“อยากสุขภาพดี ต้องออกกำลังกาย”
เราทุกคนคงได้ยินคำแนะนำในการดูแลสุขภาพข้อนี้จนชินหู แต่หลายต่อหลายครั้งไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบและวุ่นวายในปัจจุบัน ก็ทำให้เราหมดแรงก่อนที่จะเริ่มลงมือทำเสียด้วยซ้ำ แล้วพอจะเริ่มลงมือทำก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันดูยากไปหมด
ล่าสุดเรามีโอกาสได้เข้าร่วมงานเปิดตัวหนังสือ Health Brings Wealth ฉบับภาษาไทยโดย BDMS Wellness Clinic ซึ่งเป็นหนังสือที่จะช่วยปลดล็อกเทคนิคการดูแลสุขภาพที่เขียนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึง 4 ท่านด้วยกัน ได้แก่ ศ.นพ.จีรี ดโวชัค ศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยา ความผิดปกติของกระดูกสันหลัง และอาการบาดเจ็บทางการกีฬา, นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ (หมอแอมป์) ประธานคณะผู้บริหาร BDMS Wellness Clinic และ BDMS Wellness Resort แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน (Preventive Medicine) และเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine), ศ.นพ.คีธ แอล. แบล็ค ศัลยแพทย์ระบบประสาทและนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงแห่งศูนย์การแพทย์ซีดาร์-ไซไนน์ และ ศ.นพ.เซอร์จิโอ ฟาซิโอ ศาสตราจารย์วุฒิคุณด้านโรคหัวใจ โดยหนังสือเล่มนี้มุ่งส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวมและให้ความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับสังคม
ศ.นพ.จีรี ดโวชัค – นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ
จากการได้ฟังเนื้อหาบางส่วนที่จะมีอยู่ในหนังสือเล่มนี้เพียงไม่กี่นาที ก็ทำให้เราได้ค้นพบว่า ที่จริงแล้วการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพมันไม่ได้ยากและต้องฝืนสังขารจนตัวลำบาก เพียงแต่ต้องเริ่มจากความเข้าใจที่แท้จริง ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวันละเล็กน้อย
มีประโยคหนึ่งในหนังสือได้ระบุว่า ‘การออกกำลังกายคือยารักษาโรคที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ’ พอได้อ่านแล้วก็ทำให้เราระลึกถึงคำพูดของหมอแอมป์ ณ วันงานเปิดตัวหนังสือว่า สุดท้ายแล้วความต้องการของมนุษย์เราในจุดหนึ่งของชีวิตไม่ใช่อะไรที่อู้ฟู่ แต่คือการมีสุขภาพที่ดี ไม่เจ็บป่วยต่างหาก และการมีสุขภาพที่ดีนี่แหละคือรากฐานสำคัญที่จะช่วยให้เราทำอะไรได้อีกมากมาย
วันนี้เราเลยขอยกหนึ่งในบริบทดีๆ จากหนังสือเล่มนี้มาฝากผู้อ่าน LIFE กับ 7 กิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยให้รูปร่างดีและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในระยะยาว
1. ว่ายน้ำ
ว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ดีมาก เพราะไม่มีผลจากแรงโน้มถ่วงของโลก มีน้ำช่วยพยุงร่างกาย ลดการบาดเจ็บ แถมยังช่วยให้ร่างกายตื่นตัวทางอารมณ์ดีขึ้นได้ หากใครว่ายน้ำไม่เป็นจะลองเล่นแอโรบิกในน้ำแทนก็ได้เช่นกัน วิธีนี้จะช่วยเผาผลาญพลังงานและทำให้รูปร่างดีได้อย่างปลอดภัย
2. ไทชิ
การออกกำลังกายที่ได้ชื่อว่า ‘การฝึกสมาธิผ่านการเคลื่อนไหว’ การเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลและผ่อนคลายจะช่วยให้ได้ประโยชน์ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ เหมาะกับคนทุกวัยและทุกสภาพร่างกาย
3. การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
ควรยกน้ำหนักเพื่อคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ไม่ใช่เพื่อสร้างกล้ามให้มีขนาดใหญ่ เพราะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะลดลงเรื่อยๆ หากไม่ได้ใช้งาน
การยกน้ำหนักเบาๆ จะช่วยเผาผลาญแคลอรีและรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ โดยเราสามารถเริ่มจากน้ำหนักเบาที่ยกได้ 10 ครั้งแบบง่ายๆ แล้วจึงเพิ่มน้ำหนักขึ้นสัปดาห์ละ 0.5-1 กิโลกรัม
นอกจากนี้การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อยังช่วยให้สมองทำงานได้ดีเมื่อเข้าสู่วัยชราอีกด้วย
4. การเดิน
การเดินจะทำให้รูปร่างเพรียว ระดับคอเลสเตอรอล ความดันโลหิต และระดับไขมันในเลือดดีขึ้น ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจ
เพียงมีรองเท้าสำหรับเดินดีๆ สักคู่ แล้วเริ่มเดินวันละ 15 นาที แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะทางและความเร็ว เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ 60 นาทีต่อวัน
5. การวิ่ง
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาให้ได้มากกว่าการเดิน โดยแนะนำให้เลือกความเร็วที่สามารถวิ่งได้อย่างสม่ำเสมอและยังคงสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมวิ่งได้ ควรวิ่งให้ได้ 30 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อประโยชน์ของร่างกายและจิตใจ
6. ฟุตบอล
ฟุตบอลเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ได้ฝึกความทนทานไปพร้อมๆ กับการฝึกหนักสลับเบาและการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ อาจเริ่มด้วยการเดินเตะฟุตบอล แล้วค่อยเพิ่มความหนักให้มากขึ้น โดยแนะนำให้เล่นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง
7. กิจกรรมเสริม
การออกกำลังกายแบบ Kegel เป็นการเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งช่วยป้องกันภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ทั้งในเพศชายและหญิง ทำได้โดยการขมิบกล้ามเนื้อที่ใช้กลั้นปัสสาวะหรือผายลม ทำค้างไว้ 2-3 วินาทีแล้วค่อยปล่อย ทำซ้ำ 10 ครั้ง วันละ 4-5 รอบ
นอกเหนือจาก 7 กิจกรรมข้างต้นแล้ว การทำกิจวัตรประจำวันก็ถือเป็นการออกกำลังกายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำสวนหรือเล่นกับลูกหลาน หากรวมเวลาได้ 30 นาทีและฝึกกล้ามเนื้อ 2 วันต่อสัปดาห์ได้ก็เป็นอันผ่าน
เราเชื่อว่าใครที่ชอบหาวิธีในการสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรงรอบด้านอยู่เสมอจะต้องชอบหนังสือเล่มนี้เหมือนกับเรา ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน และยังอัดแน่นไปด้วยแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติตามได้จริง
ใครที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการสั่งซื้อได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียของ BDMS Wellness Clinic
BDMS Wellness Clinic
Website: https://www.bdmswellness.com
Instagram: https://www.instagram.com/bdmswellness
Facebook: https://www.facebook.com/BDMSWellnessClinic
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์, BDMS Wellness Clinic