KTC เผย สภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่เปราะบางยังคงกดดันการปล่อยสินเชื่อโดยภาพรวม แต่บริษัทยังรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อไว้ได้ โดยในช่วง 9 เดือน KTC และกลุ่มบริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิได้ 5,549 ล้านบาท
พิทยา วรปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า “จากสภาพเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ทำให้การบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว อีกทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนกลุ่มเปราะบางที่ปรับลดลงจากรายได้ที่ฟื้นตัวช้า ล้วนส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงอุตสาหกรรมสินเชื่อผู้บริโภคโดยภาพรวม แต่ KTC ยังคงรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ พอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตชะลอตัวลงบ้าง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการปรับอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น แต่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรยังเติบโตดีต่อเนื่อง สำหรับพอร์ตสินเชื่อบุคคลยังขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป”
สำหรับผลการดำเนินงานของ KTC และกลุ่มบริษัทฯ เทียบจากงวดเดียวกันของปี 2566 มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปีของ 2567 เท่ากับ 1,919 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.4%) รายได้รวมเท่ากับ 6,890 ล้านบาท เติบโต 6.6% จากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ รวมทั้งหนี้สูญได้รับคืนที่เพิ่มขึ้นจากการตัดหนี้สูญได้เร็วขึ้น
ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 4,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% ส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมและบริการการจ่ายที่สูงขึ้นตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้น และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) สูงขึ้นจากการตั้งสำรองตามคุณภาพของลูกหนี้และการตัดหนี้สูญเร็วขึ้นตามการปรับใช้นโยบายหนี้สูญใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 อีกทั้งต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 KTC มีฐานสมาชิกรวม 3,445,286 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 106,183 ล้านบาท (ลดลง 0.5%), อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 1.93% แบ่งเป็นสมาชิกบัตรเครดิต 2,758,150 บัตร (เพิ่มขึ้น 5.4%), เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 69,093 ล้านบาท (ลดลง 0.2%), NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.30% และปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตร 9 เดือนของปี 2567 เท่ากับ 211,459 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.0%)
สมาชิกสินเชื่อบุคคล KTC จำนวน 687,136 บัญชี (ลดลง 3.9%), เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม 34,806 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2.1%) และ NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 2.21% โดยเป็นยอดสินเชื่อ ‘KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน’ จำนวน 2,959 ล้านบาท
ในส่วนของลูกหนี้ตามสัญญาเช่าในบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง จำกัด หรือ KTBL มีมูลค่า 2,284 ล้านบาท (ลดลง 32.2%) ซึ่ง KTC หยุดปล่อยสินเชื่อประเภทนี้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 และปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามหนี้และบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อที่มีอยู่
