“Nextopia เป็นเมืองต้นแบบแห่งโลกอนาคต ที่คุณมาใช้ชีวิตได้แล้วก็ดีต่อคุณ ดีต่อโลกจริงๆ แค่ไปใช้ชีวิตปกติก็ช่วยโลกได้ เราอยากทำพื้นที่ที่มีความหมายจริงๆ ต่อผู้คน ให้มี Value ที่คนยุคนี้มองหา”
สาลวิท สุวิพร, ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงาน Creative Powerhouse
เคยจินตนาการไหมว่าเมืองในอนาคตจะมีหน้าตาเช่นไร? ตึกสูงหน้าตาประหลาด รถลอยฟ้าเหาะได้ คาเฟ่ที่ให้บริการโดยโรบอต หรืออาหารเม็ดโภชนาการเปี่ยมล้นที่กินครั้งเดียวอยู่ได้ทั้งวัน ฯลฯ
ไม่กี่วันก่อน Siam Paragon เพิ่งเปิดตัวโซนใหม่ ‘NEXTOPIA’ เมืองแห่งอนาคตที่เป็นเหมือนพื้นที่ทดลองให้ผู้คนมาลองใช้ชีวิตแห่งอนาคตกันจริงๆ ด้านในมีทั้งบาร์ ร้านค้า ร้านอาหาร และกิจกรรมต่างๆ มากมายให้ผู้คนมาตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม นวัตกรรม เทคโนโลยี ฯลฯ โดยทาง Siam Piwat ร่วมมือกับพาร์ตเนอร์กว่า 50 องค์กร และ 30 คอมมูนิตี้ จำลองบรรยากาศเหล่านี้ขึ้นมา
Eco-Curious ตอนนี้ เราพาคุณไปคุยกับ 2 หัวเรือใหญ่โปรเจกต์ Nextopia ‘รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต’, Chief Sustainability Advisor to Siam Piwat และ สาลวิท สุวิพร, ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงาน Creative Powerhouse ถึงเบื้องหลังเมืองแห่งอนาคต ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงความ Sustainability และนวัตกรรมที่กระจายอยู่ทุกอณูชนิดที่ว่ากลมกลืนไปกับการใช้ชีวิตจนเราแทบไม่รู้ตัว

รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต, Chief Sustainability Advisor to Siam Piwat

สาลวิท สุวิพร, ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงาน Creative Powerhouse

What is ‘NEXTOPIA’?
NEXTOPIA คือพื้นที่ทดลองขนาด 15,000 ตารางเมตรบนชั้น 5 ของศูนย์การค้า Siam Paragon โซนใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบมาให้เป็นเมืองต้นแบบแห่งโลกอนาคต เมืองที่ให้เราสามารถใช้ชีวิตกันตามปกติ แต่ทุกการกระทำกลับช่วยโลกและชุมชนให้ดีขึ้น โดยผนึกกำลังเหล่าพันธมิตรชั้นนำระดับโลกกว่า 50 องค์กรนวัตกรรม และ 30 คอมมูนิตี้สีเขียวมาช่วยกัน ‘co-create’ แนวคิดใหม่ๆ เพื่อทดสอบว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวันอย่างไร
“เรามีพื้นที่ประมาณ 15,000 ตารางเมตร แล้วก็คิดว่าทำอย่างไรไงดีให้มันตอบโจทย์โลกปัจจุบัน ในอนาคตสังคมต้องเจอปัญหาใหม่ สิ่งที่เคยแก้มาในอดีตแล้วยังแก้ไม่ได้ เราช่วยชีวิตเดิมไม่ได้อีกแล้ว… ก็เลยคิดว่าถ้าจะสร้าง Community ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนแนวทางใหม่ที่เป็น Game Changer เพราะเกมในอดีตไม่เวิร์ก ผมคิดว่าสิ่งนั้นคือ NEXTOPIA” – รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต

ภายใน NEXTOPIA มีสถานที่น่าสนใจหลายจุด เช่น The Tree of Life ต้นไม้แห่งชีวิต จุดเริ่มต้นสู่เมืองแห่งความยั่งยืนในอุดมคติ บอกเล่าว่าความหรูหราที่แท้จริงของการใช้ชีวิตคือการได้อยู่ใกล้พื้นที่สีเขียว, The Kinetic Floor ทุกความสนุกคือพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะวิ่ง เดิน กระโดด หรือเต้นสุดพลัง แค่ทุกคนขยับก็ร่วมกันผลิตไฟฟ้า, The Forest Canopy ป่าไม้สูงในมุมมองใหม่เสมือนการเดินลอดใต้ต้นไม้สูงตระหง่าน
นอกจากนวัตกรรมที่ชวนสนุกและมีความคิดสร้างสรรค์ ด้านในยังมีร้านค้า ร้านอาหาร และบาร์ที่มาเปิดครั้งแรก หรือในคอนเซปต์ใหม่ เช่น CONTE de TULEAR คาเฟ่บรันช์สุดชิคชื่อดังจากย่านอับกูจอง กรุงโซล, L’Antica Pizzeria da Michele ร้านพิซซ่าเก่าแก่อายุกว่า 150 ปีจากเมืองเนเปิลส์ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลก และคนอิตาเลียนยกให้เป็นวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งแป้งอบทรงกลม, Crafture by HOBS คราฟต์เบียร์รสชาติไทยในลุคเท่ ชูเน้นวัตถุดิบท้องถิ่นไทยและ Zero Waste ฯลฯ
“ที่นี่ไม่ใช่โซน Sustain แต่คือแหล่งแฮงเอาต์ดีๆ ที่หนึ่งที่รวมทุกอย่างไว้ด้วยกัน ทั้งความยั่งยืน ไลฟ์สไตล์ นวัตกรรมใหม่ๆ เรามีร้านค้า ร้านอาหาร นวัตกรรม และทุกอย่างรวมกันภายใต้คอนเซปต์เดียวกันจริงๆ พูดง่ายๆ ก็คือเมืองต้นแบบของโลกอนาคต” – สาลวิท สุวิพร

How sustainable is it?
หัวใจของ NEXTOPIA คือแนวคิด ‘Sustainability in the Making’ ที่มองว่าความยั่งยืนไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้าย แต่เป็นกระบวนการที่ทุกคนต้องร่วมสร้างและเรียนรู้ไปพร้อมกัน พื้นที่นี้จึงเต็มไปด้วยนวัตกรรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง เช่น โครงสร้าง ETFE ที่ให้แสงเข้าแต่ลดความร้อนภายในอาคาร ระบบทำความเย็นด้วยน้ำที่ทำให้พื้นที่เย็นโดยแทบไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ หรือ Kinetic Floor ที่เปลี่ยนแรงเหยียบของผู้คนให้เป็นพลังงานไฟฟ้าสะสมในพื้นที่ ยิ่งใช้ชีวิตมากเท่าไร เมืองก็ยิ่งได้รับพลังงานกลับมาเท่านั้น
“เรามีแกนหลัก 3 อย่างที่ใช้ทำงาน คือ Sustainability First, Inclusivity First และ Experiential Engagement First ซึ่งหมายถึงความยั่งยืนมาก่อน การมีส่วนร่วมมาก่อน และการมีส่วนร่วมเชิงประสบการณ์มาก่อน
“เราเริ่มตั้งแต่การทำ Infrastructure ที่ยั่งยืนที่สุด มีทั้งส่วนที่เห็นและมองไม่เห็น ส่วนที่มองไม่เห็นก็อย่างเช่น Solar Power หรือ ETFE ส่วนที่จับต้องได้ ก็มีหลายอย่าง เช่น Kinetic Floor พื้นอัจฉริยะที่คุณสามารถเปลี่ยนพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า เรามี AR ที่ส่องให้เห็นสิ่งที่มองไม่เห็น เช่น อากาศอยู่ตรงไหน Polyance Cooling ทำงานยังไง ทำให้คนสนใจเรื่องยั่งยืนผ่านความสนุก เรามีลูกโลกเป็นเหมือนฮาร์ดดิสก์ของพื้นที่ เป็นทั้ง Real-Time Broadcast สถานะของโลก เป็น Dashboard สรุปพลังงาน เป็นตัวบันทึกระบบ Greenpoint ที่ทุกการกระทำมีค่าหมดสามารถเอาไปใช้ต่อใน Ecosystem ของเมืองนี้” – สาลวิท สุวิพร

ภายใน Nextopia ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยเปิดเผยสิ่งที่มองไม่เห็นอย่าง AR Molecular ที่ให้เราส่องดูพลังงานหมุนเวียนและระบบอากาศ รวมถึง ‘Earth Sphere’ ลูกโลกศูนย์กลางของเมืองที่ดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์จาก NASA และ GISTDA เพื่อบอกเราว่าสภาพอากาศ PM 2.5 น้ำท่วม ไฟป่า และสภาวะสิ่งแวดล้อมทั่วโลกกำลังเป็นอย่างไร พร้อมแปลงค่าการใช้พลังงานทั้งหมดของพื้นที่ออกมาเป็นตัวเลขที่เข้าใจง่าย เช่น คาร์บอนที่ลดลงหรือจำนวนต้นไม้ที่เทียบเท่า ทำให้เราเห็นว่าทุกการกระทำในพื้นที่นี้มีผลต่อโลกจริง
NEXTOPIA จึงไม่ใช่เพียงโซน Sustain หรือพื้นที่จัดแสดงชั่วคราว แต่คือเมืองทดลองที่เปิดทุกวันตลอดปี เป็นสถานที่ที่ใช้ชีวิตได้จริง เรียนรู้ได้จริง และชวนให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตไปพร้อมกัน
“เราทำให้เห็นว่ามันทำได้จริงๆ ทำให้ Sustainability กลายเป็นชีวิตประจำวันได้” – สาลวิท สุวิพร
“Nextopia ในวันนี้ไม่ใช่ Final Answer แต่คือ The Beginning เป็นต้นแบบของอนาคต ผมมั่นใจว่ามีหลายอย่างต้องพัฒนาต่อไป เทคโนโลยีจะเปลี่ยน สภาพแวดล้อมจะเปลี่ยน การใช้ชีวิตก็จะเปลี่ยน แต่ถ้ารวมกันแล้วทำให้ดีขึ้นทุกวัน เราอาจจะเข้าใกล้ Sustainability Futures มากขึ้น และเข้าใกล้ความเป็นต้นแบบเพื่อโลกอนาคตจริงๆ ครับ” – รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต

สำหรับใครที่สนใจอยากไปเยี่ยมชม ตอนนี้ NEXTOPIA เปิดให้บริการแล้ว ณ บริเวณชั้น 5 และ 5A ของศูนย์การค้า Siam Paragon สามาถแวะไปใช้ชีวิตได้ทุกวัน ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.instagram.com/nextopia.th
ภาพ: สลัก แก้วเชื้อ, NEXTOPIA


