลาส

Try

สำหรับการแต่งกาย แนะนำให้สวมใส่ชุดที่เคลื่อนไหวสะดวกและพร้อมเปียก เผื่อกรณีล้มหรือสำหรับผู้เล่นสโนว์บอร์ดที่ต้องนั่งลงบนลาน เพราะท่าพื้นฐานของสโนว์บอร์ดจะโน้มตัวไปด้านหลังคล้ายท่านั่งพิงน่อง ซึ่งจะต่างจากสกีที่ปกติจะโน้มตัวไปข้างหน้า ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงกางเกงยีนส์หรือกระโปรง  และอย่าลืมนำถุงเท้ายาวครึ่งแข้งมาด้วย

ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรียน เราแนะนำให้มาก่อนเวลานัดหมายประมาณ 15 นาทีสำหรับการฟิตติ้งรองเท้า ซึ่งใครที่มีรองเท้าสกีหรือสโนว์บอร์ดของตัวเองก็สามารถนำมาใช้ได้ แต่ตัวแผ่นสกีและบอร์ดจะต้องใช้ของทางคลับเท่านั้น เนื่องจากถูกปรับมาให้เหมาะกับพื้นผิวของลานโดยเฉพาะ

ในส่วนของตัวบูทสกีจะมีความแข็งและหนักเหมือนใส่เฝือก ความรู้สึกคือขาเราจะไม่ใช่ขาเราอีกต่อไป ในขณะที่บูทสโนว์บอร์ดจะมีน้ำหนักที่เบากว่าพอสมควร และมีความยืดหยุ่นกว่า 

เมื่อแบ่งทีมกันเรียบร้อย โค้ชจะเริ่มแนะนำอุปกรณ์ต่างๆ โดยเริ่มจากทีมสกีที่จะได้ทำความรู้จักกับวิธีการล็อกบูทเข้ากับแผ่นสกีด้วยตัว Binding ที่บริเวณหัวและท้ายรองเท้า 

จากนั้นจะเป็นการฝึกเดินขึ้น Slope ซึ่งใครที่เป็นนักสกีมือใหม่ โค้ชจะเริ่มสอนตั้งแต่พื้นฐานการยืน การทรงตัว และการเบรกในท่าที่เรียกกันติดปากว่า Pizza  

ส่วนเราเคยเล่นสกีมาบ้างแล้วเลยปรับตัวเข้ากับ Slope ได้ค่อนข้างไว 

แต่สิ่งที่ท้าทายคือความหนืดของพื้นผิวที่ทำให้ต้องออกแรงขาและแกนกลางต้านมากกว่าปกติจนต้องอุทานออกมาว่า “เหนื่อยและเมื่อยมาก!” 

ไม่น่าเชื่อว่าเล่นไปแค่ 30 นาทีก็ทำเอาขาร้าวจนต้องขอพัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการประเดิมบูทสกีคู่ใหม่ที่ยังไม่เข้าที่ เลยยิ่งทำให้ปวดร้าวน่องเป็นพิเศษ

ข้ามมาที่ฝั่งสโนว์บอร์ด ตัวอุปกรณ์ก็จะมี Binding ที่ใช้ล็อกบูทเข้ากับตัวบอร์ดเช่นกัน แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือสนับเข่า สนับศอก สนับมือ และน้องตุ๊กตาสุดคิวต์สำหรับกันกระแทก แล้วแต่ว่าคุณจะแรนด้อมได้น้องตัวไหน

โค้ชจะเริ่มสอนตั้งแต่เทคนิคการเดินขึ้นลานด้วยขาที่ล็อกกับบอร์ดหนึ่งข้าง และการทรงตัวบนบอร์ดด้วยขาทั้งสอง จากนั้นค่อยๆ ฝึกถ่ายน้ำหนักเพื่อใช้ขอบบอร์ดฝั่งส้นเท้า (Heel Edge) และปลายเท้า (Toe Edge) ในการไถลและเบรก 

เมื่อได้ลองแล้วไม่ต้องแปลกใจถ้าจะล้มบ่อย เพราะในโลกของสโนว์บอร์ดมีคำกล่าวที่ว่า “ถ้าไม่ล้มแปลว่าคุณไม่ได้เล่นสโนว์บอร์ดจริงๆ” 

การได้เรียนแบบมีโค้ชประกบใกล้ชิดแบบนี้ ทำให้เราเข้าใจหลักการทรงตัวได้เร็วกว่าตอนอยู่บนลานหิมะจริงที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและผู้คนเยอะ มันช่วยพัฒนาทักษะได้ไวกว่าอย่างเห็นได้ชัด

Result

สนุกจนอยากรีบไปลอง Slope จริง! โค้ชที่สอนประกบตัวทำให้แม้แต่มือใหม่ก็จับหลักได้ไวกว่าที่คิด แถมยังเป็นกีฬาที่ได้ใช้สมาธิและเบิร์นแคลอรีหนักมาก พอเริ่มทรงตัวได้คล่อง ความมั่นใจก็เพิ่มขึ้นเยอะ และรู้เลยว่าไม่ยากเกินความสามารถ 

Good for

ที่นี่เหมาะสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ตั้งแต่มือใหม่หัดเล่นที่อยากปูพื้นฐานให้พร้อมก่อนไปทริป ไปจนถึงคนที่เคยเล่นมาแล้วและอยากแวะมาวอร์มร่างกายหรือรื้อฟื้นทักษะให้หายคิดถึงหิมะ

หลังจากเล่นเสร็จ ใครที่ต้องไปธุระต่อก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความเฉอะแฉะ เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งล็อกเกอร์ ห้องเปลี่ยนชุด และห้องอาบน้ำไว้คอยบริการ