วันนี้ (30 มกราคม) บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่-จตุจักร ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 10-18 แขวงตลาดบางเขน หน้าสถานพักฟื้นคนชราบางเขน เจ้าหน้าที่ปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 17.00 น. จากนั้นได้เริ่มนับคะแนน ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าผู้สมัครพรรคใดจะสามารถปักหมุดชนะการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 9 (จตุจักร-หลักสี่) มีผู้สมัครทั้งสิ้น 8 ราย ได้แก่
- หมายเลข 1 พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ พรรคไทยภักดี
- หมายเลข 2 อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า
- หมายเลข 3 สุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย
- หมายเลข 4 กุลรัตน์ กลิ่นดี พรรคยุทธศาสตร์ชาติ
- หมายเลข 5 รุ่งโรจน์ อิบรอฮีม พรรคไทยศรีวิไลย์
- หมายเลข 6 กรุณพล เทียนสุวรรณ พรรคก้าวไกล
- หมายเลข 7 สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ
- หมายเลข 8 เจริญ ชัยสิทธิ์ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน
ด้าน พล.ต.ท. สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมรายงานผลการปฏิบัติของทุกหน่วยในการจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 9 โดยวันนี้ได้มีการตั้งวอร์รูมที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.ตร. เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์และภาพรวมการเลือกตั้ง ตั้งแต่คืนหมาหอนเมื่อคืนต่อเนื่องถึงวันนี้ โดยมีการประชุมสรุปสถานการณ์ช่วงเย็นหลังปิดหีบเลือกตั้ง
พล.ต.ท. สราวุฒิ กล่าวว่า ภาพรวมตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00น. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบผู้กระทำความผิดในทุกหน่วยเลือกตั้ง มีเพียงเรื่องร้องเรียนที่ สน.ทุ่งสองห้อง ที่มีพรรคการเมืองมาร้องเรียนว่าถูกหัวหน้าชุมชนแห่งหนึ่งห้ามไม่ให้เข้าไปหาเสียงภายในชุมชน ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานและส่งเรื่องให้กับ กกต. แล้ว
ขณะที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิประมาณ 48% ซึ่งแขวงทุ่งสองห้องเป็นพื้นที่ที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิมากที่สุด ประมาณ 57% และแขวงจันทรเกษมมีผู้ออกมาใช้สิทธิน้อยที่สุด ประมาณ 33% แต่ในภาพรวมจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิถือว่าน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจจะเป็นเพราะเป็นการเลือกตั้งซ่อม ประชาชนจึงให้ความสำคัญน้อย หรือวันเลือกตั้งใกล้กับเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจากนี้จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ กกต. ต่อไป
ทั้งนี้หลังจากปิดหีบการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลที่มีการเปิดอบรมให้ความรู้ พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็ว เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของการเคลื่อนย้ายหีบแล้ว ส่วน ศปก. แห่งนี้ยังคงเปิดต่อไปอีกประมาณ 3 วัน เพื่อรับเรื่องร้องเรียนที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ซึ่งหากเป็นเรื่องของการทุจริตเลือกตั้ง พนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและส่งให้ กกต. ต่อไป แต่หากเป็นเรื่องของการทำร้ายร่างกาย พนักงานสอบสวนก็จะรับผิดชอบ
