กรุงศรี ออโต้ ลุ้นครึ่งหลังปี 2567 แบงก์ชาติปรับผ่อนคลายบางเกณฑ์ของนโยบาย Responsible Lending ช่วยหนุนให้ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ปีนี้ผ่านจุดต่ำ หวังปี 2568 ตลาดเริ่มฟื้น
คงสิน คงคา ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือกรุงศรี ออโต้ เปิดเผยว่า ภาพรวมสถานการณ์ช่วง 6 เดือนแรกปี 2567 ของตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมทั้งยอดขายรวมรถยนต์ลดลงไปค่อนข้างมากประมาณกว่า 20% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว พร้อมทั้งประเมินว่าภาพรวมตลาดของตลาดสินเชื่อซื้อรถยนต์ทั้งปี 2567 จะลดลงประมาณ 20% โดยถือเป็นตัวเลขที่ย่ำแย่ที่สุดใกล้เคียงกับในช่วงที่มีสถานการณ์โควิดแพร่ระบาดในประเทศไทย
เนื่องจากในปี 2567 ตลาดรถยนต์ถูกผลกระทบสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับที่สูง รวมถึงเศรษฐกิจของไทยในปี 2567 ยังคงมีทิศทางการชะลอตัว ส่งผลให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลง อีกทั้งผู้บริโภคยังขาดความมั่นใจในการใช้จ่าย โดยข้อมูลจากวิจัยกรุงศรีปรับลดประมาณการ GDP ของไทยในปี 2567 จากขยายตัวเดิมคาดว่าจะขยายตัว 2.7% ลงมาเหลือ 2.4%
อีกทั้งสถาบันการเงินต่างๆ มีความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกนโยบายหลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)
“ขณะนี้ธนาคารต่างๆ พยายามหารือกับแบงก์ชาติเพื่อขอผ่อนปรนบางกฎเกณฑ์ของนโยบาย Responsible Lending ที่เข้มงวด โดยจะพิจารณาให้คลายลง ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นว่าแบงก์ชาติผ่อนคลายให้”
คงสินกล่าวต่อว่า คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ธปท. จะมีการทยอยปรับผ่อนปรนเกณฑ์ Responsible Lending ในบางข้อให้ผ่อนปรนลง หลังมีการรับฟังข้อมูลหารือร่วมกับสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันให้ไม่มีความเข้มงวดมากเกินไป ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลดีให้ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เริ่มมีแนวโน้มทยอยดีขึ้นในปี 2568 พร้อมทั้งคาดว่าในปี 2567 จะเป็นจุดต่ำสุดของตลาดสินเชื่อและตลาดรถยนต์โดยรวม
อย่างไรก็ดี กรุงศรี ออโต้อยู่ระหว่างทบทวนปรับลดเป้าหมายยอดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จากเดิมที่เคยตั้งปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2.19 แสนล้านบาท และทบทวนปรับลดเป้าหมายยอดสินเชื่อคงค้างรวมปีนี้จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตในระดับ 5% จากปีก่อนหน้า โดยมีสินเชื่อคงค้างรวมอยู่ 4.67 แสนล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดสินเชื่อกับตลาดรถยนต์ที่คาดว่าจะชะลอตัว แต่ยังคงเป้าหมายหนี้เสีย (NPL) ในปี 2567 ที่ระดับ 2.5% ใกล้เคียงกับปี 2566
ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือกรุงศรี ออโต้
“กรุงศรี ออโต้ ทำสินเชื่อ 2 แบบคือ ให้สินเชื่อสำหรับคนต้องการมีรถ และให้สินเชื่อคนที่มีรถอยู่แล้วแต่ต้องการกู้เงิน จากข้อมูลขณะนี้สินเชื่อกลุ่มคนที่ต้องการมีรถลดลงแบบชัดเจน แต่สินเชื่อกลุ่มคนที่มีรถแล้วมีความต้องการกู้เงินมีการเติบโตขึ้น ซึ่งธนาคารกำลังดูความชัดเจนว่าทั้งสองตลาดนี้จะมีการปรับเป้าหมายอย่างไร”
อย่างไรก็ดี บริษัทเห็นโอกาสการเติบโตในภาคการท่องเที่ยว ที่ภาคธุรกิจจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยเห็นข้อมูลในช่วง 6 เดือนแรกปี 2567 พบว่าคนไทยมีแนวโน้มท่องเที่ยวในประเทศไทยเติบโตขึ้นประมาณ 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งมียอดการใช้จ่ายที่อยู่ในระดับสูง 4.77 แสนล้านบาท กลับมาใกล้เคียงกับในช่วงปีก่อนที่จะมีโควิดแพร่ระบาดแล้ว จึงมองว่าเป็นโอกาสในการกระตุ้นรายได้จากภาคการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ บริษัทมีแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto ที่เดิมให้บริการด้านธุรกรรมการเงินต่างๆ เกี่ยวกับรถยนต์ รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อดิจิทัล และมีการขยาย Ecosystem ที่เป็นศูนย์รวมทุกเรื่องของผู้ใช้รถไว้ในที่เดียว ปัจจุบันมีฐานผู้ใช้งานกว่า 3.5 ล้านราย โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2566 บริษัทเริ่มเปิดให้บริการแอป โดยนำข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานและไลฟ์สไตล์แบบอินไซต์ของผู้บริโภคมาพัฒนาบริการใหม่ ‘บัดดี้ท่องเที่ยวคู่ใจผู้ใช้รถ’ บนฟีเจอร์ GO Travel ที่ครอบคลุมบริการใช้รถเพื่อเดินทางท่องเที่ยว
โดยเริ่มเปิดให้กลุ่มผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าสินเชื่อของกรุงศรี ออโต้สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ โดยใช้แอปวางแผนแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค ตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจทั่วประเทศไทย โดยมีการทำโปรโมชันร่วมกับร้านค้า, คาเฟ่, โรงแรม รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อีกทั้งมีการจับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งคาดว่าบริการดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างรายได้แหล่งใหม่ให้กับกรุงศรี ออโต้ต่อไปในอนาคต ซึ่งตั้งเป้าหมายจะมีผู้ใช้งานเฉลี่ยประมาณ 2 แสนรายต่อเดือน เป็นไปตามแผนธุรกิจระยะกลางถึงระยะยาวในเวลา 3-5 ปี ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังแหล่งรายได้ใหม่ๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบของธุรกิจสินเชื่อซื้อรถยนต์ที่มีการแข่งขันสูง
