×

ฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จแม้อาจไร้ถ้วยแชมป์ของ แลนโด นอร์ริส

21.11.2024
  • LOADING...

“เรากำลังต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฤดูกาลนี้ก็ยังถือว่าประสบความสำเร็จอยู่ดี”

 

แลนโด นอร์ริส นักขับสหราชอาณาจักรวัย 25 ปีจากทีมแม็คลาเรน กล่าวประโยคดังกล่าวไว้เมื่อราว 1 เดือนก่อน ในช่วงที่ศึกรถสูตร 1 ชิงแชมป์โลกกำลังจะกลับมาแข่งขันแบบ 3 สนามติด ในศึกยูเอสกรังด์ปรีซ์, เม็กซิโกซิตี้กรังด์ปรีซ์ และบราซิเลียนกรังด์ปรีซ์ เรซที่แล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

 

เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงต้นฤดูกาล คำพูดดังกล่าวเรียกได้ว่าไม่ผิดนัก เพราะในตอนต้นปีไม่มีใครคิดว่าชื่อของนอร์ริสจะกลายมาเป็นชื่อที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์โลกกับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน หรือต่อให้มีก็คงมีจำนวนน้อยมากที่คิดเช่นนั้น

 

ในตอนฤดูกาลเพิ่งเริ่มต้น มีชื่ออื่นที่ดูมีศักยภาพและโอกาสที่จะต่อสู้กับเวอร์สแตพเพนได้มากกว่านอร์ริส ไม่ว่าจะเป็น ชาร์ลส์ เลอแคลร์ จากทีมเฟอร์รารี, เฟร์นานโด อลอนโซ จากทีมแอสตัน มาร์ติน หรือแม้แต่ชื่อเพื่อนร่วมทีมของเวอร์สแตพเพนอย่าง เซร์คิโอ เปเรซ ก็ยังดูมีภาษีมากกว่า

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชื่อของ แลนโด นอร์ริส ก็ค่อยๆ สอดแทรกขึ้นมา จนกลายเป็นคนที่มีโอกาสแย่งแชมป์กับเวอร์สแตพเพนได้มากที่สุด

 

ผู้ท้าชิงที่คาดไม่ถึง

 

 

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในช่วงเวลาก่อนการแข่งขันสนามแรกในรายการบาห์เรนกรังด์ปรีซ์ไม่ถึงเดือน ท่ามกลางกระแสดราม่าของ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ บิ๊กบอสของทีมเรดบูล เรซซิง 

 

ในช่วงนั้นมีกระแสการคาดการณ์แชมป์ที่มองกันว่า ทีมไหนจะขึ้นมาท้าทายฟอร์มอันดุดันของทีมแชมป์โลกจากเมืองมิลตันคีนส์ทีมนี้ได้

 

ชื่อมากมายออกมาจากผู้สันทัดกรณี ไม่ว่าจะเป็นนักขับโมนาโกจากทีมม้าลำพอง เฟอร์รารี อย่าง ชาร์ลส์ เลอแคลร์, ยอดทีมแชมป์โลกเดิมที่มีอดีตแชมป์โลกนั่งหลังพวงมาลัยอย่าง ลูอิส แฮมิลตัน จากเมอร์เซเดส หรืออดีตแชมป์โลกรุ่นเก๋าอย่าง เฟร์นานโด อลอนโซ จากแอสตัน มาร์ติน 

 

ชื่อเหล่านี้ล้วนเป็นชื่อที่ถูกพูดขึ้นมา แม้จะมีชื่อของ แลนโด นอร์ริส ถูกเอ่ยขึ้นมาบ้างประปราย แต่ในนาทีนั้นยังไม่มีใครมองว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะเป็นคนที่ขึ้นมาขับเคี่ยวกับ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้

 

ในช่วงท้ายฤดูกาล 2023 นอร์ริสเริ่มส่งสัญญาณมาบ้างแล้วว่าเขามีของ หลังจบโพเดียมได้ถึง 5 จาก 8 สนามสุดท้าย โดยมีผลงานการจบอันดับ 2 ถึง 4 เรซ และที่ 3 อีก 1 เรซ แต่อันดับในตารางคะแนนรวมของเขาเมื่อปี 2023 จบด้วยอันดับ 6 ทำให้ยังไม่มีใครเชื่อว่าเขาคือของจริง

 

และยิ่งเมื่อผ่าน 2 เดือนแรกของศึก F1 ฤดูกาลนี้ หลังจบศึกไชนีสกรังด์ปรีซ์ยังมีการมองกันว่าปีนี้แชมป์อาจจะเป็นของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน แบบสบายๆ อีก 1 ปี เพราะเมื่อผ่าน 5 สนามแรกใน 2 เดือน เรดบูล เรซซิง กวาดแชมป์ไปครองทั้งหมด โดยเวอร์สแตพเพนได้แชมป์ 4 เรซ และ เซร์คิโอ เปเรซ คว้าชัยอีก 1 เรซ

 

ในตอนนั้นมีการพูดคุยกันในวงกว้างว่าคนที่ใกล้เคียงที่จะไล่ล่าเวอร์สแตพเพนน่าจะเป็นเชโก และไม่น่าจะมีใครจินตนาการภาพที่นอร์ริสไล่กดดันเวอร์สแตพเพนออกเลย

 

แต่เมื่อเริ่มต้นเดือนพฤษภาคมในศึกไมอามีกรังด์ปรีซ์ แลนโด นอร์ริส ก็คว้าแชมป์รายการแรกของเขาในฤดูกาลนี้ได้สำเร็จ และเริ่มทำผลงานได้สม่ำเสมอขึ้น

 

นับจากไมอามีกรังด์ปรีซ์จนถึงสนามที่แล้วอย่างเซาเปาโลกรังด์ปรีซ์จำนวน 16 เรซ นอร์ริสขึ้นโพเดียมได้ถึง 10 สนาม โดยเป็นการคว้าแชมป์ 3 เรซ, อันดับ 2 อีก 5 เรซ และไม่มีแต้มเพียงเรซเดียว

 

โดยนับตั้งแต่ไมอามีกรังด์ปรีซ์เป็นต้นมาไม่มีใครได้ขึ้นโพเดียมมากเท่าเขาอีกแล้ว! แม้แต่ผู้นำในตารางคะแนนตอนนี้อย่างเวอร์สแตพเพนก็ยังขึ้นโพเดียมได้แค่ 8 เรซเท่านั้น

 

และนั่นเองที่เป็นช่วงเวลาแห่งการทำคะแนนไล่ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ของ แลนโด นอร์ริส แม้สุดท้ายความพยายามครั้งนี้อาจต้องจบลงที่ลาสเวกัสกรังด์ปรีซ์สนามต่อไปก็ตาม

 

ความเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากความมั่นใจ

 

 

“มันเปลี่ยนไปที่ไมอามี ผมคิดว่านั่นเป็นช่วงที่เรารู้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีสำหรับเรา และผมก็ชอบมันมาก มันจะสนุกกว่าเสมอเมื่อคุณต่อสู้เพื่อชัยชนะและแชมป์ มีความกดดันและความกังวลมากขึ้นเล็กน้อย แต่ผมก็สนุกกับช่วงเวลานี้”

 

สิ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นคือความมั่นใจที่เปลี่ยนแปลงไปของนอร์ริส ที่เขาได้รับมาจากการปลดล็อกการคว้าแชมป์สนามแรกของฤดูกาล

 

และนั่นทำให้เขาสามารถเกาะโพเดียมได้อย่างเหนียวแน่น และกลายเป็นนักขับที่ขึ้นโพเดียมมากที่สุดในช่วงหลังของฤดูกาล 2024

 

นอกจากนี้นอร์ริสยังให้เครดิตไปถึง อันเดรีย สเตลลาร์ หัวหน้าวิศวกรของทีม ว่าเป็นหัวใจสำคัญของผลงานที่ยอดเยี่ยมของทั้งตัวเขาและทีมแม็คลาเรนในตอนนี้

 

“ผมคิดว่า อันเดรีย สเตลลาร์ เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดในการประสานทีมเข้าด้วยกัน สร้างแรงบันดาลใจให้ทีม ผลักดันทีม ทำให้ทีมเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในตอนนี้ทีมของเราใกล้เคียงหรืออาจเกือบจะเป็นทีมที่ดีที่สุดในฟอร์มูลาวันในขณะนี้

 

“เราทำงานร่วมกันได้ดี มีข้อดี ข้อเสีย และข้อตำหนิเสมอ แต่ทุกอย่างจะทำให้เราทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ดีขึ้น

 

“ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เรามีคือความซื่อสัตย์ต่อกัน เมื่อผมเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เมื่อเขาเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เราก็จะพูดกันและหาทางออกที่ดีที่สุด ดังนั้นผมจึงมีความสุขมากกับวิธีการทำงานของเขา วิธีที่เขาต้องการเข้าใจสิ่งต่างๆ”

 

ความมั่นใจของนอร์ริสประกอบกับพรสวรรค์ที่เขามี และรถของแม็คลาเรนในปีนี้อาจจะยังไม่เพียงพอส่งเขาให้เป็นแชมป์ในประเภทบุคคล 

 

แต่มันก็มีโอกาสสูงที่จะส่งแม็คลาเรนให้คว้าแชมป์ในประเภททีมผู้ผลิต เพราะในตอนนี้พวกเขานำเฟอร์รารี ทีมอันดับที่ 2 อยู่ 36 คะแนน และนำเรดบูล เรซซิ่ง ซึ่งหล่นไปรั้งที่ 3 อยู่ 49 คะแนน ก่อนเข้าสู่ 3 สนามสุดท้าย

 

การต่อสู้กับเสียงวิจารณ์

 

 

แม้จะเป็นปีที่ดีที่สุดปีหนึ่งในอาชีพของนอร์ริส แต่เขาก็ต้องสู้กับเสียงวิจารณ์จากทั้งสื่อมวลชนและแฟนๆ รวมไปถึงผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเขาด้วย

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าฐานแฟนคลับของ F1 แบ่งฝ่ายอย่างชัดเจนและโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเขาก็เป็นคนที่รู้ดีว่าเสียงวิจารณ์ถึงตัวเขามีมากขนาดไหน และเขาเองก็เป็นคนที่ตอบโต้กับเสียงวิจารณ์เหล่านั้นได้อย่างมีเอกลักษณ์ ต่างจากหลายคนที่เลือกจะเมินเฉย

 

“ผมรู้สึกว่ามันแปลกเล็กน้อย เพราะผมอ่านเรื่องพวกนั้นมาหมดแล้ว” เขากล่าว

 

“บางทีผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงมีมุมมองแบบนั้น และนั่นคือตอนที่ผมต้องกลับมาหาคนที่รู้จักผมเสมอ เพราะพวกเขารู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น เมื่อผู้คนคิดว่าอีโก้ของผมมันเยอะเกินไปหรืออะไรก็ตาม มันไม่ใช่ความจริงเลย โดยเฉพาะตอนที่ผมกำลังขับรถ

 

“บางทีผมอาจเลือกใช้คำพูดผิดหรืออะไรสักอย่าง และผู้คนก็ใช้คำพูดนั้นมาเล่นงานผม”

 

แม้ในปัจจุบันเขาจะทำผลงานได้ดีถึงขั้นเป็นผู้ท้าชิงคนสำคัญในศึก F1 ฤดูกาลนี้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์บางส่วนที่พูดถึงเขาว่า “เพียงแค่โชคดี” หรือ “ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะทำได้ดีกว่านี้”

 

แต่นอร์ริสก็ยืนยันว่าเขารู้ตัวดีว่าเขาทำอะไรอยู่ และยินดียอมรับทุกความเห็นในกรณีที่เขาทำไม่ดีจริงๆ 

 

“ผมซื่อสัตย์เสมอมา ไม่ว่าจะตอนที่ผมทำได้ดีหรือทำได้ไม่ดี เมื่อผมรู้ว่าผมทำผิดหรือมีคนบอกว่าผมทำผิด ผมก็จะยอมรับมันในทางที่ถูกต้องเสมอ แต่เมื่อผมรู้แน่ชัดว่าผมไม่ได้ทำ และผู้คนก็พยายามทำให้มันดูเป็นเรื่องเป็นราวหรือพยายามยัดเยียดว่าผมเป็นคนทำ นั่นคือสิ่งที่ผมไม่เคยเข้าใจ

 

“ผมไม่ถือสาที่คนอื่นมีความคิดเห็นต่างกัน แต่การพูดสิ่งที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจและอาจเป็นสิ่งที่กระทบต่อผมมากที่สุด”

 

ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับปี 2025

 

 

แม้ปีนี้ดูเหมือนเส้นทางการลุ้นแชมป์ของนอร์ริสอาจจะยังเหลือแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์ แต่หากมองในทางปฏิบัติแล้ว มันช่างยากเหลือเกินที่เขาจะคว้าแชมป์ได้ในปีนี้

 

แต่ในปีหน้าเขาเชื่อว่ามันจะแตกต่างออกไป โดยเขายอมรับว่าในปีหน้าจะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ สำหรับการพลาดแชมป์อีก และเขาเชื่อว่าแม็คลาเรนจะเดินหน้าเพื่อลุ้นแชมป์ทั้งประเภทบุคคลและทีมผู้ผลิตอย่างเต็มตัว

 

“ชัดเจนมาก” นอร์ริสกล่าว “พวกเราในฐานะทีมรู้ดีว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีที่สุด อาจเป็นปีแรกนับตั้งแต่ผมอยู่ในฟอร์มูลาวันที่ผมจะพูดได้ว่า ‘เรากำลังท้าชิงแชมป์’

 

“ผมมีความสุขมากที่ผมยังคงยึดมั่นกับทีมที่ผมเชื่อมั่น แม้ว่าหลายคนจะไม่เชื่อมั่นก็ตาม

 

“ความจริงที่เราสามารถก้าวจากจุดเดิมมาเอาชนะเรดบูลได้ ทั้งที่เมื่อไม่ถึง 12 เดือนที่แล้วพวกเขายังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นที่สุด ถือเป็นความสำเร็จที่เหลือเชื่อ

 

“ผมมีความสุขที่สามารถฝ่าฟันช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ ทั้งๆ ที่ผมสามารถเลือกเส้นทางที่ง่ายกว่าได้และอาจจะย้ายไปทีมอื่น ทีมก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน รวมถึงเส้นทางที่เราผ่านมาด้วยกัน และผมคิดว่าพวกเขาชื่นชมในเรื่องนี้ ซึ่งอาจทำให้ผมมีความสุขที่สุดจากทั้งหมดนี้”

 

แม้ว่าการคว้าแชมป์ประเภททีมจะเป็นเป้าหมายสูงสุดของแม็คลาเรนในฤดูกาลนี้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ปลายทาง เพราะนอร์ริสต้องพัฒนาต่อไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าฤดูกาลนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาของเขาเท่านั้น และมันยังไม่ใช่จุดสูงสุด

 

เพราะจุดสูงสุดที่ควรจะเป็นของนักขับรายนี้สมควรเป็นการคว้าแชมป์ประเภทบุคคลมากกว่า

 

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X