×

“ขอบคุณที่ผมได้มีชีวิตหายใจอยู่ในตอนนี้” สัมภาษณ์พิเศษ อีเจฮุน และ ทังจุนซัง จากซีรีส์ Move to Heaven

13.05.2021
  • LOADING...
“ขอบคุณที่ผมได้มีชีวิตหายใจอยู่ในตอนนี้” สัมภาษณ์พิเศษ อีเจฮุน และ ทังจุนซัง จากซีรีส์ Move to Heaven

HIGHLIGHTS

8 mins. read
  • Move to Heaven เล่าถึงเรื่องราวของกือรูและพ่อ ที่ทำธุรกิจ ‘รับทำความสะอาดและจัดการข้าวของเครื่องใช้ของผู้ตาย’ เพื่อจะถ่ายทอดข้อความของผู้ที่จากไปและการก้าวข้ามผ่านของผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
  • “ผมอ่านบท 10 ตอนจบในทีเดียวเลยครับ ผมไม่อยากขัดจังหวะความรู้สึกต่างๆ ของเรื่องที่น่าดึงดูดและซาบซึ้ง ผมร้องไห้เยอะมากกับการอ่านบทนี้ ผมจึงอยากทำให้ผู้ชมเข้าถึงความรู้สึกเดียวกับที่ผมได้รับครับ” – ทังจุนซัง
  • “พอได้มาแสดงซีรีส์เรื่องนี้เลยได้รู้ว่า ‘ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันไม่ได้อยู่ตลอดไปสินะ’ สักวันหนึ่งก็ต้องเจอกับวินาทีที่แยกจากกัน แล้วตัวเราจะรับมือกับมันอย่างไร” – อีเจฮุน 

Move to Heaven เป็นซีรีส์ที่น่าจะเข้ากับสถานการณ์โลกปัจจุบันที่ชีวิตคนเราต่างยืนหมิ่นเหม่อยู่บนความเป็นความตายได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็นการพาเราไปรู้จักอาชีพ Trauma Cleaner การทำความสะอาดและจัดการข้าวของเครื่องใช้คนที่เสียชีวิตไปแล้ว อาชีพใหม่ที่สอดคล้องกับความเป็นไปของสังคมยุคใหม่ที่ผู้คนต่างแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว

 

อีเจฮุน และ ทังจุนซัง รับบทเป็นอา-หลานทำธุรกิจ Move to Heaven เพื่อจะถ่ายทอดข้อความของผู้ที่จากไปผ่านข้าวของที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ร่วมด้วย ฮงซึงฮี นักแสดงสาวที่มาเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเรื่องราว ผลงานเขียนบทโดย ยุนจีรยอน กำกับโดย คิมซองโฮ เป็นออริจินัลซีรีส์ของ Netflix ที่ผู้กำกับใช้เวลากว่า 2 ปีในการสร้าง

 

 

“ผมอ่านบท 10 ตอนจบในทีเดียวเลยครับ ผมไม่อยากขัดจังหวะความรู้สึกต่างๆ ของเรื่องที่น่าดึงดูดและซาบซึ้ง ผมร้องไห้เยอะมากกับการอ่านบทนี้ จึงอยากทำให้ผู้ชมเข้าถึงความรู้สึกเดียวกันกับที่ผมได้รับครับ”

 

ทังจุนซัง ย้อนเล่าถึงครั้งแรกที่เขาได้อ่านบทซีรีส์ ก่อนจะทำหน้าที่เป็นตัวละคร ฮันกือรู เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ ความรู้สึกของเขาไม่ต่างจาก อีเจฮุน ที่กำลังโด่งดังจากซีรีส์ Taxi Driver

 

“ใน Taxi Driver เป็นเรื่องเกี่ยวกับการแก้แค้นให้กับเหยื่อ แต่ในเรื่อง Move to Heaven ผมรับบทเป็น Trauma Cleaner ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างไปแตะประเด็นสังคมมากๆ ในขณะเดียวกันตัวละครซังกูก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย ไม่เชื่อใจคน คิดว่าทุกคนทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองทั้งนั้น แต่ตัวเขาจะค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงในระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไป”

 

อย่างย่นย่อ Move to Heaven เล่าเรื่องราวของ ฮันกือรู เด็กหนุ่มผู้มีอาการแอสเพอร์เกอร์ เขาทำงานเป็นพนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายกับ ฮันจองอู ผู้เป็นพ่อแต่แล้วกือรูต้องเหลือตัวคนเดียว หลังการจากไปอย่างกะทันหันของพ่อ ทำให้อาของเขา โจซังกู ที่เพิ่งพ้นโทษจำคุกต้องกลายเป็นผู้ปกครอง ย้ายมาอยู่ในบ้านเดียวกัน และทำงานร่วมกับกือรู ขณะที่ ยุนนามู เพื่อนบ้านของกือรูมีความสงสัยในจุดประสงค์ของซังกู เธอจึงคอยติดตามและคอยช่วยเหลือกือรู การทำงานของพวกเขากับ Move to Heaven เป็นเหมือนการค้นหาความหมายอันลึกซึ้งของการมีชีวิต และความตาย THE STANDARD ได้ร่วมสัมภาษณ์สองนักแสดง อีเจฮุน และ ทังจุนซัง เกี่ยวกับการทำงานในซีรีส์ Move to Heaven สำหรับอีเจฮุนและทังจุนซัง มากไปกว่าการทำหน้าที่ในฐานะนักแสดง ซีรีส์เรื่องนี้ในบางมุมคือการค้นพบคำตอบบางอย่างให้กับชีวิตด้วยเช่นกัน

 

 

จาก Crash Landing on You มาถึง Move to Heaven วันนี้เป็นงาน Press Conference ครั้งแรกด้วย เล่าให้ฟังหน่อยว่าการทำงานของคุณในซีรีส์เรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

ทังจุนซัง: เท่าที่ผมดูฟีดแบ็กจากโซเชียลมีเดียต่างๆ ในเรื่อง Crash Landing on You มีแฟนๆ ทั่วโลกที่ชอบซีรีส์เรื่องนี้นะครับ พอได้มารับบทเป็นนักแสดงหลักในเรื่อง Move to Heaven ผมดีใจและเป็นเกียรติมากครับที่ได้ร่วมงานกับทาง Netflix อีกครั้ง สำหรับการแสดง คาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ค่อนข้างยาก ค่อนข้างกดดัน ซึ่งผมได้ปรึกษาและพูดคุยกับคนเขียนบทรวมถึงผู้กำกับค่อนข้างมาก นอกจากนี้ทั้งพี่อีเจฮุนและฮงซึงฮีก็ช่วยทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ลดความกดดันได้มากเลยครับ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างและเติบโตขึ้นมากหลังจากแสดงเรื่องนี้ครับ

 

ผู้ชมหลายๆ คนอาจจะไม่รู้จักกับอาการแอสเพอร์เกอร์ คุณอยากจะแนะนำอะไรเพื่อให้คนเข้าใจอาการแอสเพอร์เกอร์มากขึ้นไหม

ทังจุนซัง: อาการแอสเพอร์เกอร์จะทำให้การแสดงออกความรู้สึก การเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ได้ไม่ดีเท่าไร สื่อสารกับอีกฝ่ายได้ยาก เช่น เวลาได้ยินใครพูดอะไร ก็จะเข้าใจตามคำพูดนั้นตรงๆ เลย หรือถ้ามีสิ่งที่คิดว่าจะต้องทำ ก็จะต้องทำให้ได้เท่านั้น แต่ในมุมกลับกันอาการแอสเพอร์เกอร์จะมีพัฒนาการที่ดีในเรื่องของความจำที่เป็นเลิศ อย่างตัวกือรูเอง ถ้าได้เห็นคู่มือสินค้า หรือรายชื่อชนิดปลาแค่ครั้งเดียว ก็สามารถท่องสิ่งที่เห็นออกมาได้ยาวๆ เลยครับ

 

สำหรับการรับบทเป็นคนที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์ ซึ่งจะมีความลำบากในการแสดงอารมณ์หรือสีหน้าท่าทางต่างๆ ผมก็ปรึกษาผู้กำกับในรายละเอียดค่อนข้างเยอะครับ แล้วก็ดูซีรีส์ Good Doctor เพื่ออ้างอิงจากคาแรกเตอร์ของตัวเอกที่ทีอาการคล้ายๆ กันนี้ ซึ่งช่วยได้มากครับ

 

เกี่ยวกับอาชีพ Trauma Cleaner ล่ะ อธิบายรายละเอียดให้ฟังหน่อย และคุณได้ศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมอย่างไรบ้าง

ทังจุนซัง: Trauma Cleaner เป็นอาชีพที่ค่อนข้างใหม่ ซึ่งไม่ได้แค่ทำความสะอาด จัดการข้าวของเครื่องใช้เพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยจัดการด้านจิตใจให้กับคนที่อยู่ข้างหลังให้ก้าวข้ามผ่านความโศกเศร้าและปมในจิตใจ 

 

ตอนผมอ่านบทครั้งแรก ผมก็ต้องไปทำความเข้าใจกับอาชีพนี้ อ่านหนังสือเกี่ยวกับอาชีพนี้ ซึ่งทำให้ผมมีมุมมองที่เปลี่ยนไปเลยครับ Move to Heaven ทำให้ผมคิดและมองย้อนกลับไปในชีวิตของผมเองว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างและผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้ชมจะสัมผัสได้เช่นกัน ผมพยายามจะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ผ่านการแสดงของผมและหวังว่ามันจะสามารถถ่ายทอดไปถึงผู้ชม รวมถึงการนำเสนอมุมมองของอาชีพ Trauma Cleaners และความกดดันของพวกเขาในอาชีพนี้ด้วยครับ

 

ความตายอาจถูกตีความถึงสิ่งที่น่าโศกเศร้าหรือการสูญเสีย แต่กับการทำงานในซีรีส์ Move to Heaven ทำให้คุณเข้าใจชีวิตและความตายในความหมายที่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

ทังจุนซัง: ที่จริงผมยังเพิ่งอายุ 19 ปี แต่เอาจริงๆ แล้ว มันก็เป็นเรื่องที่คนอายุเท่านี้สามารถจะนึกถึงได้ แต่ผมไม่เคยคิดเรื่องของ ‘ชีวิตและความตาย’ มากขนาดนั้น แต่พอได้แสดงเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับการจัดของให้คนที่จากไป ทำให้ได้ย้อนคิดว่ามีสิ่งของอะไรที่สื่อถึงตัวเราบ้าง หรือคิดว่าถ้าเราตายไปแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นยังไง คิดแค่อะไรแบบนี้ ไม่ได้คิดถึง ‘ชีวิตและความตาย’ ในเชิงปรัชญาหรือคิดถึงเรื่องชีวิตและความตายอย่างจริงจังขนาดนั้นครับ

 

ฮันกือรู เด็กหนุ่มที่มีอาการแอสเพอร์เกอร์

พนักงานเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตายให้กับบริษัท Move to Heaven แต่เมื่อพ่อเสียชีวิต ทำให้เขาต้องเริ่มทำงานกับญาติเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ คือซังกูและนามูที่เป็นเพื่อนบ้าน ถึงแม้ว่าเขาต้องดิ้นรนในการแสดงออกทางอารมณ์และสื่อสารกับคนอื่นเนื่องจากอาการแอสเพอร์เกอร์ แต่เขากลับเข้าใจเรื่องราวที่ถูกทิ้งไว้ของผู้จากไปด้วยพรสวรรค์ในด้านการสังเกตและความจำเป็นเลิศ ทั้งยังได้ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ที่จากไปและส่งสารให้ครอบครัวผู้สูญเสีย 

 

 

Move to Heaven สะท้อนให้เห็นสังคมโลกที่มนุษย์ต่างอยู่โดดเดี่ยวมากขึ้นด้วย อยากรู้ว่าหลังจากทำงานในเรื่องนี้ ตัวคุณเองใช้ชีวิตเปลี่ยนไปไหม 

อีเจฮุน: ตัวผมเองยังอาศัยอยู่กับครอบครัว ไม่ได้แยกออกมาอยู่คนเดียว ก็เลยยังไม่เคยรู้สึกว่าโดดเดี่ยวหรือเหงา แต่พอได้มาแสดงซีรีส์เรื่องนี้เลยได้รู้ว่า “ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน มันไม่ได้อยู่ตลอดไปสินะ” สักวันหนึ่งก็ต้องเจอกับวินาทีที่แยกจากกัน แล้วตัวเราจะรับมือกับมันอย่างไร ทำให้ผมคิดถึงจุดนี้เยอะมาก ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้คิดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดลึกซึ้งเท่าไร ทำให้รู้สึกขอบคุณการที่ผมได้มีชีวิตหายใจอยู่ ณ ตอนนี้ และอยากจะพูดคำดีๆ ให้กับคนรอบตัวที่ผมรักได้ฟัง ทำให้รู้ว่าถึงแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่การติดต่อไปหาและพูดคุยกันนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากครับ

 

ผมพยายามคิดและรู้สึกถึงคีย์เวิร์ดคำว่า ‘ชีวิตและความตาย’ ผ่านผลงานชิ้นนี้ การใช้ชีวิตมีทั้งดีใจ โกรธ เศร้า สุข ผมหวังว่าตอนที่เผชิญหน้ากับความตายผมจะไม่เหงา และได้คิดว่าช่วงเวลาที่คนที่ผมสนิทกำลังจะจากไป ผมอยากจะคอยอยู่เคียงข้างเขาครับ

 

Move to Heaven สำคัญกับคุณอย่างไรบนเส้นทางการทำงานในฐานะนักแสดงของคุณ

อีเจฮุน: ชีวิตในฐานะนักแสดงของผมเปรียบเสมือนการเดินทาง ผมตั้งใจกับทุกผลงานที่ผมได้แสดง ผลงานของผมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ผมสนใจหรือเกี่ยวข้องกับจิตใจผม แต่สำหรับ Move to Heaven ผมอยากให้ทุกคนได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ เพราะตอนที่ผมได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรื่อง มันยากมากเลยครับที่จะไม่เสียน้ำตา ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นผลงานเรื่องแรกที่คุณควรดูมากที่สุดจากผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาของผมครับ ผมอยากให้ทุกคนได้ดูเรื่องนี้จริงๆ ครับ ผมหมายถึงว่าให้ดูเรื่องนี้ให้จบ หลังจากนั้นก็ตามไปดูผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาของผมด้วยครับ (ยิ้ม)

 

 

ในเรื่อง Move to Heaven ตัวละครซังกูมักจะใส่เสื้อโค้ตสีเขียวทหารเป็นประจำ มันมีความหมายอะไรซ่อนเอาไว้

อีเจฮุน: มันเป็นชุดง่ายๆ ที่ซังกูใส่อยู่ตลอด แต่เมื่อคนเห็นเขาในชุดนี้จะรู้สึกเหมือนถูกคุมคาม และตีตัวออกห่าง สำหรับซังกูแล้วแจ็กเก็ตตัวนี้เหมือนเกราะป้องกันเขาจากคนอื่นๆ อย่างตอนเข้าฉาก มันช่วยให้ผมเข้าคาแรกเตอร์ได้ง่ายขึ้นด้วยครับ พอผมอยู่ในชุดนี้เมื่อไร ทีมงานทุกคนก็จะหลบผมหมดเลย มันทำให้ผมได้เห็นปฏิกิริยาของคนจริงๆ และอิทธิพลของคาแรกเตอร์ต่อคนรอบข้างแบบเหมือนจริงมากด้วยครับ 

 

ในซีรีส์ Move to Heaven นี้คุณต้องเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว (MMA) หรือมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

อีเจฮุน: คาแรกเตอร์ของซังกู เป็นนักสู้มาก่อน เป็นอดีตนักมวยที่ใช้ร่างกายไปชกมวยแลกกับเงิน เขาเติบโตมาโดยที่ไม่เคยได้รับความรักความอบอุ่น แต่พอเขาได้มาเจอกือรู นามู และคนอื่นๆ เขาก็เติบโตขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง 

 

ในคาแรกเตอร์ตัวละครเป็นนักมวย ก่อนถ่ายทำผมต้องไปฝึกซ้อมการต่อยมวย ได้ขึ้นไปชกบนเวทีมวยจริงๆ รวมถึงฉากแอ็กชันต่างๆ Move to Heaven มีฉากที่ต้องแสดงออกมาให้ร่างกายดูแข็งแรงและแนวแอ็กชันเยอะมาก เลยต้องฝึกกับทีมศิลปะป้องกันตัวเยอะหน่อย แต่ก็แอบเสียดายที่ช่วงเวลาฝึกนั้นไม่ได้ยาวมาก ผมอยากแสดงออกมาให้ดูแข็งแรงและเท่ ก็เลยทุ่มสุดตัว ทำให้มีการบาดเจ็บเกิดขึ้น อย่างตอนถ่ายฉากต่อยมวย ต่อยกระสอบทราย ผมหักโหมไปหน่อยทำให้เจ็บข้อมือ ต้องใส่เฝือกที่มืออยู่เดือนหนึ่งเลย ช่วงนั้นก็ลำบากอยู่บ้าง แต่ก็รู้สึกพึงพอใจมากครับที่ได้ลองแสดงฉากต่อยมวยหรือศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวต่างๆ ด้วยตัวเองผ่านผลงานชิ้นนี้

 

โจซังกู – อาของกือรูและผู้ปกครอง

เขาเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำและอาสาที่จะเป็นผู้ปกครองของกือรูเพื่อแลกกับการได้เงิน แต่การจะได้เป็นผู้ปกครองอย่างเป็นทางการเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับกือรูเป็นเวลา 3 เดือนและทำงานในบริษัท Move to Heaven ผิดกับกือรูที่คอยทำให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ซังกูกลับทำให้ทุกอย่างยุ่งเหยิงไม่ว่าจะไปที่ไหนและทำตามใจตัวเอง จนสร้างความขัดแย้งอย่างมากระหว่างสองคนนี้

 

 

Move to Heaven เป็นผลงานออริจินัลซีรีส์เกาหลีโดย Netflix จะมีทั้งหมด 10 อีพี กำกับโดยคิมซองโฮ เขียนบทโดยยุนจีรยอน นำแสดงโดย อีเจฮุน, ทังจุนซัง, ฮงซึงฮี

 

ผู้กำกับคิมซองโฮ ได้ฝากซีรีส์ Move to Heaven ทิ้งท้ายไว้ว่า “ตอนที่ผมทำหนังเรื่องก่อนหน้านี้ ผมได้รับรู้ประสบการณ์ว่าภาพยนตร์มีพลังในการทำให้คนรู้สึกอย่างไร สบายใจ หรือปลดปล่อยจิตใจอย่างไร พอได้อ่านบทซีรีส์เรื่องนี้ที่เกี่ยวกับ Truama Cleaner มันเป็นวัตถุดิบที่ดีมากในการบอกเล่าเรื่องราวที่เข้าถึงจิตใจคนดู

 

“ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของสถานการณ์โควิด-19 ที่เรากำลังผ่าน ผมรู้สึกได้ว่า Move to Heaven จะให้ความสบายใจ เป็นเพื่อนคอยเช็ดน้ำตา และมอบความหวังให้กับคนที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ครับ”

FYI

ผู้เขียนบทยุนจีรยอน บังเอิญเจอบทความรวมเล่ม Things Left Behind (สิ่งที่ทิ้งไว้ข้างหลัง) เขียนโดยคิมแซบยอล ประธานกรรมการบริหารธุรกิจเก็บกวาดที่เกิดเหตุหลังความตาย ในช่วงที่เธอกำลังค้นหาหนังสือเกี่ยวกับความตายและความโศกเศร้า ยุนเริ่มเขียนบทด้วยความประสงค์ที่จะถ่ายทอดการส่งมอบและให้เกียรติผู้ที่จากไปด้วยการดูแลสิ่งของที่พวกเขาเคยมีไว้เป็นต่างหน้า เพื่อให้คนอื่นรับรู้ว่าพวกเขาได้ ‘ทำดีที่สุดแล้ว’ กับการปล่อยวางความเจ็บปวดและภาระที่เคยมีไว้บนโลกใบนี้ 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising