หลังจากได้ยินข่าวมาพักใหญ่ว่าร้านอาหาร OCKEN ย่านสาทร กำลังจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง เราก็เฝ้ารอคอยว่าเมื่อไรร้านอาหารแนวไฟน์-แคชวลไดนิ่ง (Fine-Casual Dining) ที่ ณ เวลานั้นถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่นำเสนออาหารแบบไร้พรมแดนจะกลับมาเปิดอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาก็เห็นทำแต่เมนูพิเศษมาขายแบบเฉพาะกิจ ยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดให้บริการแต่อย่างใด
ล่าสุด OCKEN พร้อมเปิดให้บริการแล้ว โดยเชฟจอห์นนี ลุย ยังคงนั่งตำแหน่งพ่อครัวใหญ่ ที่หนีบเอาเพื่อนสนิทมาช่วยทำค็อกเทลอีกด้วย ส่วน เต้-วรัตต์ วิจิตรวาทการ ก็ยังคงอยู่เบื้องหลังคอยดูแลเช่นเคย และต้องบอกว่าการกลับมารอบนี้ของ OCKEN ไม่ได้มีแค่เมนูยอดนิยมที่ขายดีสุดๆ เท่านั้น แต่เชฟจอห์นนีได้เพิ่มเมนูใหม่ที่ทำให้มวลรวมของอาหารสนุกขึ้น ใหม่ขึ้น แต่ยังคงคอนเซปต์คอมฟอร์ตฟู้ดไว้เช่นเคย
The Vibe
OCKEN ยังคงอยู่ที่เดิมในเวิ้งเดียวกับ Roots สาทร (หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเขาเป็นเครือเดียวกัน เชฟจอห์นนีก็เป็นคนช่วยออกแบบเมนูอาหารให้ Roots) ที่ตกแต่งภายในใหม่เป็นสไตล์ Open Kitchen ดูทันสมัย เป็นกันเอง และคึกคักขึ้น มีบาร์ที่แขกสามารถนั่งดื่มบริเวณเคาน์เตอร์ได้ด้วย เราชอบที่นี่ตรงมีที่จอดรถเป็นของตัวเอง และอยู่ติดกับ BTS ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่อยากฝ่ารถติดๆ มาที่ร้าน
The Taste
อย่างที่บอกว่าที่นี่มีทั้งเมนูเก่าและใหม่ วันนั้นเราได้ลองเมนูเดิมอย่าง Salmon Belly Hand Roll (ราคา 360 บาท) จานเรียกน้ำย่อยที่ได้ฟีลอาหารญี่ปุ่น โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอนรมควัน ส่วนโคนทำจากมันฝรั่งทอดคลุกผงโรยข้าวญี่ปุ่น
Puffy Potato (ราคา 1,200 บาท) เมนูในความทรงจำของเชฟ ที่เชฟนำมันฝรั่งปั้นเป็นก้อนกลม ทอดในน้ำมันเป็ดเพื่อเพิ่มรสชาติ ก่อนโรยเกลือเล็กน้อย จานนี้เวลากินให้บิมันฝรั่งออก ป้ายด้วย Oscietra Caviar ส่วนอีกคำลองป้าย Dijon Mayo จากนั้นสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ได้เลยว่าชอบแบบไหน อยากกินอย่างไร
อีกจานกินเล่นที่ชอบคือ Fried Kimchi Wax Bean (ราคา 260 บาท) ที่เชฟนำถั่วแว็กซ์บีนไปหมักกิมจิและทอดสไตล์เทมปุระ จิ้มกับ Black Garlic Aioli เปรี้ยวๆ เค็มๆ กินคู่กับเครื่องดื่มได้รสชาติดีมาก
จานหลักในเมนูมีให้เลือกระหว่างเนื้อกับไก่ เราเลือกเป็นจานไก่ Piri Piri Chicken (ราคา 1,250 บาท) ที่ทางร้านติดตั้งเตาพิเศษ Rotisserie เพื่อเมนูนี้โดยเฉพาะ ตัวไก่หมักมาได้รสเข้มข้น เนื้อสุกกำลังดี ไม่แห้งกระด้าง ตัวซอสออกรสเผ็ดเล็กน้อย เราชอบรสชาติของมะเขือเทศดองที่เข้ากันได้ดี ลองสั่งมากินคู่กับ Side Dish อย่าง Ember Roasted Potato (ราคา 380 บาท) เป็นมันฝรั่งย่างราดซอสฮอลแลนเดส ผสมมันจากเนื้อวากิว โรยไข่อิกุระ แต่ลำพังสั่งจานหลักจานเดียวก็อิ่มกำลังดีแล้วนะ
แต่ที่เราชอบมาก (อีกแล้ว) ได้แก่ พาสต้าเย็นประจำร้านอย่าง Cold Capellini (ราคา 450 บาท) เส้นคาเปลลินีคลุกซอสชิโสะเพสโต้และน้ำมะเขือเทศ ที่มีรสบางๆ ไม่เหมือนเพสโต้เจ้าอื่น กินแล้วสดชื่น ยิ่งได้ความกรอบเค็มของ Prosciutto ทอดด้านบน ยิ่งเข้ากันได้ดี
อีกจานที่ใครมาเป็นต้องสั่ง ได้แก่ ข้าวญี่ปุ่นอบปู (ราคา 980 บาท) ทางร้านใช้ปูม้าและปูไข่ เพื่อให้ได้รสปูแน่นๆ แถมยังอบใส่เห็ดไมตาเกะมาให้ด้วย เห็นหม้อขนาดนี้กิน 2-3 คนกำลังดี
ส่วนขนมหวานมีทั้งเมนูยอดนิยมอย่าง เต้าทึง (ราคา 260 บาท) ที่ทางร้านตีความเต้าทึงเป็นน้ำแข็งไสน้ำลำไย เสิร์ฟมาพร้อมถั่วแดง เฉาก๊วย และกรานิต้ามะพร้าว นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ ที่สามารถแพริ่งกับไวน์ได้อีกด้วย
ในขณะที่ค็อกเทลก็ถือเป็นการยกระดับไปอีกขั้นด้วยเมนูซิกเนเจอร์ที่หลากหลายและชวนว้าว ส่วนใหญ่เป็นดริงก์ที่ดื่มง่าย ไม่หนักหรือแรงจนเกินไป นอกจากนั้นก็มีคลาสสิกค็อกเทล Aperitivo, Zero Proofread Cocktails และไวน์ให้บริการด้วย ราคาเริ่มต้น 280 บาท
Good for
เหมาะกับคนที่อยากดินเนอร์ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ เท่ๆ หลังเลิกงาน เมนูต่างๆ มีความสร้างสรรค์ บางจานคล้ายกับไฟน์ไดนิ่งแต่นำเสนอในแบบ À la carte สามารถสั่งมาแชร์กันได้ รสชาติเข้าถึงง่าย รับรองว่าชวนใครไปก็จะมีจานโปรดที่เขาสามารถเอ็นจอยได้ ถือว่ามาที่เดียวครบจบทั้งไวบ์ดี อาหารอร่อย ขนมหวานพร้อม มีเครื่องดื่มให้ดริงก์ต่อกันยาวๆ
OCKEN
Open: ทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.
Address: ชั้น 1 อาคาร Bhiraj Tower ถนนสาทรใต้ ติดกับ BTS สุรศักดิ์
Contact: 08 0273 3220
Budget: 1,000 บาท
Map: