×

ยืดความเด็ก ชะลอความแก่ กับ หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

09.04.2025
  • LOADING...
anti-aging-tips

‘สวยและจิตใจดี’ คงเป็นนิยามที่ชัดเจนที่สุดเมื่อเราได้มาเจอ ‘หมอเพื่อน’ ผู้หญิงที่ยังคงสวมมงของความเป็นนางงามตั้งแต่อดีตสู่วันที่มีชุดกาวน์ปักชื่อ พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965) เป็นของตัวเอง ใช่แล้ว เป้าหมายในชีวิตของเธอคือการอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น 

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

ความหลงใหลในวิชาชีพแพทย์ทำให้เธอตระหนักว่า สิ่งที่สำคัญมากกว่าการรักษาโรคคือ ‘การป้องกันไม่ให้เกิดโรค’ เธอจึงหันมาศึกษาศาสตร์ด้าน Anti-aging และ Preventive Medicine เพื่อช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีและใช้ชีวิตยืนยาวได้อย่างมีคุณภาพ

 

ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญกับโรครุมเร้ามากกว่ายุคก่อนหลายเท่า เราเลยชวนหมอเพื่อนมาพูดคุยถึงสารพันวิธีปรับจูนชีวิตให้พร้อมแก่อย่างมีคุณภาพพร้อมคงความสวยอ่อนเยาว์แบบลึกถึงไส้ 

 

เราเชื่อว่าคำแนะนำของหมอเพื่อนจะช่วยให้ชาว LIFE ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพตัวเองในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

เมื่อพูดถึงคำว่า ‘เวชศาสตร์การชะลอวัย’ สิ่งที่คนทั่วไปจะนึกถึงอันดับแรกคือเรื่องของความหน้าเด็ก

 

หมอเพื่อน: หลายคนจะคิดว่ามันคือการดูแลรูปลักษณ์ภายนอกให้ดูเด็กกว่าอายุจริง แต่ความสำคัญของการดูแลในศาสตร์ของการชะลอวัยจริงๆ แล้วเป็นการดูแลสุขภาพเชิงลึกที่ดูในรายละเอียดถึงในระดับเซลล์ ระดับฮอร์โมน ระดับลึกถึงพันธุกรรมที่จะทำให้สุขภาพยืนยาว

 

สุขภาพยืนยาวดูที่คำว่า Health Span หมายความว่า เราจะต้องมีสุขภาพดีแบบนี้ จำได้แบบนี้ สามารถเที่ยวได้แบบนี้จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต สุขภาพดีจนลมหายใจสุดท้าย ไม่ใช่ Life Span ซึ่งเป็นการมีชีวิตอยู่ อยู่อย่างไรก็ได้

 

อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องปรับแนวความคิด เราต้องป้องกันไม่ให้เป็นโรคมากกว่าการที่ โรคแล้วมาโรงพยาบาลแล้วจ่ายยา

 

นี่เป็นศาสตร์ที่หลายๆ คนคงจะได้ยินมากยิ่งขึ้น ดีใจที่ประเทศไทยสนใจ เพราะนี่คือสิ่งที่ 10-20 ปีที่แล้วที่อเมริกาเขาพูดถึง เราพูดถึงช้ากว่าเขาถึง 10 เป็นศาสตร์ที่ Bill Clinton ใช้ในการรักษาตัวเองในตอนที่เส้นเลือดหัวใจตีบ 3 เส้น หลังจากเป็นประธานาธิบดีได้ 2 ปี แล้วเขาก็หันกลับมาดูแลในเรื่องของการเปลี่ยนวิถีชีวิต การกินอาหาร Plant-based Diet ทำให้เขาไม่ต้องกลับมาสวมหัวใจใหม่ 

 

นี่แหละ เราจะวิเคราะห์ในระดับโมเลกุลเลยว่า ฮอร์โมนความสุข ความเครียด แต่ละคนเป็นอย่างไร

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราตรวจได้หมดเลย?

 

หมอเพื่อน: ณ ปัจจุบันโชคดีมากที่เราอยู่ในยุคเทคโนโลยีที่ดูได้แม้กระทั่งเทโลเมียร์ (Telomere) เส้นความยาวชีวิต ในทุกอวัยวะเรามีอายุทั้งหมดเลยค่ะ ตับก็มีอายุในอีกแบบ ตา ผิวหนัง ก็มีอายุทั้งหมด เพียงแต่เราไม่สามารถเอาเขามาเพื่อจะดูอายุได้ ยกเว้นในเม็ดเลือด 

 

เราทำได้โดยการเจาะเลือดดูการทำงานของส่วนปลายสุดของโครโมโซมที่เรียกว่าเทโลเมียร์ที่อยู่ข้างในหลอดเลือด เพื่อเอามาดูว่าการใช้ชีวิตของเรามีผลทำให้เส้นภายในชีวิตแตกต่างแค่ไหน เครียดมากลดไป 10 ปี สูบบุหรี่เยอะลดไป 7.4 ปี น้ำหนักเยอะลดไป 8.8 ปี อันนี้ค่ะ คือสิ่งที่เราดูได้ในระดับลึก

 

มันสามารถบอกเลยไหมว่าเราจะมีอายุยืนถึงเมื่อไร

 

หมอเพื่อน: ถ้าเส้นความยาวชีวิตทุกคนมีเท่ากันค่ะ คือเกิดมามี 10,000 เส้น (Basepair) แต่ว่าจะหดหรือจะยาวขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิต ถ้าสมมติเราตรวจมาได้ 9,000 เส้น อันนี้เจ๋ง แสดงว่าดูแลชีวิตดี ถ้าตรวจมา 5,000 อันนี้แปลว่าคุณใช้ชีวิตหนักจนเกินไป ความเสื่อมของเซลล์จะมาไว ซึ่งคุณจะป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันตกลง การนอนก็ไม่ค่อยดีอย่างนี้ค่ะ 

 

มีคนที่วัดได้ 9,000 เส้นแล้วมีช่วงความยาวอายุถึง 90 ปี จริงๆ ซึ่งแอบบอกว่าหนึ่งในนั้นคือคนที่ทำสมาธิได้เก่งมาก เป็นเกจิอาจารย์ทางด้านของการ Meditation เลยค่ะ 

 

แล้วอีกหนึ่งท่าน 100 เช่นเดียวกัน เส้นประจำชีวิต 9,000 เช่นเดียวกัน ดูแลเรื่องอาหารการกินเนี้ยบมาก ปลาเป็นหลัก ผักเป็นหลัก ฉะนั้นการดูแลชีวิตของเราสำคัญสำหรับเส้นความยาวชีวิตอยู่แล้วค่ะ

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

แสดงว่าเรื่องของ Meditation มีเอฟเฟกต์ด้วยเหมือนกัน

 

หมอเพื่อน: มากค่ะ การทำ Meditation หรือสมาธินี่เป็นตัวที่ทำให้คลื่นสมองของเราในส่วนของความอารมณ์ดีและความนิ่งสร้างเยอะขึ้น ฮอร์โมนความสุขที่ชื่อ DHEA (Dehydroepiandrosterone) สร้างได้จากการนั่งสมาธินะคะ

 

พูดถึงเรื่องอาหารการกิน ในปัจจุบันก็มีความนิยมที่หลากหลาย ทั้ง Keto, Carnivore, Plant-based บ้างก็ไม่สนับสนุนให้กินเนื้อแดงเลย คุณหมอมีความเห็นอย่างไร

 

หมอเพื่อน: ณ ปัจจุบันตามงานวิจัยของ American College of Lifestyle Medicine (ACLM) คืออาหารที่จะทำให้ชีวิตยืนยาวและสุขภาพดีที่สุดยังคงเป็น Plant-based Diet ส่วนเนื้อแดง ณ ปัจจุบันเราจะพูดว่าเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ขาดไม่ได้นะ แต่ในทางเดียวกันโปรตีนจากพืชก็มีส่วนช่วยในเรื่องหลายๆ อย่าง ลดคอเลสเตอรอลในเลือด

 

เนื้อแดง ณ ปัจจุบันยิ่งมีความเสี่ยงต่อเบาหวาน แม้กระทั่งคนที่ไม่กินหวาน แต่กินเนื้อแดงเยอะก็มีความเสี่ยงค่ะ เนื้อแดงที่แปรรูปมีความเสี่ยงเรื่องเบาหวานด้วย ในเรื่องของการซึมเศร้าด้วย แต่อาจจะไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องทำแบบนี้ เพียงแต่ถ้าคุณสามารถกิน Plant-based สัก 2 วันในหนึ่งสัปดาห์ก็โอเค โดยส่วนตัวหมอเพื่อนเองก็ไม่ใช่จะทำได้ทุกวัน

 

สิ่งเหล่านี้มีผลต่อเรื่องซึมเศร้าด้วย?

 

หมอเพื่อน: ใช่ค่ะ ซึมเศร้าก็มากขึ้น ประจำเดือนผิดปกติ เหวี่ยงวีนง่ายขึ้น สิ่งเหล่านี้มาจากอาหาร 3 ประเภท หนึ่งคือ Processed-food พอแปรรูปเยอะก็ยิ่งจะทำให้เกิดกระบวนการ Advanced Glycation End Products (AGEs) คือการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย เสี่ยงซึมเศร้า 49% อันนี้จาก Journal ของ Jama เลยค่ะ

 

อันดับที่ 2 คือความแฝงในของการใช้พลาสติก ณ ปัจจุบัน ไมโครพลาสติกจะเป็นโมเลกุลที่ชื่อซีโนเอสโตรเจน (Xenoestrogen) หน้าตาเขาเหมือนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนผู้หญิงของเรา ฉะนั้นประจำเดือนจะถูกเปลี่ยน เจเนอเรชันนี้จะเป็นประจำเดือนตอนอายุน้อย สมัยเรา 14-15 ถึงเป็นประจำเดือน แต่สมัยนี้คือ 7 ขวบ

 

ต้องระวังอาหารที่มีเอสโตรเจนเยอะ เช่น ไก่ที่เร่งให้อกแน่น ไมโครพลาสติกจากขวดน้ำ เราไมโครเวฟไปทั้งพลาสติก พวกนี้เกี่ยวทั้งหมด

 

แล้วก็ในหลักที่ 3 ก็คือกลุ่มเนื้อแดง พวกนี้ส่งผลกับสุขภาพในระยะยาวเพราะว่า pH ของเนื้อแดงเองอยู่ที่ 6-7 ในขณะที่ pH ร่างกายจริงๆ ต้องอยู่ประมาณ 7 ถึงจะดี ยิ่งมีด่างเยอะคือผัก 8-9 อันนี้ดีกับเซลล์ เนื้อแดง น้ำหวาน pH 4-5 พวกนี้เซลล์ยิ่งทำงานยาก 

 

คนในปัจจุบันอายุยืนขึ้นแต่ไม่สบายง่ายขึ้น ป่วยบ่อย เอาเทคโนโลยี เอายาเข้ามาจับ อายุยืนจริงแต่สุขภาพอาจจะไม่ได้ดีเหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนประจำเดือนหมดตอนอายุ 60 นะคะ สมัยนี้ 40 เพราะการใช้ชีวิตก็เริ่มระวังๆ กันนะคะ

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

บางคนอาจจะรู้สึกดีใจที่ประจำเดือนหมดก่อน

 

หมอเพื่อน: ยิ่งนานยิ่งดีค่ะ เป็นสิ่งที่มันควรเกิด เพราะเอสโตรเจนช่วยในเรื่องของหัวใจ ช่วยในเรื่องความแข็งแรงของกระดูก เพราะฉะนั้นพอวัยทองปุ๊บเราก็เลยมีไขมันในเลือดสูงปรี๊ดเลย กระดูกก็จะเริ่มบางแล้วก็พรุนในขณะที่อารมณ์ก็จะแกว่ง ลำไส้ก็จะไม่ดี เพราะตัวยึดในการบีบรัดกระเพาะอาหาร หูรูดกระเพาะก็คลาย นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน เหวี่ยงวีนง่าย เมื่อแขนเมื่อยขา ตัวชาไม่สบายตัว เซนซิทีฟมากแล้วก็จะมีความเศร้าในใจ อันนี้ก็คือสิ่งที่ถูกกระทบ นี่แหละคือคือการรักษาสมดุลของฮอร์โมนจากการดูแลสุขภาพเชิงลึก

 

พูดถึงการดูแลสุขภาพเชิงลึก บางคนก็เน้นกินอาหารแบบเฮลตี้ Whole Food ล้วน บางคนก็ฮาร์ดคอร์กับอาหารเสริม คุณหมอมีมุมมองอย่างไรกับการพึ่งพาอาหารเสริม

 

หมอเพื่อน: ปัจจุบันเป็นยุคที่วิตามินค่อนข้างที่จะถูกทำลายไปหมดแล้ว การไมโครเวฟเอย การใช้การหุงต้มที่เยอะเอย การแปรรูป การอบ การพาสเจอไรซ์ ซึ่งจริงๆ วิตามินแทบจะไม่ตกถึงเราแล้ว 

 

ถ้าในอดีตคงมองว่ากินแบบ Whole Food, Plant-based Diet แบบอาหารสดที่เก็บได้ แล้วได้วิตามินสดแบบนั้นน่ะถูกต้องแล้ว แต่ถ้าในปัจจุบัน Functional Medicine หรือ Supplement ถือเป็นออปชันที่ค่อนข้างจะดี เป็นโซนของหมอรุ่นใหม่ที่ยังมีความรู้สึกว่าการจูนด้วยวิตามินที่เราอาจจะไม่ได้ถูกเติมเต็มก็จะช่วยเสริมการทำงานของร่างกายให้สมดุลกลับคืนมาได้ 

 

ตอนนี้เราสามารถตรวจวัดได้ว่าเจ้าสิ่งที่เรากินมีระดับสูงเกินไปไหม จากในเลือดก็เจาะเลือดได้เพื่อดูว่า Q10 ที่เรากินระดับเขาได้ดีหรือยัง วิตามินซียี่ห้อที่เรากินอยู่ เราสามารถดูดซึมแล้วสร้างระดับได้ดีขึ้นไหม ถ้าใครที่ชอบกินเยอะๆ ก็แนะนำว่าน่าจะต้องตรวจดูสักนิดหนึ่ง

 

ถ้าระดับมันขึ้นแล้วเราจะได้ปรับโดสไม่ต้องกินเยอะเกิน แต่ละแบรนด์เขาก็จะมีการดูดซึมและฟอร์มของวิตามินที่แตกต่าง ถ้ายี่ห้อนี้กำลังกินอยู่แล้วระดับไม่ขึ้นเลย เดี๋ยวเราเปลี่ยนยี่ห้อกัน

 

ถ้ากินอยู่แล้วอยากรวบรวมเป็นสิ่งเฉพาะตัวเราก็ทำเป็น Personalized Vitamin ที่คุณหมอปรุงให้เพื่อให้โดสตรงกับสิ่งที่ต้องการได้เหมือนกัน 

 

ถ้าคนทั่วไปกินอย่างเดียวแล้วไม่เคยตรวจเลยก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าขาดหรือเกิน?

 

หมอเพื่อน: อาจจะรีเช็กสักครั้งหนึ่ง เพราะวิตามินต้องเป็นปีถึงจะเปลี่ยน ผ่านไป 6 เดือนถึงหนึ่งปีแอบรีเช็กสักครั้งหนึ่ง แต่ว่าโดยส่วนตัววิตามินถ้ามันอยู่ในโดสที่แนะนำอยู่แล้วก็ไม่มีผลกระทบกับตับกับไต ยกเว้นโดสที่เยอะหรือคุณภาพในการผลิตมีการปนเปื้อน อันนี้ถึงมีผลกับตับกับไต 

 

เพราะฉะนั้นการตรวจชัวร์สุด

 

หมอเพื่อน: ถ้าจะให้รู้อย่างแม่นยำว่าเราต้องการตัวไหนที่เหมาะกับร่างกาย การตรวจก็จะชัวร์สุดค่ะ

 

สุขภาพการกินองค์รวมค่อนข้างเป็นเรื่องสำคัญในยุคนี้ เรื่องผิวหน้าก็เช่นกัน จริงไหมที่หากเราดูแลสุขภาพภายในไม่ดี ต่อให้จะใช้ครีมดี ทาเยอะแค่ไหนก็ไม่เห็นผล

 

หมอเพื่อน: จริงค่ะ คือทุกคนจะคิดว่าเดี๋ยวไปโบท็อกซ์ เดี๋ยวไปทำหัตถการ แต่จริงๆ ฤทธิ์ของการทำในทุกอย่างจะเห็นได้ว่า ณ ปัจจุบันถึงเราทำโปรแกรมโบท็อกซ์เหมือนกันกับเพื่อน การคงอยู่ของสภาวะริ้วรอยต่างกันหมดเลย บางคนก็อยู่นานจังเลย 6 เดือนยังตึงอยู่เลยแต่เอ๊ะ เราทำไม 3 เดือนต้องไปฉีดอีกแล้ว เพราะว่าการใช้ชีวิตเนี่ยสำคัญ 

 

ยิ่งนอนดึกคอลลาเจนน้อยลง Growth Hormone น้อยลง ริ้วรอยก็เกิดง่ายขึ้น ยิ่งดื่มแอลกอฮอล์เยอะ ความเครียดเยอะ เม็ดสีที่เกิดขึ้นจากคอร์ติซอลเยอะ คนเป็นฝ้าเป็นได้แม้กระทั่งไม่เจอแดด แค่มีความเครียดก็เป็นฝ้าได้แล้ว 

 

ทาครีมที่ใบหน้าก็ซึมไม่เท่ากันแม้กระทั่งในวันที่นอนและไม่ได้นอน เราจะรู้ว่าในวันที่เราไม่ค่อยได้นอนความชุ่มชื้นของหน้ามันจะน้อย แต่งหน้าจะไม่ค่อยติด การทาครีมจะดูดซึมได้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับน้ำในผิว คอลลาเจนขึ้นอยู่กับความนุ่มการรับข้างใน ซึ่งความเครียดหรือแม้กระทั่งอาหารก็ส่งผลทั้งนั้น 

 

เพราะฉะนั้นถ้าเราจะดูแลให้ดี อย่ามองแต่ข้างนอกว่าเราไปทำเมื่อไรก็ได้ ควรที่จะดูแลคู่กันให้สิ่งที่เราประโคมเข้าไปเกิดผลดีที่สุดและสามารถอยู่กับเราได้ยาวนานที่สุด 

 

คอร์ติซอลก็เป็นอีกประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะ Cortisol Face ภาวะนี้มีลักษณะอย่างไร

 

หมอเพื่อน: ตามนิยามทางการแพทย์จะมีโรคที่ลักษณะคล้าย Cortisol Face เราเรียกว่า Cushing Syndrome คือโรคใบหน้าที่อ้วนฉุ อันนี้เป็นโรคที่มาจากการใช้สเตียรอยด์เยอะจนเกินไปค่ะ แต่คำว่า Cortisol Face คำนิยามที่เราพูดขึ้นมา มันมาจากช่วงที่ความเครียดของเราเพิ่มมากขึ้น ฮอร์โมนจะต้องพุ่งเวลาที่เรามีความเครียด เขาจะพุ่งมาเหมือนเวลาที่คนยกโอ่งได้ตอนไฟไหม้ คอร์ติซอลจะออกมาเพื่อสู้ แต่เผอิญเขาออกมามากเกินไป สู้ตลอดเวลา มันเครียดหมดเลยค่ะ 

 

พอคอร์ติซอลมาเยอะขึ้นเขาจะพาเพื่อนมาด้วย เพื่อนคือฮอร์โมนที่ชื่อว่าอัลโดสเตอโรน (Aldosterone) ซึ่งตัวนี้จะมีหน้าที่เก็บโซเดียมเข้า โซเดียมเยอะพาน้ำมาเยอะ เราเลยรู้สึกหน้าฉุ ตัวฉุ แต่ Cortisol Face จะหาย ไม่เป็นอยู่ตลอด พอความเครียดเฉียบพลันนี้หายไปเขาก็จะน้อยลงไปด้วย เขาอยู่ได้แบบในช่วงสั้นๆ วัน 2 วัน ในขณะที่ Cushing Face คือเป็นโรคไม่หาย  

 

ถ้าเราดูแลตัวเองโดยวิธีธรรมชาติ 100% เราสามารถที่จะดูหน้าเด็ก ดูอ่อนกว่าวัยได้ไหม

หมอเพื่อน: 100% ได้เลยค่ะ ก่อนที่เราจะไปในเรื่องของการดูแลตัวเองแบบ 100% ไปพึ่งอะไร เราต้องเข้าใจคำว่า Genetic กับ Epigenetic ก่อน Genetic คือสิ่งที่กรรมพันธุ์ให้ แล้วแต่เราจะได้รับมรดกอะไรบ้าง เบาหวาน ความดัน หน้าเด็กหน้าแก่จากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอันนี้เป็นแค่ 10% อีก 90% คือ Epigenetic ยีนส์ปลายเปิด แปลว่า ถึงเราได้รับมรดกเหล่านี้มา แต่เราไม่ไปไขกุญแจเปิดเอาออกมา เปิดมาแต่สิ่งดีๆ เราก็สุขภาพดีได้

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

อาจจะเทียบง่ายๆ เหมือนคนที่เป็นฝาแฝด ฝาแฝดนี่คือยีนส์เหมือนกันทุกอย่าง แต่หน้าแก่กับหน้าเด็กต่างกัน นั่นคือเรื่องการดูแลตัวเองแบบดี 100% การดูแลตัวเองที่แตกต่างแม้กระทั่งเจอแดด ไม่เจอแดด อาหารการกิน สูบบุหรี่กับไม่สูบบุหรี่ ความเอจจิ้งจะแตกต่างกันชัดเจน  

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

พูดถึงการกินดี เคยได้ยินว่าฮอร์โมนมีผลต่อการลดน้ำหนักด้วย นอกจากฮอร์โมนแล้วยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลด้วยอีกไหม 

 

หมอเพื่อน: เกี่ยวทั้งหมดเลยค่ะ นอกจากฮอร์โมนก็จะเป็นในเรื่องของระบบการย่อย การดูดซึม เช่น พยายามกินทุกอย่างดีแล้ว วิตามินดีแล้ว แต่ระบบการย่อยไม่สามารถนำเข้ามาใช้ตัวดีได้เลย อันนี้ก็เสียดาย 

 

นอกจากการลดน้ำหนักที่แบบคุมอาหารแล้วยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะเป็นในเรื่องของการนอน หลายคนมุ่งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย แต่นอนดึกมาก ยิ่งนอนดึก อดิโนเพคติน (Adiponectin) ตัวเบิร์นแฟตยิ่งไม่ออกมา ยิ่งนอนดึก กลางวันฮอร์โมนคุมหิวอิ่มที่ชื่อเลปติน (Leptin) ก็ไม่ออกมา ยิ่งนอนดึกยิ่งหิว ฉะนั้นมันก็เลยกลายเป็นกลไกที่เป็นปัจจัยสำหรับการลดน้ำหนัก มันคือบาลานซ์อย่างอื่นด้วย 

 

บางคนอาจจะไม่รู้ว่าจริงๆ ตัวเองเซนซิทีฟในการย่อยอาหารบางอย่าง เช่น ดื่มนมวัวมาตลอดชีวิต แต่ในช่วงอายุหนึ่งประมาณ 35 ขึ้นไปก็มีการย่อยและการดูดซึมที่เปลี่ยนไป แทนที่โมเลกุลจากการย่อยจะถูกนำมาใช้ในทางที่ดีก็กลายเป็นว่า มีความเป็นกรดเยอะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเคยคิดว่าดีกับสุขภาพ ก็อาจให้ผลที่ไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงวัย

 

ถ้าอยากเช็กว่าระบบการย่อยเราตอนนี้ อาหารที่เหมาะสมคืออะไร มันก็จะมีส่วนในการตรวจในเรื่องของภูมิแพ้อาหารแฝงเข้ามา ก็เป็นอีกอันที่ทำให้เราเข้าใจตัวเอง ณ ปัจจุบันว่าทำไมเราถึงขี้เกียจ แต่จริงๆ คือต่อมหมวกไตมันล้า (Burnout Syndrome) เราไม่ได้ขี้เกียจจริง (หัวเราะ) อันนี้ทุกคนเป็น 35 ขึ้นไปฮอร์โมนตกค่ะ ก็จะมีแบบตื่นเช้าไม่สดชื่น กลางคืนนอนหลับยาก คิดทุกสิ่งได้หลัง 4 ทุ่มขึ้นไป ตาสว่างปิ๊งปั๊ง แล้วก็กลางวันหิวจุกจิก น้ำตาลหล่นตลอด ต้องเติมตลอดวัน บ่ายๆ ง่วงเหงาหาวนอน เย็นเอาใหม่ไปปาร์ตี้ 

 

การรับมือกับปัญหาฮอร์โมนในแต่ละช่วงวัยมีวิธีเหมือนหรือต่างกันไหม

 

หมอเพื่อน: ต่างกันค่ะ คือถ้าในช่วงของวัยที่กำลังพีคเรื่องการทำงาน เรื่องของคอร์ติซอล เรื่องของ DHEA จะเป็นการต้องจัดการกับระบบความคิดแล้วก็ดูแลในเรื่องของไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ ความเครียดลดลง หรือทำสมาธิ อันนี้ก็จะมีช้อยส์หลากหลาย 

 

อีกอันหนึ่งก็ Dopamine Detox ปัจจุบันคือเราใช้ชีวิตโดยการให้ Dopamine ชู้ตตลอดเวลา หรือการทำในสิ่งที่เราชอบ มุ่งหาความสุขมากจนเกินพอดี จนทำให้เราเสพติด เริ่มดื้อ ต้องเติมอีกเรื่อยๆ ถ้ามันพุ่งสูงเกินไปก็จะทำให้เกิดภาวะไฮเปอร์ได้  

 

อันนี้เราก็จะต้องลด Dopamine ลงบ้าง อยู่กับสิ่งที่นิ่งหรือทำอะไรที่เป็นกิจกรรม ที่ไม่อยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบตลอดเวลา เบรกสมองไม่ต้องคิดเยอะ ฟังเพลง โฟกัสอยู่กับสิ่งตรงหน้าประมาณ 15 นาทีต่อวันก็ได้ 

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่า Dopamine Detox คือการต้องไปทำสิ่งที่ไม่ชอบ 

 

หมอเพื่อน: สิ่งที่ต้องระวังคือถ้าเราฟาสต์เยอะจนเกินไป เช่น เราจะไม่จับมือถือ 7 วัน อันนี้มันจะให้ผลกลับกันละ จะกลายเป็น Depressed แทน เพราะฉะนั้นแนะนำว่าค่อยๆ ลด ไม่ตัดฉับไปเลยทีเดียว 

 

พูดถึงการทำกิจกรรมที่ช่วยฮีลกายใจ ในยุคนี้การทำ Biohacking อย่าง Ice Bath หรือ Sound Healing ก็มาแรงเหมือนกัน คุณหมอคิดอย่างไร  

 

หมอเพื่อน: Ice Bath เป็นวิถีของการสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่มีเทคโนโลยีใดๆ เลย ร่างกายเราตั้งแต่คอลงไปข้างล่างอยู่ ข้างในอุณหภูมิของน้ำประมาณ 10-20 องศาเซลเซียส ระยะเวลามันมี Short กับ Long ถ้าเกิน 5 นาทีคือ Long ในช่วงเวลาประมาณ 30 วินาทีแรกหัวใจจะเต้นเร็ว ระบบประสาทตื่นตัว คอร์ติซอลขึ้น ช่วงนั้นเขาจะช่วยในเรื่องของเซลล์ภูมิคุ้มกันร่างกายที่เรียกว่า Lymphocytes เม็ดเลือดขาวที่จะไปต่อต้านเชื้อโรคให้ทำงานดีขึ้น ลดการอักเสบของร่างกายที่ชื่อ Tumor Necrosis Factor alpha (TNF-α) แค่นั่งแช่ 30 วินาที เท่านั้นเอง 

 

ถ้าใครต่อได้ไปแบบ 5 นาที 15 นาที เขาก็จะมีผลด้านอื่นด้วย เช่น เบิร์นแฟต (Brown Fat Tissue) แต่คนที่อาจจะต้องระวังคือคนที่มีเรื่องความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว เพราะมันจะยิ่งทำให้ความดันเยอะขึ้น คนที่เป็นโรคหัวใจ คนที่เปลี่ยนอุณหภูมิเฉียบพลันแล้วเขาอาจจะไม่ถนัด  

 

ส่วน Sound Healing, Intermittent Fasting ดีหมด การฟังเพลงก็ทำให้ภูมิคุ้มกันดีได้ ถ้าเราฟังคลาสสิก เผอิญงานวิจัยมีแค่ Mozart แต่ Beethoven ไม่เกิดภูมิคุ้มกัน สงสาร Beethoven มาก (หัวเราะ) อันนี้ช่วยทำให้สารอักเสบลดลง พอเด็กฟังเพลง IQ ก็เพิ่มได้ Jazz ก็สามารถทำให้เม็ดเลือดขาวกลุ่ม CD4 CD8 เพิ่มมากขึ้นได้ แต่อย่างน้อยต้อง 15 นาทีนะคะ 

 

การใช้ชีวิตคนปัจจุบันมีหลากหลายวิธีในการสร้างภูมิคุ้มกันเยอะมาก แต่สุขภาพของเราในอนาคตในเรื่องของภูมิคุ้มกัน ‘ลำไส้’ จะเป็น อวัยวะที่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้มากที่สุด 

 

เห็นคุณหมอเพื่อนเคยพูดว่า ลำไส้คือสมองที่ 2 ของมนุษย์ 

 

หมอเพื่อน: หน้าที่หลักของลำไส้คือการถ่ายเอาของเสียออกมา แต่จริงๆ คือเขาสามารถสร้างเคมีในสมองได้เหมือนกับที่สมองสร้างเลย Dopamine ที่สมองสร้าง ลำไส้ก็สร้างได้ ลำไส้เราจะมี Enteric Nervous System โครงสร้างสมองของลำไส้ที่บีบตัวโดยไม่มีใครมาสั่งเขาได้ เวลาที่เราคิด เวลาที่เรารู้สึกเครียด ลำไส้เราก็จะเริ่มแปรปรวน เราจะเริ่มรู้สึกมวนท้อง เครียดลงกระเพาะ นั่นแหละค่ะคือความเชื่อมต่อระหว่างสมองกับลำไส้ เราเรียกว่า Gut-brain Axis

 

ณ ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นไป สิ่งที่คุณต้องหันกลับมาดูตัวเองคือ Gut Microbiome จุลินทรีย์ในลำไส้ และจุลินทรีย์ทั้งหมดในร่างกาย ตอนที่เราอยู่ข้างในท้องของคุณแม่ จุลินทรีย์เราคือศูนย์ แต่พอหายใจออกมาได้ 2 ชั่วโมงแรกเรามี 10,000 ล้านตัวแล้ว 10,000 ล้านตัวนั้นมาจากน้ำนมคุณ แม่ อากาศที่หายใจ 

 

คนแรกที่ผ่าคลอดทางช่องท้องกับผ่าคลอดทางช่องคลอดก็เลยเกิดภูมิไม่เหมือนกัน ฉะนั้นตั้งแต่หนึ่งสัปดาห์ที่เกิด เราจะมีจุลินทรีย์ดี 100 ล้านล้านตัวเท่ากัน จนถึงตอนนี้ แต่มากน้อยขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตค่ะ เครียดเยอะก็หายไป PM2.5 อาหารที่กิน ชีสเยอะเป็นอีกแบบ Plant-based เป็นอีกแบบ ไม่เหมือนกันเลย  

 

วิตามินที่เราบอกว่ามนุษย์สามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง ผิดค่ะ ถ้าเราไม่มีจุลินทรีย์ในลำไส้ที่จะช่วยสร้างวิตามิน เราไม่สามารถสร้าง Folic Acid แล้วก็วิตามินบีต่างๆ ที่ลำไส้ของเราได้  

 

ผิวหนังจะดีไม่ดีก็อยู่ที่ลำไส้ กิน Daily product หรืออาหารที่มีแฟตเยอะ การอักเสบขึ้นเยอะในลำไส้ ก็ส่งผลให้จะสะเก็ดเงินเกิดขึ้นมาก ทั้งเม็ดสี ทั้งคอลลาเจน ทั้งความชุ่มชื้นผิว เป็นผื่นแพ้ง่าย แม้กระทั่งผมร่วงเป็นหย่อมก็ขึ้นอยู่กับอาหารที่เรากินเข้าไป 

 

ในเรื่องของมะเร็งต่อให้เรากินอาหารดีแค่ไหน ก็อยู่ที่จุลินทรีย์ตัวดีมีเยอะพอหรือเปล่า นอนดีไม่ดี อารมณ์ดีไม่ดี ก็อยู่ที่ลำไส้ เพราะการนอนคือต้องสั่งการโดย Serotonin ให้หลับดี ซึ่งสร้างจากลำไส้

 

ก็มีหลากหลายการรักษาของต่างประเทศที่ให้โพรไบโอติกส์ไปในคนที่มีเรื่องสมาธิสั้น ซึมเศร้า ซึ่งในอนาคตประเทศไทยก็คงจะมีหลากหลายวิชา สาขาที่เราเน้นในเรื่องของการรักษาคนไข้ด้วยการใช้โพรไบโอติกส์มากขึ้น

3 ปีที่แล้วที่พูดในคลิปเรื่องของสมดุลลำไส้ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักเลยนะคะ แต่ตอนนี้ทุกคนพูดถึง ดีใจมาก เขาถึงพูดกันว่าถ้างามจากไส้ คือโชคดีมาก

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

นี่คือที่มาของคำว่างามไส้นั่นเอง

 

หมอเพื่อน: ใช่ อุจจาระของคุณต้องเป็นกล้วยหอมทองขนาดประมาณ 200-300 กรัม ออกมาต้องเป็นเหมือนนักกระโดดน้ำชั้นยอด น้ำจะต้องไม่กระเซ็นขึ้นมา กึ่งจมกึ่งลอย นั่นคือคุณสุขภาพดีจากไส้ของแท้

 

คนที่กินผัก ดื่มน้ำครบ แต่ยังมีปัญหาท้องผูกเป็นเพราะเรื่องสมดุลจุลินทรีย์ด้วยไหม

 

หมอเพื่อน: ลำไส้มีส่วนมากๆ แต่คือเรื่องของการขับถ่ายเป็นอะไรต้องอาศัย ปัจจัยแวดล้อมมหาศาล น้ำต้องถึง ไฟเบอร์ต้องถึง อาหารเช้าก็สำคัญ แล้วก็เมตาบอลิซึม ผู้หญิงมักจะเผาผลาญช้า ไทรอยด์ต่ำ การเผาผลาญช้า ก็จะทำให้การบีบตัวของลำไส้ช้าไปด้วย การออกกำลังกายก็สำคัญ คาร์ดิโอเป็นการจูนเมตาบอลิซึมให้ไทรอยด์ทำงานดียิ่งขึ้น เวตเทรนนิ่งและการเพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องก็จะช่วยเพิ่มแรงดันเวลาที่เราจะต้องบีบตัวเอาอุจจาระออกไป 

 

แต่ตัวที่จะช่วยก็จะมีในเรื่องของโพรไบโอติกส์ สายพันธุ์ที่ถูกวิจัยมาเพื่อช่วยในเรื่องของระบบลำไส้ โดยเฉพาะก็จะมีแลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (Lactobacillus acidophilus) และ บิฟิโดแบคทีเรียมแล็กทิส (B. lactis HN019) จะมี 2 ตัวหลักที่ได้รับรองโดย WHO ว่าสามารถช่วยกระตุ้นระบบการเคลื่อนตัวของลำไส้ให้ขับถ่ายได้ดี  

 

ทีนี้ลำไส้มันต้องดูตั้งแต่อาหารเช่นเดียวกัน อาหารที่สร้างจุลินทรีย์ตัวดีได้ ก็ยังคงเป็น Plant-based Diet เหมือนเดิมนะคะ ถ้าเป็นกลุ่มที่แปรรูปเยอะ จะมีแบคทีเรียตัวไม่ดีเกิดขึ้นเยอะมาก แล้วถ้าออกกำลังกายจะมีแบคทีเรียตัวดีที่ชื่อแอคติโนมัยโคซิส (Actinomycosis) จุลินทรีย์ตัวนี้จะมาเพื่อช่วยเบิร์นแฟตโดยเฉพาะ ลดไขมันพอกตับ 

 

ถ้านอนน้อยในช่วงหนึ่งก็จะทำให้จุลินทรีย์ตัวดีลดลงเช่นเดียวกัน การสูบบุหรี่ ถ้าคุณหยุดสูบแค่วันเดียวถึงคุณจะสูบมาเป็น 10 ปี จุลินทรีย์ในลำไส้กลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนสูบ 

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

การจะเพิ่มจุลินทรีย์ที่ดีอย่างง่ายๆ ก็คือเรื่องอาหารเป็นหลัก?

 

หมอเพื่อน: ใช่ เราต้องเติมโดยธรรมชาติวันละ 10,000 ล้านตัว เพราะว่ามันจะหายไปหมดตามการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์นั้น นัตโตะได้เยอะที่สุดถ้วยหนึ่งได้ 10,000 ล้านตัวเต็มๆ  ถ้าเป็นโยเกิร์ตต้องเป็นเฟรชโยเกิร์ตที่ไม่ใส่น้ำตาลหรือว่าผลไม้หวาน เพราะผลไม้หวานก็ทำให้จุลินทรีย์ตายได้ ถ้าตามขบวนการที่ผ่านการแพ็กกิ้งและใส่น้ำตาลก็จะเหลือไม่ถึง 10,000 ล้านตัวแล้ว

 

ถ้าเป็นกรีกโยเกิร์ตตามซูเปอร์มาร์เก็ต? 

 

หมอเพื่อน: ก็จะยังได้มากกว่าเพราะไม่มีน้ำตาลเข้ามา ผ่านกรรมวิธีในการที่จะทำขึ้นรูปน้อยกว่าอันอื่น อื่นๆ ก็จะมีคอมบูชา กิมจิ เทมเป้ ได้หมดเลย 

 

มีข้อถกเถียงว่ากิมจิซึ่งเป็นของหมักดอง อาจเสี่ยงต่อเนื้องอกหรือมะเร็ง เรื่องนี้จริงไหม

 

หมอเพื่อน: เรื่องการดองก็เป็นอีกอันสำหรับคนที่ต้องระมัดระวัง เช่น คนที่อาจจะมีกรรมพันธุ์ในเรื่องติ่งเนื้องอก หรือมะเร็งลำไส้ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ถ้าโดยทั่วไปการที่หมักดองเยอะๆ แล้วจะทำให้เกิดโรคมันจะเป็นในโซนอื่นๆ มากกว่า เช่น การหมักที่ไม่ได้จุลินทรีย์ตัวดี มีสารปนเปื้อน

 

เรื่องจุลินทรีย์เป็นความสนุกของโลกหน้า มันจะมีชื่อเฉพาะอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งการรักษาที่ดีคือการนำอุจจาระมาดูว่า จุลินทรีย์ตัวดีตัวร้ายของเราชื่ออะไรบ้าง แล้วนำมาทำ Personalized Probiotic ตามสิ่งที่ตรวจ 

 

ที่พญาไท 2 Premier Life Center ของเราก็มีทำแล้วซึ่งถือเป็นที่เดียวในประเทศไทยที่ทำได้ และอนาคตเราก็กำลังจะทำอีก คือนำอุจจาระของคนสุขภาพดีมาสกัดเป็นแคปซูลที่น่ารัก ไม่มีกลิ่นใดๆ เพราะผ่านกระบวนการเรียบร้อยแล้ว มารักษาคนสุขภาพไม่ดีในโรคต่างๆ ซึ่ง 2018 Harvard ทำได้แล้วค่ะ เดี๋ยวเราจะเป็นเจเนอเรชันต่อไปที่ทำ

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

สรุปแล้วโพรไบโอติกส์เป็นสิ่งจำเป็นไหม  

 

หมอเพื่อน: จำเป็นค่ะ สำคัญที่สุดในอนาคตและโลกหน้า ในอนาคตเราจะได้ยินคำว่า Gut Microbiome เพื่อนผ่องสุขภาพที่ดีของเขาที่จะอยู่ทั้งพรีไบโอติกส์ อาหารของจุลินทรีย์ตัวดี โพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ตัวดี และโพสต์โพรไบโอติกส์ สิ่งที่จุลินทรีย์ตัวดีสร้างไว้ให้เราก่อนจะจากไป ทั้งหมดนี้รวมตัวกันเป็น Gut Microbiome ซึ่งอนาคตจะมีส่วนช่วยเรามากๆ ในเรื่องของสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซึมเศร้า มู้ด กระเพาะอาหาร ฯลฯ สิ่งนี้มันจะเป็นออปชันของคนรัก สุขภาพโดยไม่ใช้ยาแต่กลับมาดูสมดุลลำไส้เอง

 

การกินโพรไบโอติกส์ควรมีการเว้นระยะไหม

 

หมอเพื่อน: ควรมี การที่เราต้องได้รับซ้ำๆ มันก็จะทำให้จุลินทรีย์ในร่างกายมีแต่ตัวเดิมจนเกินไป การมีตัวเดิมที่เยอะเกินไปก็ไม่สมดุลอีก โดยปกติถ้าจะกินโพรไบโอติกส์ก็อยู่ที่ประมาณ 1-3 เดือน แล้วเราเปลี่ยนยี่ห้อ เปลี่ยนชนิดโยเกิร์ต หรือถ้าไม่เปลี่ยนก็หยุดการกินแล้วค่อยกลับมากินตัวเดิมในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า

 

คุณหมอคิดอย่างไรกับการสวนล้างลำไส้

 

หมอเพื่อน: ถ้าโดยหลักการแพทย์ปัจจุบัน สวนล้างลำไส้เรายังมีไว้เพื่อก่อนที่จะส่องกล้องเพื่อเคลียร์ระบบลำไส้ แต่ว่าถ้าในหลักของการรักษาของสมัยดั้งเดิมที่เขาสวนล้างเพื่อเกิดการดีท็อกซ์อะไรเกิดขึ้นในยุคปัจจุบันยังไม่ได้มีการรองรับ ณ ตรงนั้นสักเท่าไร  

 

สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นดูแลสุขภาพจากภายในแบบสบายกระเป๋า ควรจะลงทุนกับอะไรเป็นสิ่งแรก 

 

หมอเพื่อน: จริงๆ ถ้าไม่ใช้งบอะไรเลยคือกลับมาแค่นอนให้ดี ออกกำลังกายเพื่อสร้าง Growth Hormone หน่อย ปรับไดเอตให้ไม่เกิดอาการอักเสบ หรือในเรื่องของฮอร์โมนความสุข ความเครียดที่จะมาจากการแค่เปลี่ยนคลื่นสมองจาก Beta ให้เป็น Alpha ด้วยการฟังเพลง นี่คือยาที่คุณสร้างได้จากสุขภาพภายในเลย 

 

แต่ถ้าจะต้องลงทุนอีกสักนิดก็คงแนะนำให้รู้สภาวะร่างกายในตอนนี้ว่า สมดุลฮอร์โมนเป็นอย่างไร ตรวจวิตามินขอหนึ่งตัว วิตามิน D คือดีสมชื่อ บอกได้ถึงภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมน อารมณ์ กระดูก ค่าอักเสบ CRP อันนี้เป็นงบประมาณในการตรวจเล็กๆ ที่สามารถดูได้ในระดับลึก  

 

ทิ้งท้ายเคล็ดลับการดูแลสุขภาพสำหรับคนยุคใหม่

หมอเพื่อน: คงต้องใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้นนะคะ เพราะว่าทุกวันนี้เราเจอกับสิ่งที่ยุคก่อนไม่เคยเจอ โควิดก็ไม่เคยมีมาก่อน ต่อให้อีก 300 ปีย้อนกลับไปก็ไม่เคยเจอ และเรากำลังจะเจอโมเลกุลของการติดเชื้อที่ต่างโมเลกุลและกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของการดูแลสุขภาพของคนยุคนี้คือ ‘ภูมิคุ้มกัน’ 

 

PM2.5 ที่มาเยอะขึ้นทุกคนจะคิดว่าตัวเองเป็นไซนัส เป็นภูมิแพ้ แต่จริงๆ จุดเริ่มต้นมันมาจากมลพิษอากาศที่เราหายใจแล้วทำให้เราเป็นสิ่งต่างๆ ที่เราไม่เคยเป็น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดของคนยุคปัจจุบันที่ต้องสู้ เพื่อมีชีวิตไปถึงมองลูกหลานได้คือ สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

 

แต่ถ้าดูแลแบบธรรมดาให้ชีวิตยืนยาวก็ตากแดดค่ะ ให้ได้วิตามิน D ช่วง PM2.5 ก็ตากในบ้าน ลดอาหารน้ำตาลเยอะ แปรรูปเยอะ นอนในช่วงก่อน 5 ทุ่ม ถ้าทำได้คุณจะได้นาฬิกาชีวิตที่ผลิตฮอร์โมนที่ดีกลับคืนมา อันนี้คือธรรมชาติที่คุณสร้างได้ อย่าลืมฟังเพลงบ้าง ลดความเครียดทำสมาธิ นี่ก็เป็นยาที่ดีที่สุดที่ทำได้ 

 

ถ้าดูแลในระดับลึก แน่นอนว่าดูในเรื่องของ NK Cell ฮอร์โมนบาลานซ์ไหม วิตามินถึงหรือเปล่า หรือถ้าอยากรีเช็กสุขภาพให้ละเอียดให้ไม่ป่วยในอนาคตก็มาเช็กที่ Premier Life Center ได้ค่ะ

 

หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ว. 40965)

 

Premier Life Center

Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-16.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-12.00 น.

Address: โรงพยาบาลพญาไท 2 ชั้น 8 อาคาร B

Tel.: 0 2617 2444 ต่อ 3857

Website: www.premierlife-center.com  

Instagram:  

Facebook: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising