×

‘เงินเฟ้อพื้นฐาน’ อาจกดไม่ลง! Krungthai COMPASS เตือนค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นราว 13.8% ตั้งแต่มกราคมปีหน้า ดันเงินเฟ้อเพิ่มอีก 0.5%

08.12.2022
  • LOADING...

Krungthai COMPASS ระบุว่า แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัว แต่ต้องจับตาราคาสินค้าในหมวดพื้นฐานที่อาจทยอยปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเตือนว่าค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นราว 13.8% ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 จะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5%

 

ในรายงาน Krungthai COMPASS ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤศจิกายนชะลอลงมาสู่ระดับ 5.55% เมื่อเทียบจากปีก่อน เนื่องจากเงินเฟ้อหมวดอาหารสดที่ชะลอลง ทั้งราคาผักและผลไม้ที่ปรับลดลงตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ประกอบกับผลของฐานในปีก่อนที่เริ่มปรับสูงขึ้น

 

แต่หากพิจารณาอัตราเฟ้อพื้นฐานพบว่า ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.13% (เร่งขึ้นเมื่อเทียบกับ 0.05% ในเดือนตุลาคม จากการทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้นทั้งหมวดอาหาร ได้แก่ ราคาอาหารสำเร็จรูปและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และหมวดสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร เช่น หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคลจากราคาของใช้ส่วนตัว และค่าโดยสารสาธารณะ เป็นต้น สะท้อนถึงการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ประกอบการที่ส่งผลให้ราคาสินค้ายังทยอยปรับขึ้นต่อเนื่องตามภาวะต้นทุนที่ยังอยู่ในระดับสูง

 

จับตาค่าไฟฟ้าขึ้น กระทบเงินเฟ้อปี 2566

เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนพฤศจิกายนยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการทยอยปรับขึ้นราคาของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าก็อาจปรับตัวเพิ่มตามต้นทุนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากตลาดโลก เพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและเมียนมา ซึ่งมีต้นทุนการนำเข้าที่แพงกว่า กระทบต่อค่าใช้จ่ายในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2566 อาจปรับเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ 5.37 บาทต่อหน่วย  จากระดับปัจจุบันอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย (ค่าไฟฟ้ารอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565) 

 

Krungthai COMPASS จึงคาดว่าค่าไฟฟ้าที่มีแนวโน้มสูงขึ้นประมาณ 13.8% ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 จะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5% นอกจากนี้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้นอาจซ้ำเติมให้ภาคธุรกิจส่งผ่านราคาเพิ่มขึ้นในสภาวะที่ต้นทุนรอบด้านยังอยู่ในระดับสูง

 

คำเตือนดังกล่าวสอดคล้องกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่เมื่อวานนี้ (7 ธันวาคม) ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราค่าไฟฟ้าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดรับฟังความเห็นแนวทางการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ของเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ทั้ง 3 แนวทาง ตั้งแต่ 158-224 สตางค์ต่อหน่วย (เพิ่มขึ้น 14-28%) ซึ่งกรณีมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูงมากถึง 2 งวดติดต่อกัน ย่อมจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน และต้นทุนในการดำเนินธุรกิจทั้งภาคการผลิตและภาคบริการที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ 

 

ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้รัฐบาลพิจารณาชะลอการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ของเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ออกไปก่อน เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจ เนื่องจากแนวโน้มราคาค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าในปี 2566 ตามข้อมูลจาก กกพ. จะมีแนวโน้มชะลอตัวและลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 สอดคล้องกับการผลิตก๊าซจากอ่าวไทยที่จะสามารถกลับมาผลิตได้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน ก็จะทำให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising