วันนี้ (4 มกราคม) กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลกรุงเทพกลางแปลง ปี 3 โดยความร่วมมือจาก กรุงเทพมหานคร, สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย, หอภาพยนตร์ Thai Film Archive, happening mag ได้รับการสนับสนุนจาก THACCA-Thailand Creative Culture Agency และ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม
เนรมิตกรุงเทพฯ ในพื้นที่ต่างๆ ให้กลายเป็นลานฉายหนังกลางแปลง บรรยากาศสุดคลาสสิก ตลอดเดือนมกราคมนี้ 3 สถานที่ฉาย ไม่ซ้ำอรรถรส นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตจาก SCRUBB, Better Weather, Whal & Dolph, งานเสวนาสำหรับคอภาพยนตร์ รวมถึงการออกร้านค้า ร้านอาหารอร่อยชื่อดังของแต่ละเขตในกรุงเทพฯ และกิจกรรมอีกมากมาย ตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น. ระหว่างวันที่ 4-19 มกราคม 2568
กำหนดการฉายหนังใน 3 สถานที่สำคัญ กับหนังสร้างชื่อทั้ง 6 เรื่อง มีดังต่อไปนี้
ลานคนเมือง เสาชิงช้า
- สัปเหร่อ (4 มกราคม)
หนังไทยทำเงินสูงสุดประจำปี 2566 กับรางวัลที่คว้าจากสถาบันต่างๆ กลับบ้านอีกเป็นกระบุง การันตีคุณภาพทั้งเงินทั้งกล่อง
- ทวิภพ (5 มกราคม)
ภาพยนตร์พีเรียด-โมเดิร์นเรื่องแรกๆ ของไทย กับซีนดีไซน์สุดคราฟต์ในหนัง ที่เล่าเรื่องอยู่ในเมืองเก่า วัง และเจ้าพระยา โดยเวอร์ชันที่นำมาฉายเป็น Director’s Cut ของ แกละ-สุรพงษ์ พินิจค้า ผู้กำกับในตำนาน ซึ่งเวอร์ชันนี้ไม่ได้ฉายในโรง และหนังเรื่องนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติด้วย
คลองผดุงกรุงเกษม หัวลำโพง
- Sea Sparkle (11 มกราคม)
หนังรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเทศกาลหนังของเด็กแห่งยุโรป และเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน ที่จะนำมาฉายในสัปดาห์วันเด็กแห่งชาติ
- RedLife (12 มกราคม)
หนังเรื่องแรกที่ใช้ศูนย์ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ (BFMCC) ของ กทม. เล่าเรื่องโดยมีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ (หัวลำโพง, วงเวียน 22 กรกฎาคม) และได้รับเลือกเข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์โตเกียว
สวนลุมพินี
- ดอยบอย (18 มกราคม)
หนังต้อนรับสมรสเท่าเทียม เล่าถึง LGBTQIA+ และคนชายขอบ ที่ทำให้ อัด อวัช ได้รางวัลนักแสดงดาวรุ่งจากเทศกาลภาพยนตร์ปูซาน
- ทะเลของฉัน มีคลื่นเล็กน้อย ถึงปานกลาง (19 มกราคม)
หนังประเด็นความรักของหญิง-หญิงชาวมุสลิม ที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสาย New Currents จากเทศกาลภาพยนตร์ปูซาน
