หลังจากปิดพื้นที่ต่างๆ เพื่อฟื้นฟูทะเลและชายหาดไทยในหลายแห่ง ล่าสุดสัญญาณความสมบูรณ์กลับมาอีกครั้ง หลังจากพบแม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่บนชายหาดคึกคักและหาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เบื้องต้นคาดว่ามีเกือบ 100 ฟอง
เมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยว่าเมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันว่ามีการพบแม่เต่ามะเฟืองขนาดใหญ่ 1.25 เมตร ขึ้นมาวางไข่บนชายหาดคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา จำนวน 93 ฟอง เมื่อทราบข่าวล่าสุดจึงได้ทำการติดป้ายห้ามบุคคลเข้าใกล้ก่อนได้รับอนุญาต เพื่อไม่ให้ไข่เต่าได้รับการรบกวนจากคนหรือสัตว์
พร้อมกันนี้ นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (จังหวัดภูเก็ต) เผยว่าพบรอยเดินของเต่าทะเลที่ขึ้นวางไข่บริเวณชายหาดอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ห่างจากจุดที่พบเต่ามะเฟืองวางไข่ในครั้งแรกประมาณ 30 กิโลเมตร จึงสั่งการให้นักวิชาการจากศูนย์วิจัยฯ เข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว และพบหลุมไข่เต่ามะเฟืองและร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ จากการวัดความกว้างระหว่างปลายขาคู่หน้ามีความยาว 160 ซม. ความกว้างช่วงอก 100 ซม. หลุมไข่เต่ามีความลึก 75-110 ซม. มีไข่เต่าจำนวน 80-100 ฟอง เจ้าหน้าที่จึงทำการฝังไข่เต่าไว้ที่เดิม และได้ติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิเพื่อติดตามการพัฒนาการของไข่เต่า
นายจตุพรกล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการดูแล อนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและสัตว์ทะเลหายาก จึงมีมาตรการเฝ้าระวังไข่เต่ามะเฟืองโดยการกั้นรั้วด้วยไม้ไผ่ความสูง 1.5 x 1.5 เมตร เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ตามธรรมชาติเข้าไปรบกวนภายในบริเวณฟักไข่ และป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไปใกล้หรือขโมยไข่เต่า พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) และร่วมมือกับท้องถิ่นเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงเป็นเวลา 2 เดือน ในการจัดกำลังเฝ้าติดตามการวางไข่ครั้งต่อไป
“แต่นับว่าเป็นความโชคดีที่ทรัพยากรธรรมชาติกลับฟื้นคืนมาจนทำให้พบเต่ามะเฟืองขนาดใหญ่ขึ้นมาวางไข่บริเวณชายหาดเขาหลักและชายหาดท้ายเหมือง เพราะหลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปี 2547 พบเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่น้อยมากและมีแนวโน้มใกล้จะสูญพันธุ์ เนื่องจากเต่ามะเฟืองจะวางไข่น้อยและเว้นช่วงนาน รวมทั้งมีขยะทะเลและเครื่องมือการทำประมงหลายชนิดที่ส่งผลกระทบต่อการเข้ามาผสมพันธุ์เพื่อวางไข่ของเต่า
“จึงขอฝากเน้นย้ำให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการปกป้องดูแลไข่เต่ามะเฟืองไม่ให้คนหรือสัตว์เข้าไปรบกวน อีกทั้งร่วมกันลดการใช้พลาสติกในพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อระบบนิเวศทางทะเลและสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์อย่างเต่ามะเฟืองอีกด้วย” นายจตุพรกล่าวทิ้งท้าย
ภาพ: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: