จากร้านอาหารสไตล์กรีกย่านศาลาแดงที่เลื่องลือเรื่องความสนุกสนานกับปาร์ตี้โยนจาน แถมยังเป็นร้านอาหารกรีกหนึ่งเดียวที่อยู่ใน MICHELIN Guide กรุงเทพฯ วันนี้ Aesops (อีสป) ยกระดับประสบการณ์แห่งการสังสรรค์สู่ทำเลใหม่ใจกลางสุขุมวิท ณ ชั้น 25 ของโรงแรม Column Bangkok ภายใต้ชื่อร้านคอนเซปต์ใหม่ ‘Aesops Greek Restaurant & Rooftop’ ใช่แล้ว! นี่คือเมืองมิโคนอสบนรูฟท็อปที่ยิ่งใหญ่และตระการตากว่าเดิมในทุกมิติ
The Vibe
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกแล้วหันมาเจอกับทางเข้าร้านอาหารก็เป็นต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายอย่างอัตโนมัติ แค่เห็นหน้าประตูทางเข้าและผู้คนที่แต่งตัวสไตล์เทพเจ้ากรีกพร้อมเครื่องหัวระยิบระยับอยู่ไกลๆ ก็สัมผัสได้ถึงไวบ์ความสนุกที่รออยู่แล้ว ระหว่างโถงทางเดินก็จะเห็นชื่อเหล่าทวยเทพกรีกคั่นด้วยกระจกตลอดทาง เรียกว่าได้มุมถ่ายรูปตั้งแต่ทางเข้า พอก้าวเข้าสู่โซนห้องอาหารก็เป็นต้องเซอร์ไพรส์กับการตกแต่งที่อลังการกว่าที่คิด!
สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ ศาลาสูง 4 เมตรที่เปรียบเสมือนจุดรวมพลให้ผู้ที่มาเยือนได้พบปะสังสรรค์และร่วมพูดคุยกันตามคอนเซปต์โซเชียลไดนิ่ง อันเป็นหัวใจสำคัญของ Aesops
หากสังเกตตรงผนังจะเห็นภาพของทวยเทพแห่งกรีกถือกล้องเซลฟีพร้อมสัญลักษณ์หัวใจปุ่มไลก์ของ Instagram ซึ่งจุดนี้เป็นความตั้งใจของทางร้านที่จะถ่ายทอดเมืองโบราณแห่งเอเธนส์ในแบบฉบับที่สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน ด้วยการนำสิ่งที่คนยุคก่อนนับถือบูชามาเบลนด์อินกับสิ่งที่สังคมปัจจุบันส่วนใหญ่บูชา ให้ค่า และเทิดทูน ฟังดูเสียดสีหน่อยๆ แต่ถือว่าเป็นคอนเซปต์ที่ค่อนข้างครีเอทีฟเลยทีเดียว
อีกไฮไลต์ของร้านคือ โต๊ะอาหารหินอ่อนขนาดใหญ่ที่มีความยาว 8 เมตรใจกลางร้าน ซึ่งเหนือโต๊ะมีบัลลังก์ห้อยอยู่ เหมือนเป็นฮินต์ให้รู้ว่าเราจะได้ชมโชว์กายกรรมโลดโผนในอีกไม่ช้า
เหลือบมองไปด้านข้างก็จะเห็นรูปปั้นของเทพเจ้าเซอุสเหนือบูธดีเจที่จะคอยปกครองให้แขกทุกคน Have Fun กับปาร์ตี้อย่างเต็มที่
หากใครที่ต้องการจัดปาร์ตี้แบบส่วนตัวก็ยังสามารถจองเป็นห้องกึ่งไพรเวตวิวดีที่มองเห็นสเตจกลางร้านได้เช่นกัน โดยสามารถรองรับแขกได้สูงสุดถึง 25 คน
ส่วนโซนด้านนอกเป็นระเบียงรูฟท็อปที่เสิร์ฟวิวพาโนรามิกของสวนเบญจกิติอันเขียวขจี ให้สายปาร์ตี้ได้มาจิบดริงก์ดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดชิลได้อย่างเต็มที่ รวมแล้วพื้นที่ร้านที่ใหญ่กว่าเดิมนี้สามารถรองรับแขกได้สูงสุดถึง 250 คนเลยทีเดียว
The Taste
นอกจากตัวร้านที่ถูกยกระดับแล้ว ในส่วนของอาหารก็ถูกยกระดับด้วยเช่นกัน เริ่มจากเมนูที่มองไปโต๊ะไหนก็ต้องสั่งอย่าง Greek Dips Meze Tower (890 บาท) ขนมปังและดิปโฮมเมดสไตล์กรีกที่จิ้มกินด้วยกันแล้วบอกได้แค่ว่าเด็ด! เหมาะจะเป็นจานเรียกน้ำย่อยอย่างยิ่ง
ดิปที่เสิร์ฟมาจะยังคงมี Tzatziki กรีกโยเกิร์ตผสมแตงกวาท็อปด้วยสมุนไพรที่กินด้วยกันแล้วยิ่งหอมอบอวลในปาก Spicy Feta ดิปเฟตาชีสแบบเผ็ดสไตล์กรีกที่เหมาะกับแผ่นแป้งพิต้าอบสดสุดๆ
White Tarama ดิปไข่ปลาคอดรสเค็มมัน เพลินปาก Fava with Truffle Oil ฮัมมูสจากถั่วลูกไก่ที่เนื้อเนียนนุ่ม หอมทรัฟเฟิลออยล์
ยังคงคอนเซปต์สุดตื่นตาตอนเสิร์ฟไม่เปลี่ยนกับ Flaming Cheese ‘Saganaki’ (650 บาท) ชีสนมแพะและแกะย่างที่มาพร้อมการจุดไฟโชว์และตะโกนคำว่า “Opa” ที่ฟังผ่านๆ ก็คล้ายการเรียกโอปป้าแบบในซีรีส์เกาหลี แล้วตามด้วยการโยนจานลงพื้นตามธรรมเนียมแห่งการเฉลิมฉลอง
ความเด็ดของจานนี้คือการราดน้ำผึ้งและบรั่นดีลงชีส ซึ่งตัดรสชาติความเค็มเข้มข้นของตัวชีสได้เป็นอย่างดี สายชีสยังไงก็ต้องสั่ง
เพิ่มความสดชื่นกันต่อกับ Greek Salad (400 บาท) ที่ขอเรียกว่าเป็นจานรวมมิตรผักสด เพราะมันสด กรอบ อร่อยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศชิ้นโต แตงกวา มะกอก เฟตาชีส และหอมใหญ่ ราดด้วยน้ำมันมะกอกคุณภาพพรีเมียมนำเข้าจากกรีซ
ระหว่างที่กำลังเอ็นจอยกับอาหารก็ต้องขอเพิ่มอรรถรสกับค็อกเทลของที่นี่ไปด้วยหน่อย การคัมแบ็กครั้งนี้ทางร้านได้มีการจับมือกับกลุ่มมิกโซโลจิสต์มากฝีมือ GAG Project เพื่อนำเสนอเมนูค็อกเทลใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากเทพเจ้ากรีกรวมถึงทวิสต์เมนูคลาสสิกให้มีมิติมากขึ้น และที่สำคัญคือ ‘เหล้าถึงทุกแก้ว’
Dionisius Sangria (400 บาท) เบสเป็นเหล้าคอนยัคเพิ่มความหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศ รสชาติหวานติดขมเล็กๆ จากเวอร์มุธและไวต์ไวน์เบลนด์ ถ้าเป็นสายค็อกเทลเบสไวน์เชื่อเถอะว่าจะตกหลุมรักแก้วนี้ด้วยรสชาติที่ดื่มง่าย หอมหวานแบบฉบับ Sangria
ถ้าใครชอบเบสจินและไม่ชอบดริงก์ที่รสหวานมากจนเกินไป แนะนำ Zeus (400 บาท) นอกจากจินแล้วยังมีบรั่นดีจากแอปเปิ้ล Calvados และความหอมหวานจากแอปเปิ้ลพิงก์เลดี้ เป็นแก้วที่จิบได้เรื่อยๆ
ถ้าใครอยากลองรสชาติที่เข้าถึงความเป็นกรีกมากขึ้น แนะนำ Medusa (420 บาท) เพราะแก้วนี้มีส่วนผสมของกรีกโยเกิร์ตและแตงกวา เบสด้วยเตกีลาและเหล้าส้ม ถือเป็นแก้วที่รสชาติค่อนข้างยูนีก แต่ยังคงความบาลานซ์อยู่
ลิสต์ดริงก์ในร้านก็ว่าเยอะแล้ว แต่ถ้าใครอยากสั่งเมนูค็อกเทลจากโซนระเบียงด้านนอกเข้ามาในร้านก็ทำได้เช่นกัน ใช่แล้ว! ที่นี่มีทั้งเมนูอาหารและดริงก์สำหรับโซนเอาต์ดอร์แยกอีกต่างหาก
นอกจากค็อกเทลแล้วที่นี่ก็ยังมีไวน์นำเข้าจากกรีซด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันจะมีไวน์ขาว 4 ตัว ไวน์แดง 3 ตัว และสปาร์กลิง 1 ตัวที่นำเข้าจากกรีซ และจะมีแพลนนำเข้าอีกในอนาคต
อุ่นเครื่องกันไปเบาๆ แล้วก็พร้อมลุยต่อกับความอร่อยจานต่อไปที่เขยิบมาเป็นอาหารทะเลกันบ้าง เริ่มที่ Octopus (990 บาท) หนวดปลาหมึกยักษ์ย่างในรูปแบบ Meze หรือทาปาสสไตล์กรีก ที่มาพร้อมสลัดยี่หร่า แอปเปิ้ลไซเดอร์ และน้ำมันมะกอก ตัวเนื้อปลาหมึกจานนี้อาจต้องใช้เวลาเคี้ยวหน่อยหนึ่ง แต่รสชาติเข้ากันได้ดีกับสลัดที่เสิร์ฟมาด้วย
สำหรับใครที่ชอบซาชิมิ แนะนำเป็น Hamachi (550 บาท) ปรุงรสด้วยแอปเปิ้ลไซเดอร์ พาสลีย์ กระเทียม และพริกไทยชมพู เนื้อปลาค่อนข้างสดเลยทีเดียว ใครอยากกินอะไรเบาๆ จะสั่งเป็นจานนี้แกล้มกับดริงก์สักแก้วก็ได้
ส่วนสายพาสต้าบอกเลยว่าห้ามพลาดจานนี้ Fettuccini Prawn Ragu (750 บาท) ยกให้เป็นจานติดดาวแห่งค่ำคืน เฟตตูชินีเนื้อกุ้งสับสดๆ และซอสรากูที่รสชาติกลมกล่อม หอมมันนัว ยิ่งกินกับกุ้งที่เสิร์ฟมาด้วยแล้วคือฟิน
อีกจานไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดที่ Aesops คือ 12 Hour Lamb ‘Kleftiko’ (1,450 บาท) เนื้อแกะคลีฟติโกที่ใช้เวลาตุ๋นนานกว่า 12 ชั่วโมง และขึ้นชื่อว่าจานไฮไลต์ เวลาเสิร์ฟก็จะไม่ธรรมดา จานแกะถูกรมควันมาในกล่อง ก่อนจะเสิร์ฟพร้อมการโยนจานอีกครั้ง
ใครที่ไม่ชอบกินแกะเพราะกลิ่นแรง อยากบอกว่าของที่นี่ปรุงออกมาได้ดีมาก ทั้งรูป รส และกลิ่น รวมถึงเนื้อสัมผัสที่ทำออกมาได้ฉ่ำ นุ่ม กินกับซอสที่เสิร์ฟมาด้วยยิ่งอร่อย
Mix Grill (1,250 บาท) หากใครไม่กินแกะจริงๆ ที่นี่ก็มีเมนูย่างที่รวมทั้งไก่ หมู และมีตบอล ไว้ด้วยกัน ซึ่งแต่ละชิ้นหมักเครื่องเทศสไตล์กรีกมาได้ทั่วถึง กินกับดิปที่เสิร์ฟมาให้อร่อยเหมือนเดิม
ขณะที่กำลังเอ็นจอยกับอาหาร จู่ๆ ไฟในร้านก็ถูกหรี่ลงพร้อมเสียงของชายคนหนึ่งที่ดังขึ้น เมื่อหันหน้าไปยังโต๊ะหรือจะเรียกว่าเป็นเวทีกลางร้านก็ได้ ก็พบว่า จอห์นกำลังขึ้นกล่าวต้อนรับลูกค้าในร้าน พร้อมนำทุกคนเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความหรรษาของ Aesops ด้วยการเคานต์ดาวน์ ลองแหงนดูนาฬิกาบนข้อมือก็พบว่าเป็นเวลา 21.00 น. พอดิบพอดี พอหันมามองยังโต๊ะที่เรานั่งกันอยู่ก็พบว่ามีจานกระเบื้องมาเสิร์ฟเรียบร้อย เมื่อสิ้นสุดการนับ 3 2 1 ทุกคนในร้านพากันปาจานลงพื้นพร้อมตะโกนคำว่า “Opa”
หลังจากนั้นเราก็เหมือนได้เข้าสู่โลกใหม่ของ Aesops ไปโดยทันที ทั้งการแสดงไฟสุดตระการตา การแสดงกายกรรมสุดโลดโผนบนเวที เพลงไนต์คลับสุดคึกคักที่รู้ตัวอีกทีลูกค้าในร้านทุกคนก็ลุกขึ้นมาเต้นกันหมด แถมยังขึ้นไปโชว์ลีลากายกรรมห้อยโหนอีกต่างหาก พูดได้เต็มปากเลยว่าลูกค้าในร้านนี้มีของจริงๆ
ส่วนใครที่ยังไม่พร้อมลุกไปปาร์ตี้ ขอเอ็นจอยกับอาหารตรงหน้าก่อนสักนิดก็ทำได้ ไม่มีปัญหา เหมือนกับเราที่กดปุ่มสวิตช์กระเพาะสำหรับของหวานอย่าง Choco Flame (400 บาท) ไอศกรีมเสิร์ฟพร้อมผลไม้ตระกูลเบอร์รีและส้ม โดยสิ่งที่ถูกราดไปบนเปลือกช็อกโกแลตก็คือเหล้าส้ม กินด้วยกันแล้วจะได้ความหอมติดขมเล็กๆ ตัดรสหวานของไอศกรีมได้เป็นอย่างดี
Coffee Mousse (400 บาท) ถ้าคุณเป็นทีรามิสุเลิฟเวอร์บอกได้แค่ว่าฟิน! ภายใต้ครีมละมุน นุ่ม หอมกาแฟ ที่เห็นนี้มีขุมทรัพย์เป็นช็อกโกแลตผสมกาแฟกรีก เท็กซ์เจอร์หนึบหนับที่พอตักกินด้วยกันแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ
Good For
วันที่อยากอาหารกรีก วันที่อยากปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อน หรือมีฉลองวาระสำคัญในบรรยากาศสุดคึกคักเหมือนได้อยู่ต่างประเทศ Aesops คือใช่ ที่นี่จะมีดีเจทุกวันพฤหัสบดี-เสาร์ และโชว์กายกรรมทุกวันศุกร์-เสาร์ หากใครไม่มีเพื่อนมาด้วยก็มาได้ เชื่อเถอะว่าคุณจะได้เพื่อนใหม่กลับไปเพียบ
Aesops (อีสป)
Open: เปิดทุกวัน เวลา 17.00-00.00 น.
Address: ชั้น 25 โรงแรม Column Bangkok สุขุมวิท ซอย 16
Instagram: https://www.instagram.com/aesopsbkk/
Facebook: https://www.facebook.com/aesopsbangkok
Website: www.aesopsbangkok.com
Tel: 06 2567 7751
Budget: อาหารเริ่มต้นที่ 250 บาท, ค็อกเทลเริ่มต้นที่ 390 บาท