บ้านไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นพื้นที่สร้างความทรงจำ เป็นแหล่งพักพิงและพื้นที่ปลอดภัยให้เราหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก ทำหน้าที่ฮีลใจช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง ฯลฯ แล้วบ้านแบบไหนกันที่ทำให้เราอยู่ดีมีสุข และสุขภาพดี สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่?
Thoughtful Design ความสุขเริ่มต้นจากการออกแบบ
หลายครั้งที่เราเข้าไปพักผ่อนยังรีสอร์ท หรือเดินเข้าไปยังโครงการบ้านตัวอย่างแล้วพบว่า “บ้านหลังนี้อยู่สบายจัง” อันที่จริงความรู้สึกนี้ไม่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากการออกแบบที่เรียกว่า ‘Thoughtful Design’ หรือ ‘การออกแบบอย่างใส่ใจ’
Thoughtful Design คือ การออกแบบบ้านที่คำนึงถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงแค่สร้างให้สวยงามดูดี แต่ต้องเป็น ‘บ้านที่เข้าใจชีวิต’ สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้สมบูรณ์แบบ แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้กับการออกแบบบ้านยุคใหม่ ซึ่งตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือ ‘บ้านกลางกรุง’ และ ‘THE PALAZZO’ สองโครงการบ้านหรูของ AP ที่ยึดถือแนวคิดนี้ดั่ง DNA ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยหลัก Majesty Space, การวางผังและการออกแบบมิติความสูงในบ้านที่เอื้อต่อการพักผ่อนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว หรือแม้แต่การผสานธรรมชาติเข้ากับพื้นที่อยู่อาศัยผ่านหลัก Biophilic Design ให้บ้านเปิดรับแสง ลม และความร่มรื่นอย่างพอดี ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเกิดจาก Thoughtful Design การออกแบบด้วยความใส่ใจ ด้วยการคิดจาก inside หรือ insight ของผู้ใช้งานจริงเพื่อสร้างพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นส่วนตัว และอยู่สบายเป็นอันดับแรก ก่อนต่อยอดสู่ความสวยงามในทุกมุมมอง
นอกจากนี้ Thoughtful Design ยังหมายถึงการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม การคำนึงถึงความเกี่ยวเนื่องของพื้นที่ ทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการใช้งาน ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย หรือแม้แต่ความรู้สึกทางอารมณ์ ล้วนถูกนำมาพิจารณา
หลักการของ Thoughtful Design มีง่ายๆ 5 ข้อ คือ
- Functionality First – ต้องใช้งานได้จริง การออกแบบพื้นที่ทุกตารางนิ้วภายในบ้าน ต้องออกแบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของคนอยู่อาศัย ซึ่งมีหลากหลายเจเนอเรชัน หลากหลายไลฟ์สไตล์ บ้านที่คิดมาอย่างดี จะมีพื้นที่ที่รองรับทุกกิจกรรมให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และต้องมีพื้นที่ส่วนกลางไว้ทำกิจกรรมเพื่อเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัว
- Personalization – บ้านต้องตอบโจทย์และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย รวมถึงพร้อมปรับเปลี่ยนสอดคล้องกับจังหวะชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป บ้านที่สามารถรองรับการรีโนเวต หรือปรับเปลี่ยน คือคีย์สำคัญในการออกแบบบ้านที่คิดมาเผื่ออนาคต
- Connection with Nature – ต้องเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรับแสงธรรมชาติ การมีพื้นที่สีเขียว หรือการใช้วัสดุจากธรรมชาติ ช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและทำให้บ้านมีชีวิตชีวา
- Well-being Focus – การออกแบบต้องคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย เช่น การเลือกใช้วัสดุที่ไม่เป็นพิษ การออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมกับการพักผ่อน และการสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย อย่างโครงการบ้านเดี่ยว AP ก็มีระบบหมุนเวียนอากาศบริสุทธิ์ ที่สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ถึง 99.6%
- Sustainability – ต้องประหยัดพลังงาน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงผลกระทบต่อโลกในระยะยาว เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์ หรือระบบการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ
อยู่สบาย…ในพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อคุณ
บ้านในอุดมคติของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่บ้านที่ดีควรสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นมุมพักผ่อนที่เชื่อมต่อธรรมชาติ พื้นที่ทำงานที่เงียบสงบ หรือโซนครอบครัวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
การออกแบบที่ใส่ใจช่วยให้ผู้อยู่อาศัยใช้พื้นที่ได้อย่างสมดุลและเต็มไปด้วยความสุข ความยืดหยุ่นเป็นหัวใจสำคัญ เช่น ห้องนั่งเล่นที่สามารถปรับเป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราว พื้นที่ว่างที่ปรับเปลี่ยนเป็นมุมพักผ่อนหรือห้องออกกำลังกาย หรือแม้แต่ห้องที่สามารถดัดแปลงเป็นสตูดิโอส่วนตัว
นอกจากความยืดหยุ่นแล้ว การจัดวางพื้นที่ก็มีผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิต การออกแบบที่ดีต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงของพื้นที่ เช่น ห้องครัวที่อยู่ใกล้ห้องอาหารเพื่อความสะดวก, ทุกห้องนอนมีห้องน้ำภายในตัวเพื่อความส่วนตัวและการใช้งานที่ราบรื่น และ การออกแบบให้พื้นที่บางส่วนของชั้นที่ 2 สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่ชั้นที่ 1 ได้ เป็นต้น
สีเขียว ความสดชื่นที่เยียวยา
การนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อยู่อาศัยเป็นอีกสิ่งที่ทำให้เราอยู่ดีมีสุข และหนึ่งในวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดคือการออกแบบบ้านให้เปิดรับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ หน้าต่างบานใหญ่ ประตูบานเลื่อนกระจก หรือช่องแสงบนหลังคา ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า แต่ยังนำพาความอบอุ่นและความสดใสเข้ามาสู่ภายในบ้าน แสงธรรมชาติมีผลโดยตรงต่ออารมณ์และวงจรการนอนหลับ ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวา
การเลือกใช้สีก็มีส่วนสำคัญ โทนสีอบอุ่น เช่น สีเขียว สีฟ้า สีน้ำตาล หรือสีเอิร์ธโทน จะช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และสบายตา สีเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้ร่วมกับวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือผ้าฝ้าย เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้การตกแต่งด้วยพืชสีเขียวก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ต้นไม้และดอกไม้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน แต่ยังช่วยฟอกอากาศ ลดความเครียด และสร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ คุณอาจเลือกวางกระถางต้นไม้ในมุมต่างๆ หรือการสร้างสวนแนวตั้ง เป็นไอเดียที่น่าสนใจในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้าน
เมื่อการออกแบบเริ่มต้นจากความเข้าใจ ความสุขก็ตามมา
Thoughtful Design ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ในการออกแบบบ้าน แต่เป็นปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้คน เมื่อบ้านถูกสร้างขึ้นด้วยความเข้าใจในความต้องการอย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่ได้คือพื้นที่ที่เติมเต็มความสุข ความสบาย และความปลอดภัย ทำให้ทุกวันของการอยู่อาศัยเป็นประสบการณ์ที่ดี
เพราะบ้านเมื่อถูกออกแบบอย่างเข้าใจชีวิต ความสุขก็เกิดขึ้นได้ในทุกมิติของการอยู่อาศัย
[Content in Partnership with AP]
ภาพ: AP, THE STANDARD TEAM, Shutterstock