ไม่นานมานี้ Chez Miline กลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ถูกพูดถึงเยอะที่สุดในสื่อสังคมออนไลน์ของไทย เนื่องจากพรรคแนวร่วมรัฐบาลได้มาพูดคุยประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลและสังสรรค์กันที่ร้านนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว Chez Miline มีดีมากกว่านั้น THE STANDARD LIFE จึงขอพาผู้อ่านทุกคนไปทำความรู้จักกับร้านอาหารในอาคารเก่าสมัยรัชกาลที่ 6 แห่งนี้ให้มากขึ้น เผื่อจะกลายเป็นที่แฮงเอาต์ของคุณในครั้งถัดไป
The Vibe
แรกเริ่มเดิมที Chez Miline มีจุดเริ่มต้นจากร้าน CUT Raw & Grilled ย่านอารีย์ ต่อมาในช่วงโควิด หนึ่งในลูกค้าขาประจำของร้านได้แนะนำให้ทางร้านมาดูทำเลใหม่บนถนนสุโขทัย ซึ่งก็คือพื้นที่ปัจจุบันนี้ หลังจากที่เจ้าของร้านตัดสินใจเรียบร้อย CUT Raw & Grilled จึงย้ายทำเลมาอยู่ ณ พื้นที่ใหม่แห่งนี้พร้อมกับการพัฒนาคอนเซปต์ของ Chez Miline ไปพร้อมกัน ดังจะเห็นได้จากเมนูอาหารของ Chez Miline ที่มีทั้งเมนูอาหารตะวันตกและฝรั่งเศส รวมถึงเทสติ้งเมนูของ Chez Miline และเมนูของ CUT Raw & Grilled ซึ่งทั้งสองแบรนด์ต่างอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันในบ้านเก่าแก่อายุร่วมร้อยปีแห่งนี้
อาคารที่ตั้งของ Chez Miline เดิมเป็นบ้านโบราณอายุกว่าร้อยปี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยมีอาคารถึง 5 หลังด้วยกัน แต่หลังจากนั้นถูกทุบออกจนเหลือเพียงอาคารเดียว ซึ่งก็คืออาคารปัจจุบันแห่งนี้ ตัวอาคารมี 2 ชั้น ตกแต่งสไตล์โคโลเนียลโทนสีเขียวตามสมัยนิยม ชั้นล่างแบ่งเป็นสองโซนซ้ายขวา โดยมีบันไดและไวน์เซลลาร์คั่นกลาง
ซ้ายมือคือ Social Lounge โดดเด่นด้วยโต๊ะกลมริมหน้าต่างที่มีคิวจองยาวนานร่วมเดือน
ส่วนด้านขวามือของชั้นล่างเป็นโซน Open Kitchen เหมาะสำหรับแขกที่ชื่นชอบบรรยากาศรับประทานอาหารพร้อมรับชมเชฟทำครัวไปพร้อมกัน
ขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนก็จะพบกับโต๊ะบัลโคนี และห้องส่วนตัวพร้อมห้องน้ำในตัว
ที่สามารถจัดดินเนอร์โต๊ะยาวได้
The Taste
อาหารของ Chez Miline จะมีทั้งเมนูฝรั่งเศสและตะวันตกที่ครีเอตใหม่เพื่อให้เข้ากับความเป็นไฟน์ไดนิ่งของ Chez Miline มีทั้งเมนูอะลาคาร์ต และเทสติ้งเมนูพร้อมไวน์แพริ่ง หรือจะเป็นเมนูสเต๊กและของกินเล่นตามแบบฉบับ CUT Raw & Grilled โดยสามารถสั่งผสมกับเมนูของ Chez Miline ได้
ครั้งนี้เราขอแนะนำเมนูจากทั้งสองร้านที่อร่อยไม่แพ้กัน ถูกใจสายเนื้อ และจับคู่กับไวน์ได้แทบจะทุกเมนู ตั้งแต่เมนูรองท้องไว้เรียกน้ำย่อยหรือกินเล่นคู่กับไวน์ Trois Huîtres Fines de Claire (280 บาท) หอยนางรมฟินเดอแคลร์ราดซอสพอนสึ หอมแดงและต้นหอมซอยมาเรียบร้อย
หากไม่รับประทานของดิบ ก็มี Escargots Au Beurre à L’ail (390 บาท) หอยทากฝรั่งเศสอบเนยกระเทียมที่ส่งกลิ่นหอมฉุยกระจายไปหลายโต๊ะ แย่งกันกินไม่นานก็เกลี้ยง
ทางด้านของกินเล่นสไตล์ญี่ปุ่น มี Dry-aged Negi Hon Maguro (360 บาท) ข้าวห่อสาหร่ายย่างหน้าทูน่าดรายเอจโรยต้นหอมญี่ปุ่น ที่มาในสัดส่วนข้าวน้อย ปลาเยอะ หรือสายเนื้อลองสั่ง Japanese Wagyu Yukke (340 บาท) ข้าวห่อสาหร่ายย่างหน้าเนื้อวากิวหมัก
มาที่ซุปและสลัดก่อนไปสเต๊ก Caesar Salad (180 บาท) ผักคอสราดซีซาร์เดรสซิ่ง โรยเบคอนกรอบกับชีสเยอะจุใจ ส่วนซุป แนะนำ Soupe de Crabe en Pâte Feuilletée (280 บาท) ซุปข้นใส่เนื้อปูก้อนเน้นๆ ห่อมาในแป้งพัฟเพสทรี
มาถึงจานหลักอย่าง Filet Mignon (890 บาท ต่อ 100 กรัม) ที่ใช้เนื้อในย่าง กินคู่กับพิวเรดอกกะหล่ำ ผักโขม และซอสมัสตาร์ด
ถ้ามากลุ่มใหญ่แนะนำให้จัด Dry-aged Tomahawk Australian Wagyu (330 บาท ต่อ 100 กรัม) เนื้อดรายเอจออสเตรเลียนวากิวย่างมาแบบมีเดียมแรร์ กินกับซอสยูซุช่วยตัดเลี่ยนกำลังดี ถ้าพิเศษไม่พอสามารถเพิ่ม Seared Goose Foie Gras (390 บาท ต่อ 2 ชิ้น) ได้อีก และที่สำคัญอย่าลืมสั่ง Wagyu Fried Rice (230 บาท) ข้าวผัดมันเนื้อวากิว สัมผัสแห้งร่วน มันเคลือบตัวข้าว พร้อมด้วยกากเนื้อชิ้นเล็กๆ ที่พอตักทุกอย่างกินพร้อมกันแล้วฟิน
นอกจากเนื้อแล้วยังมีเมนูทีเด็ดอย่าง Grilled Freshwater Prawn (1,280 บาท) กุ้งแม่น้ำย่างไซส์ 600-700 กรัมต่อตัว เนื้อเด้งกรุบ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย หัวน้ำปลา และซอสน้ำปลาหอม เลือกผสมจิ้มได้ตามใจชอบ
Good For
อีกหนึ่งร้านแนะนำสำหรับคนรักเนื้อและไวน์ เพราะนอกจากมีเมนูสเต๊กราคาดีแล้ว เมนูกินเล่นแกล้มไวน์ก็อร่อยไม่แพ้กัน และที่สำคัญคือไวน์ลิสต์ที่มีความหลากหลายและราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ เสิร์ฟในแก้วไวน์คุณภาพดี โดยยังสามารถรีเควสต์แก้วที่เหมาะกับองุ่นสายพันธุ์ที่ต่างกันได้อีกด้วย
ส่วนใครที่มีไวน์ฉลากโปรดของตนเองก็สามารถหิ้วมาจิบที่ร้าน โดยทางร้านคิดค่าเปิดขวดเพียง 500 บาท แต่หากสั่งไวน์จากลิสต์ของร้านอีก 1 ขวดก็จะได้รับการยกเว้นค่าเปิดขวด
Chez Miline
Open: ทุกวัน เวลา 11.30-23.00 น.
Address: 218 ถนนสุโขทัย แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพฯ
Tel: 09 0235 6424
Budget: 1,000-2,000 บาท
Website: https://www.instagram.com/chezmiline
Map:
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์